การปรับตัวการปรับเปลี่ยนทางพันธุกรรมการโอนยีนการกลายพันธุ์การคัดเลือกโดยธรรมชาติการเกิดสปีชีส์ใหม่หลักฐานประวัติการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตประวัติแนวคิดการวิวัฒนาการการสังเคราะห์วิวัฒนาการสมัยใหม่ผลกระทบทางสังคมทฤษฎีและความจริงการต่อต้าน /
การโต้แย้งคลาดิสติกส์พันธุศาสตร์ระบบนิเวศพัฒนาการของวิวัฒนาการวิวัฒนาการของมนุษย์วิวัฒนาการของโมเลกุลวิวัฒนาการศาสตร์พันธุศาสตร์ประชากรวิวัฒนาการของมนุษย์ (
อังกฤษ: Human evolution)เป็นกระบวนการ
วิวัฒนาการที่นำไปสู่การปรากฏขึ้นของ "
มนุษย์ปัจจุบัน" (
อังกฤษ: modern human มีนามตาม
อนุกรมวิธานว่า Homo sapiens หรือ Homo sapiens sapiens)ซึ่งแม้ว่าจริง ๆ แล้วจะเริ่มต้นตั้งแต่บรรพบุรุษแรกของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแต่บทความนี้ครอบคลุมเพียงแค่ประวัติ
วิวัฒนาการของสัตว์
อันดับวานร (primate) โดยเฉพาะของ
สกุล โฮโม (Homo)และการปรากฏขึ้นของมนุษย์
สปีชีส์ Homo sapiens ที่จัดเป็นสัตว์
วงศ์ลิงใหญ่เท่านั้น การศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการมนุษย์นั้นต้องอาศัยความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์หลายสาขารวมทั้ง
มานุษยวิทยาเชิงกายภาพ (หรือ มานุษยวิทยาเชิงชีวภาพ),
วานรวิทยา,
โบราณคดี,
บรรพชีวินวิทยา,
พฤติกรรมวิทยา,
ภาษาศาสตร์,
จิตวิทยาเชิงวิวัฒนาการ (evolutionary psychology),
คัพภวิทยา และ
พันธุศาสตร์[1]กระบวนการวิวัฒนาการเป็นความเปลี่ยนแปลงของลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) ของกลุ่ม
สิ่งมีชีวิตผ่านหลายชั่วยุคชีวิต เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดความหลายหลากกับสิ่งมีชีวิตในทุก
ระดับชั้น รวมทั้งระดับ
สปีชีส์ ระดับสิ่งมีชีวิตแต่ละชีวิต และแม้กระทั่งโครงสร้างระดับ
โมเลกุลเช่น
ดีเอ็นเอและ
โปรตีน[2] สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกสืบสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกันที่มีชีวิตประมาณ 3.8 พันล้านปีก่อนการเกิดสปีชีส์ใหม่ ๆ และการแยกสายพันธุ์ออกจากกันของสิ่งมีชีวิต สามารถอนุมานได้จากลักษณะสืบสายพันธุ์ทาง
สัณฐานและทางเคมีชีวภาพ หรือโดย
ลำดับดีเอ็นเอที่มีร่วมกัน
[3] คือ ลักษณะสืบสายพันธุ์และลำดับดีเอ็นเอที่มีกำเนิดเดียวกัน จะมีความคล้ายคลึงกันระหว่างสปีชีส์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกันเร็ว ๆ นี้มากกว่าระหว่างสปีชีส์ที่มีบรรพบุรุษร่วมกันมานานแล้ว ดังนั้นความคล้ายคลึงกันและความแตกต่างกันจึงสามารถใช้สร้างแบบของต้นไม้สายพันธุ์สิ่งมีชีวิต ที่แสดงความสัมพันธ์เชิงญาติ โดยใช้สิ่งมีชีวิตที่ยังมีอยู่หรือใช้
ซากดึกดำบรรพ์เป็นหลักฐานข้อมูลรูปแบบความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในโลกเปลี่ยนแปลงไปเพราะการเกิดขึ้นของสปีชีส์ใหม่ ๆ และการสูญพันธุ์ไปของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่
[4]งานวิจัยต่าง ๆ ทาง
พันธุศาสตร์แสดงว่า สัตว์
อันดับวานรรวมทั้ง
มนุษย์แยกออกจาก
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่น ๆ เมื่อประมาณ 85 ล้านปีก่อนโดยมี
ซากดึกดำบรรพ์ปรากฏเป็นครั้งแรกสุดเมื่อประมาณ 55 ล้านปีก่อน
[5]ส่วนลิง
วงศ์ชะนี (Hylobatidae) แยกสายพันธุ์ออกจากสายพันธุ์
วงศ์ลิงใหญ่ (Hominidae) รวมทั้งมนุษย์ ซึ่งเป็นวงศ์หนึ่ง ๆ ของสัตว์อันดับวานรนั้น เมื่อ 17 ล้านปีก่อน
[upper-alpha 1]แล้วลิงวงศ์ Ponginae (ลิง
อุรังอุตัง) ก็แยกออกจากสายพันธุ์เมื่อประมาณ 14 ล้านปีก่อน
[7]จากนั้น
การเดินด้วยสองเท้า (bipedalism) ซึ่งเป็นการปรับตัวพื้นฐานที่สุดของสัตว์
เผ่า Hominini[upper-alpha 2]ซึ่งเป็นสายพันธุ์ของมนุษย์ที่ลิง
ชิมแปนซีได้แยกออกไปแล้วก็เริ่มปรากฏในสัตว์สองเท้าแรกสุดใน
สกุล Sahelanthropus
[8] (7 ล้านปีก่อน)หรือ Orrorin
[9] (6.1 ล้านปีก่อน)โดยมีสกุล Ardipithecus ซึ่งเป็นสัตว์สองเท้าที่มีหลักฐานชัดเจนกว่า ตามมาทีหลัง
[10] (5.8 ล้านปีก่อน)ส่วนลิง
กอริลลาและลิง
ชิมแปนซีแยกออกจากสายพันธุ์ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กันคือลิงกอริลลาเมื่อ 6 ถึง 10 ล้านปีก่อน
[11]และลิงชิมแปนซีเมื่อ 4 ถึง 8 ล้านปีก่อน
[11]โดยอาจจะมี Sahelanthropus เป็นบรรพบุรุษสุดท้ายร่วมกันระหว่างชิมแปนซีและมนุษย์
[8]สัตว์สองเท้ายุคเริ่มต้นเหล่านี้ในที่สุดก็วิวัฒนาการมาเป็นเผ่า hominini เผ่าย่อย
Australopithecina (
อังกฤษ: australopithecine ปกติรวมสกุล Australopithecus, Paranthropus, และในบางที่ Ardipithecus) ที่ 4.2 ล้านปีก่อน และหลังจากนั้นจึงเป็นเผ่าย่อย
Hominina ซึ่งรวมเอามนุษย์สกุล โฮโม เท่านั้น
[12]มนุษย์สกุลโฮโมที่มีหลักฐานยืนยันพวกแรกที่สุดเป็น
สปีชีส์ Homo habilis ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ 2.3 ล้านปีก่อน
[13][upper-alpha 3]โดยเชื่อกันว่า สืบสายพันธุ์มาจาก homonin ในสกุล Australopithecus
[14]เป็นสปีชีส์แรก ๆ ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าใช้
เครื่องมือหิน[upper-alpha 4][16]และการปรับตัวของสายพันธุ์มนุษย์อีกอย่างหนึ่งคือ
การขยายขนาดของสมอง[upper-alpha 5](encephalization) ก็ได้เริ่มขึ้นที่มนุษย์ยุคต้นนี้ ซึ่งมีขนาดสมองที่ประมาณ 610 ซม3 คือมีขนาดใหญ่กว่าของลิง
ชิมแปนซีเล็กน้อย
[13](ระหว่าง 300-500 ซม3
[17])มีนักวิทยาศาสตร์ที่เสนอว่า นี้อยู่ในช่วงเวลาที่
ยีนมนุษย์ประเภท SRGAP2 มีจำนวนเป็นสองเท่าเทียบกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ
[18][19]ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาของ
สมองกลีบหน้าได้รวดเร็วกว่าในสัตว์อื่น ๆ
[upper-alpha 6]ต่อมา มนุษย์สปีชีส์ Homo erectus/ergaster ก็เกิดขึ้นในช่วงประมาณ 1.9 ล้านปีก่อน ที่มีปริมาตรกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของลิงชิมแปนซีคือ 850 ซม3
[26]การขยายขนาดของสมองเช่นนี้เทียบเท่ากับมี
เซลล์ประสาทเพิ่มขึ้น 125,000 เซลล์ทุกชั่วยุคคนสปีชีส์นี้เชื่อว่าเป็นพวกแรก ๆ ที่สามารถควบคุมไฟ
[27]และใช้เครื่องมือหินที่มีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
[16] เป็นมนุษย์
สกุล Homo พวกแรกที่อพยพออกไปตั้งถิ่นฐานทั่ว
ทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย และ
ทวีปยุโรป อาจเริ่มตั้งแต่ 1.8 ล้านปีก่อน
[28]ดังนั้น การวิวัฒนาการของสายพันธุ์มนุษย์ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นไปใน
แอฟริกาเท่านั้น
[14]ส่วนกลุ่มมนุษย์โบราณที่เรียกใน
ภาษาอังกฤษว่า
Archaic humans ก็เกิดวิวัฒนาการขึ้นต่อมาประมาณ 600,000 ปีก่อน
[12] สืบสายพันธุ์มาจาก H. erectus/ergaster เป็นกลุ่มมนุษย์ที่อาจเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน โดยเฉพาะคือมนุษย์โบราณ H. heidelbergensis/rhodesiensis
[29]หลังจากนั้น
มนุษย์สปีชีส์ Homo sapiens ที่มีกายวิภาคปัจจุบัน (anatomically modern human) ก็เกิดขึ้นโดยมีวิวัฒนาการมาจาก
มนุษย์โบราณใน
ยุคหินกลาง (แอฟริกา) คือประมาณ 300,000 ปีก่อน
[upper-alpha 7]ตาม
ทฤษฎี "กำเนิดมนุษย์ปัจจุบันเร็ว ๆ นี้จากแอฟริกา"มนุษย์ปัจจุบันได้วิวัฒนาการในทวีปแอฟริกาแล้วจึงอพยพออกจากทวีปประมาณ 50,000-100,000 ปีก่อน (ต่างหากจากมนุษย์ในยุคก่อน ๆ)ไปตั้งถิ่นฐานแทนที่กลุ่มมนุษย์สปีชีส์ H. erectus, H. denisova, H. floresiensis และ H. neanderthalensis ในที่ต่าง ๆ ที่เป็นเชื้อสายของมนุษย์ที่อพยพออกมาจากทวีปแอฟริกาในยุคก่อน ๆ
[29][30][31][32]โดยอาจได้ผสมพันธุ์กับมนุษย์โบราณก่อน ๆ เหล่านั้น
[33]หลักฐานโดย
ดีเอ็นเอในปี ค.ศ. 2010 บอกเป็นนัยว่ามี
ลำดับดีเอ็นเอหลายส่วนที่มีต้นกำเนิดจากมนุษย์โบราณ
Homo neanderthalensis (
อังกฤษ: Neanderthal) ใน
ดีเอ็นเอของมนุษย์ปัจจุบันทุกเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่คนแอฟริกาและว่า Neanderthal และมนุษย์โบราณสกุลอื่น ๆ เช่นที่รู้จักกันว่า Denisova hominin (
อังกฤษ: Denisovan) รวม ๆ กันแล้ว อาจจะให้
จีโนมเป็นส่วน 1-10% ของจีโนมมนุษย์ปัจจุบันซึ่งบอกเป็นนัยถึง การผสมพันธุ์กัน
[upper-alpha 8] ระหว่างมนุษย์โบราณเหล่านี้กับมนุษย์ปัจจุบันอย่างไรก็ดี การผสมพันธุ์มีระดับค่อนข้างที่จะต่ำและยังเป็นไปได้ว่า กรรมพันธุ์ของ Neanderthal หรือของมนุษย์โบราณอื่น ๆ ที่พบในมนุษย์ปัจจุบันอาจจะอธิบายได้โดยลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) ที่สืบมาจากบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อ 500,000-800,000 มาแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเพราะผสมพันธุ์กันเร็ว ๆ นี้
[34]ส่วนการเปลี่ยนมามี
พฤติกรรมปัจจุบัน (ดูเพิ่มที่หัวข้อ
การเปลี่ยนมามีพฤติกรรมปัจจุบัน)พร้อมกับพัฒนาการของ
วัฒนธรรมสัญลักษณ์ (symbolic culture)
[upper-alpha 9]ภาษา และเทคโนโลยีหินแบบเฉพาะงานเริ่มขึ้นที่ประมาณ 50,000 ปีก่อนตามข้อมูลทาง
มานุษยวิทยา[39]แม้ว่าจะมีนักวิทยาศาสตร์บางส่วนที่เสนอว่า ความจริงเป็นการพัฒนาทางพฤติกรรมอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานยิ่งกว่านั้นที่อาจนานถึง 300,000 ปีและเริ่มมีหลักฐานแล้วว่าพฤติกรรมปัจจุบันนั้น ความจริงมีปรากฏแล้วก่อนหน้านั้น
[40]ในปัจจุบันนี้ วิวัฒนาการของมนุษย์ปัจจุบันก็ยังเป็นไปอยู่ แต่ที่ปรากฏเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนจะจำกัดอยู่ในเรื่องภูมิต้านทานต่อโรคติดต่อโดยมาก
[41]แต่เพราะไร้เหตุกดดันทาง
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ หรือเพราะเหตุอื่น ๆ วิวัฒนาการของมนุษย์เร็ว ๆ นี้ โดยมากก็จะเป็นการเปลี่ยน
ความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจง (genetic drift)นอกจากนั้นแล้ว ยังปรากฏอีกด้วยว่า ทั้งมนุษย์ทั้ง
วงศ์ลิงใหญ่แอฟริกัน (รวมกอริลลาและชิมแปนซี) ปรากฏการวิวัฒนาการที่ช้าลงจากลิงสายพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพราะแต่ละชั่วอายุมีความยาวนานยิ่งขึ้น
[11]คำว่า "มนุษย์" ในบริบทของวิวัฒนาการมนุษย์ จะหมายถึงมนุษย์
สกุล Homo เท่านั้น