เมนูนำทาง
การสงครามสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี การปกป้องแผ่นดินครั้น พระเจ้ามังระ กษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์โก้นบอง ทราบข่าวว่ามีคนไทยตั้งตนเป็นใหญ่อีกครั้งจึงได้มีพระบรมราชโองการให้ แมงกี้มารหญ้า[5] เจ้าเมือง ทวาย ยกทัพมาปราบปราม กองทัพพม่ายกมาถึงอำเภอบางกุ้ง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของกรุงธนบุรีมีกำลังตามพระราชพงศาวดาร 2,000 คน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จนำกองทัพออกตีพม่าจนแตกพ่ายกิตติศัพท์ที่รบชนะทำให้พระราชอำนาจทางการเมืองในภาคกลางยิ่งเข้มแข็งยิ่งขึ้น[6] ราวปี พ.ศ. 2311 พระองค์ก็ยกทัพไปตีชุมนุมพิษณุโลกอีกแต่กระสุนปืนเข้าที่พระชงฆ์ (แข้ง) จึงต้องยกทัพกลับและรักษาพระองค์ยังพระนคร
หลังหายจากพระอาการประชวรแล้วในระหว่างปี พ.ศ. 2312-2313 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ใช้เวลาในการปราบปรามชุมนุมอื่น ๆ เพื่อรวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นเริ่มจากชุมนุมเจ้าพิมาย[7] ชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช[8] และชุมนุมเจ้าพระฝางตามลำดับ[9] เมื่อปราบปรามชุมนุมต่าง ๆ ลงอย่างราบคาบแล้ว รัฐบาลจีนก็เริ่มให้การยอมรับสถานะพระมหากษัตริย์ของพระองค์อย่างเป็นทางการ[10] นอกจากการต่อสู้เพื่อรวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นแล้วยังต้องป้องกันหัวเมืองชายแดนอีกด้วย ตลอดรัชสมัยทำสงครามกับพม่าถึง 9 ครั้ง ดังนี้
เมนูนำทาง
การสงครามสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี การปกป้องแผ่นดินใกล้เคียง
การสงครามสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี การสงครามเคมี การสงครามภูเขา การสงครามสมัยใหม่ตอนต้น การสงครามอิเล็กทรอนิกส์ การสงครามปราบเรือดำน้ำ การสงครามจิตวิทยา การสงบศึก การสงครามกองโจร การสงบศึกเบลเกรดแหล่งที่มา
WikiPedia: การสงครามสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี