อเมริกาเหนือ ของ ที่พักริมทาง

แคนาดา

ศูนย์บริการใน เมืองเคมบริดจ์ รัฐออนแทรีโอ

ในประเทศแคนาดา ที่พื้นที่ให้บริการริมทางเรียกว่าศูนย์บริการ (service centres) ส่วนใหญ่อยู่ในตัวเมือง ในบางที หากที่พักริมทางนั้นไม่มีร้านค้าให้บริการ มักจะเรียกว่า ที่พักริมทาง หรือ จุดหยุดส่งข้อความ ('halte-texto' ในภาษาฝรั่งเศส) ศูนย์บริการส่วนใหญ่มักจะกระจุกตัวอยู่ตามแนวทางหลวงหมวด 400 ของรัฐออนแทรีโอ และเครือข่ายถนนออโตรูทของรัฐเกแบ็ก ในขณะที่ที่พักริมทางมักจะถูกพบได้ตามเครือข่ายทางหลวงของทุก ๆ เมือง และทางหลวงสายทรานส์แคนาดา

รัฐโนวาสโกเชียมีการสร้างศูนย์บริการอย่างเต็มรูปแบบจำนวนไม่มากนัก ตามแนวทางหลวงหมวด 100

ในรัฐนิวบรันสวิก ที่พักริมทางแห่งเดียวคือสวนสาธารณะริมถนนที่ประกอบไปด้วยโต๊ะปิกนิกและห้องน้ำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบสวนสาธารณะประจำรัฐ แต่หลายแห่งถูกปิดตัวลงด้วยปัญหางบประมาณ บางครั้งจะพบเพียงถังขยะตั้งอยู่ในพื้นที่ริมถนน

บริเวณที่ราบแพร์รีแคนาดา (ระหว่างรัฐซัสแคตเชวันและรัฐแมนิโทบา) มีจุดพักรถอยู่ตามแนวทางหลวงทรานส์แคนาดา (ทางหลวงหมายเลข 1) อย่างไรก็ตาม จุดพักรถเหล่านี้มีสถานะเป็นเพียงสถานที่พักผ่อนหรือเข้าห้องน้ำ ไม่ใช่การสร้างในรูปแบบศูนย์บริการเหมือนกับทางหลวงหมวด 400 ในออนแทรีโอ หรือระบบทางหลวงอินเตอร์สเตตของสหรัฐ

สหรัฐ

ป้ายที่พักริมทางบนถนนอินเตอร์สเตต 95 ในฟลอริดา ป้ายนี้ยังระบุถึงการมีที่พื้นที่จอดรถค้างคืนที่ปลอดภัย และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในบริเวณที่พัก

ในประเทศสหรัฐ ที่พักริมทางโดยทั่วไปจะไม่ใช่พื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยองค์ประกอบพื้นฐานจะประกอบไปด้วยพื้นที่จอดรถและห้องน้ำให้บริการ ในสหรัฐมีที่พักริมทางให้บริการจำนวนทั้งสิ้น 1,840 แห่ง[10] ตามแนวทางหลวงระหว่างรัฐ บางแห่งอาจจะประกอบไปด้วยซุ้มให้บริการข้อมูล เครื่องขายของอัตโนมัติ และพื้นที่ปิกนิก ซึ่งมีอยู่ไม่มากนัก ในขณะที่บางที่พักริมทางนั้นมีสถานีจ่ายน้ำและที่ทิ้งของเสียสำหรับรถบ้าน ซึ่งที่พักริมทางเหล่านี้มักจะอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานด้านการขนส่งของรัฐ อาทิ ที่พักริมทางในแคลิฟอร์เนียได้รับการดูแลโดยกรมการขนส่งแคลิฟอร์เนีย

ในปี พ.ศ. 2551 รัฐบาลรัฐเริ่มปิดที่พักริมทางบางส่วนเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปลายทศวรรษที่ 2000

ในบางแห่ง อาทิ รัฐแคลิฟอร์เนีย มีกฎหมายไม่ให้ร้านค้าเข้ายึดครองจุดพักรถ กฎหมายของรัฐบาลกลางที่ออกมาโดยสภาคองเกรสยังห้ามไม่ให้รัฐอนุญาตให้บริษัทเอกชนเข้าครอบครองที่พักริมทางตามทางหลวงระหว่างรัฐ เป็นข้อความระบุว่า

รัฐจะไม่อนุญาตให้สถานีบริการยานยนต์หรือสถานประกอบการเชิงพาณิชย์อื่น ๆ สำหรับให้บริการแก่ผู้ใช้ยานยนต์สร้างหรือตั้งอยู่บนสิทธิบนเส้นทางของระบบทางหลวงระหว่างรัฐ

เดิมทีกฎหมายข้อนี้กำหนดมาเพื่อปกป้องเมืองเล็ก ๆ เพื่อให้อยู่รอดด้วยการให้บริการริมทาง เช่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านอาหาร และที่พัก จากเหตุนี้เองทำให้จุดพักรถบรรทุกเอกชนและทราเวลพลาซาเติบโตขึ้น มีมูลค่าสูงกว่า 171,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[11] ซึ่งกฎหมายข้อดังกล่าวถูกกำกับไว้ตอนท้ายไว้ว่ายกเว้นสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกริมทางที่สร้างก่อนวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1960 ซึ่งหลายแห่งยังคงเปิดให้บริการอยู่

จากกฎหมายนี้เอง ทำให้เอกชนจะต้องซื้อที่ดินที่อยู่ใกล้แนวทางออกของทางด่วน และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับนักเดินทาง ซึ่งมักจะสร้างป้ายที่สูงมาก เพื่อให้นักเดินทางสามารถมองเห็นได้แต่ไกล และมีเวลาตัดสินใจในการออกจากทางด่วนและมุ่งไปสู่จุดพักรถเอกชนดังกล่าวที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งขณะเดียวกันก็ไม่สะดวกเนื่องจากต้องผ่านถนนท้องถิ่นและทางแยกมากมายก่อนจะถึงจุดพักรถเอกชน ต่างจากที่พักริมทางของรัฐที่เข้าถึงได้สะดวกกว่า

ป้ายบอกทางพิเศษสีน้ำเงินที่มีการระบุสัญลักษณ์สถานีบริการน้ำมัน ร้านอาหาร ที่พัก แคมป์ปิง และสถานที่ท่องเที่ยวริมทางใกล้กับทางด่วน สามารถพบได้ทั่วไปบนทางด่วนส่วนใหญ่ของสหรัฐ มีจุดเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1970 ธุรกิจเอกชนได้รับอนุญาตให้แสดงโลโก้หรือเครื่องหมายการค้าบนป้ายดังกล่าว โดยจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อยให้กับหน่วยงานด้านการขนส่ง (หรือผู้ได้รับสัมปทานของหน่วยงานขนส่ง) จนกระทั่งมีการกำหนดคู่มือเกี่ยวกับรูปแบบเครื่องหมายจราจรในปี ค.ศ. 2000 ซึ่งกำหนดให้ป้ายเหล่านี้มีได้เฉพาะในพื้นที่ทางหลวงในชนบทเท่านั้น ต่อมาได้มีการเพิ่มบทบัญญัติให้สามารถเพิ่มป้ายเหล่านี้ในเขตเมืองได้ ตราบได้ที่สามารถรักษาระยะห่างระหว่างป้ายให้เพียงพอได้ ซึ่งในบางรัฐก็ยังคงใช้ข้อกำหนดเดิม คืออนุญาตให้ใช้งานได้ในพื้นที่ชนบท

พื้นที่บริการ

ทราเวลพลาซา ตามทางหลวงระหว่างรัฐ 90 ในเมืองชิตเตนานโก รัฐนิวยอร์ก

ก่อนจะมีการสร้างระบบทางหลวงอินเตอร์สเตต หลายรัฐทางตะวันออกของเทือกเขาร็อกกีได้เริ่มมีการสร้างและเก็บค่าผ่านทางระหว่างเมือง (ทางด่วน) ของตนเอง เพื่อเก็บค่าใช้จ่ายในการคืนทุนค่าก่อสร้าง รวมถึงเปิดสัมปทานที่พักริมทางให้เอกชนสามารถดำเนินการธุรกิจได้ นอกจากนี้ผู้ขับขี่ยังสามารถแวะทานอาหารและเติมน้ำมันได้โดยไม่ต้องเสียค่าผ่านทางเพิ่มเติมเมื่อออกจากระบบสายทาง

รัฐเพนซิลเวเนียเป็นหนึ่งในรัฐที่ดำเนินการทางด่วนในรูปแบบดังกล่าว ได้เปิดให้บริการทางด่วนในปี พ.ศ. 2483 ต่อมาทางด่วนเพนซิลเวเนียจึงเป็นต้นแบบสำหรับทางด่วนในรูปแบบเดียวกันที่ก่อสร้างตามมาหลังจากนั้น แทนที่จะดำเนินการพื้นที่บริการ (Service areas) เอง Pennsylvania Turnpike Commission เลือกที่จะให้สัมปทานกับ Standard Oil of Pennsylvania (ต่อมาขายกิจการให้กับเอ็กซอนโมบิล) โดยให้บริการสถานีบริการน้ำมันพร้อมกับอู่ซ่อมรถ และเฟรนไชส์ร้านอาหาร ปัจจุบันทางด่วนได้ให้สัมปทานกับ Sunoco (ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่นแทนพื้นที่ของอู่ซ่อมรถ) และพื้นที่ส่วนที่เหลือให้สัมปทานกับ Applegreen[12]

จุดหยุดส่งข้อความ

ในปี พ.ศ. 2556 รัฐนิวยอร์กได้เปิดตัวแคมเปญ รอได้ It Can Wait ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สนับสนุนให้ผู้ขับขี่หยุดพักที่จุดพักรถและที่จอดรถตามถนนของรัฐเพื่อส่งข้อความ (เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งข้อความขณะขับรถ) โดยกำหนดให้พื้นที่ทั้งหมดเป็น จุดหยุดส่งข้อความ (text stops) และติดตั้งป้ายบอกทางที่ระบุข้อความว่า โซนส่งข้อความ ก่อนถึงพื้นที่ที่กำหนด เพื่อหยุดรถและใช้งานอุปกรณ์พกพา อาทิ สมาร์ทโฟน[13]

ศูนย์ยินดีต้อนรับ

ศูนย์ยินดีต้อนรับของรัฐในเวสต์เวอร์จิเนีย ศูนย์ยินดีต้อนรับของรัฐมักจะตั้งอยู่ใกล้กับพรมแดนรัฐหรือเขตเมือง

ที่พักริมทางที่ตั้งอยู่ใกล้กับเขตแดนระหว่างเมืองหรือเขตแดนระหว่างรัฐในสหรัฐ บางครั้งจะถูกเรียกว่า ศูนย์ยินดีต้อนรับ (Welcome center) โดยจะมีขนาดใหญ่กว่าที่พักริมทางทั่วไป และมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในช่วงเวลาเทศกาลที่มีการเดินทางสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไปคอยให้คำแนะนำนักท่องเที่ยวถึงข้อมูลต่าง ๆ ในการเดินทาง ศูนย์ต้อนรับบางแห่งมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กหรือตู้ให้บริการข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับรัฐนั้น ๆ

เนื่องจากการเดินทางทางอากาศทำให้การผ่านพรมแดนของรัฐไม่ได้ผ่านทางบกผ่านถนน บางรัฐ เช่น แคลิฟอร์เนีย จึงมีศูนย์ต้อนรับอย่างเป็นทางการภายในเมืองใหญ่ที่ห่างจากแนวพรมแดนของรัฐ ในบางรัฐ (เช่น แมสซาชูเซตส์) ที่พักริมทางในรูปแบบเดียวกันนี้ถูกเรียกว่าศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว tourist information centers[14] และในรัฐอื่นๆ (เช่น นิวเจอร์ซีย์) เรียกว่าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว visitor center[15]

ประเภทอื่น ๆ

ที่พักริมทางที่ไม่มีห้องน้ำสมัยหม่เรียกว่า จุดพักข้างทาง (waysides) สถานที่เหล่านี้จะประกอบไปด้วยที่จอดสำหรับรถยนต์และรถบรรทุก หรือสำหรับรถกึ่งพ่วงเท่านั้น บางแห่งมีห้องน้ำชั่วคราวและถังขยะ ในรัฐมิสซุรี สถานที่เหล่านี้เรียกว่า สวนสาธารณะริมถนน (Roadside Parks) หรือ โต๊ะริมถนน (Roadside Tables)

พื้นที่จอดรถธรรมดาที่ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใด ๆ เลย จะประกอบไปด้วยพื้นที่บริเวณไหล่ทาง ซึ่งนักเดินทางสามารถหยุดพักได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ พื้นที่ชมวิว (scenic area) ที่มีลักษณะคล้ายกับพื้นที่จอดรถ จัดเตรียมไว้สำหรับนักท่องเที่ยวในสถานที่ที่มีความสวยงามทางธรรมชาติในระหว่างสายทาง พื้นที่เหล่านี้เรียกอีกอย่างนึงว่า จุดชมวิว (scenic overlooks)

ใกล้เคียง

ที่พักริมทาง ที่พักสงฆ์บ้านหนองบัว ที่พักสงฆ์บ้านบ่อพระ ที่พักสงฆ์ ที่พักสงฆ์บ้านเด่นกระต่าย ที่พักข้อมูล ที่ตั้งของโลกในเอกภพ ที่นั่งส่วนขยาย ที่พยาบาลกองพัน ที่พำนักของสังฆราชมหานครแห่งบูโควีนาและแดลเมเชีย

แหล่งที่มา

WikiPedia: ที่พักริมทาง http://www.doh-motorway.com/master-plan/rest-area-... http://www.drivingschoolireland.com/signs-informat... http://www.roadtripamerica.com/dashboarding/Wi-Fi-... http://alk.tiehallinto.fi/thohje/pdf2/pysakoimis_j... http://www.governor.ny.gov/press/09232013-governor... http://www.abelard.org/france/motorway-aires1.php http://www.abelard.org/france/motorway-aires15-gar... http://www.doh.go.th/content/page/page/8074 http://msoh.go.th/web/index.php/new/268-621223 http://www.cbrd.co.uk/reference/international/fran...