บัสบีเบบส์ ของ ประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด_(ค.ศ._1945–1969)

ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ฟุตบอลได้หยุดพักการแข่งขัน และเจมส์ กิ๊บสันได้เริ่มก่อตั้งศูนย์ฝึกเยาวชนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ขึ้นในปี ค.ศ.1938 โดยมีเป้าหมายในการพัฒนานความสามารถนักเตะคลื่นลูกใหม่ นักเตะดาวรุ่ง นักเตะเยาวชน เพื่อป้อนสู่นักเตะอาชีพอย่างมีคุณภาพ ซึ่งมันได้เป็นจุดเริ่มต้น ของการเพาะเมล็ดพันธ์ของนักเตะของสโมสรอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ[16] หลังจากคุมทีมมาถึงปี ค.ศ.1945 บัสบี้ได้ทำการเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่ นักเตะ 7 คนถูกขึ้นบัญชีย้ายทีม นักเตะหลาย ๆ คนต้องเปลี่ยนตำแหน่งการเล่น รวมทั้งการเซ็นสัญญาคว้าตัว จิมมี่ เดลานี่มาจากกลาสโกว์เซลติก ผลจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทำให้ทีมสามารถจบอันดับในฤดูกาล 1946-1947 ในการเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 ในปี ค.ศ.1948 สโมสรชนะรายการเอฟเอ คัพ ด้วยการชนะแบล็คพูล 4–2 ในนัดชิงชนะเลิศ ในฤดูกาลถัดมา บัสบีเริ่มต้นด้วยการขายนักเตะอายุมากออกจากทีมและแทนที่ด้วยนักเตะดาวรุ่งและนักเตะสำรอง ด้วยทีมวัยรุ่นคะนอง บัสบีเบบส์ ชุดนี้ ทีมสามารถคว้าเหรียญรางวัลได้ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1951 หลังจากการแจ้งเกิดของดาวรุ่งวัย 18 ปี แจ็คกี้ บลันช์ฟวาเวอร์ และโรเจอร์ เบิร์น วัยย 22 ปี ด้วยการเอาชนะลิเวอร์พูล ที่สนามแอนฟิล์ด ทอม แจ็คสัน ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์แมนเชสเตอร์อีฟนิ่งได้ขนานนามทีมชุดนี้ว่า ยูไนเต็ดเบบส์[17]

บัสบีเบบส์ในเดนมาร์ก ปี ค.ศ.1955

ฤดูกาล 1952 -53 จอห์นนี่ คาเรย์ ได้ยุติการค้าแข้งของตัวเอง ซึ่งมันก็เป็นจุดเริ่มของนักเตะชุด บัสบีเบบส์ ในการก้าวสู่ยุคแห่งแชมเปี้ยน ดาวิด เพ็กก์ เดนิส ไวโอเล็ต ดังคัน เอดเวิดส์ และ บิล โฟร์ค โดยมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 16-21 ปี ทั้งหมดได้ลงเล่นครั้งแรกในฤดูกาลค.ศ.1952-53 นักเตะหลาย ๆ คนในชุดนี้ ถูกดึงเข้ามาภายใต้สายตาอันเฉียบคมของหัวหน้าแมวมอง โจ อาร์มสตรอง ซึ่งได้รับมอบหมายให้ค้นหานักเตะในแถบเหนือของประเทศ บ็อบ บิช้อบ(เบลฟาร์ท) บิลลี่ บีฮาน(ดับบลิน) และบ็อบ ฮาเปอร์ ภายใต้การสนับสนุนของนโยบายสนับสนุนนักเตะเยาวชนของ แมตต์ บัสบี ยูไนเต็ดจบอันดับที่ 8 ในปี ค.ศ.1954 และอันดับ 5 ในปี ค.ศ.1955 ก่อนที่จะได้แชมป์ลีกในฤดูกาล 1955-56 โดยมีแต้มห่าง 11 แต้มจากอันดับ 2 ด้วยผู้เล่น ทอมมี เทย์เลอ และ เดนิส ไวโอเลต ด้วยผู้เล่นเฉลี่ย 22 ปี มี 2 ผู้เล่นจากยุค 1956 โรเจอร์ เบิร์น และ จอห์นนี่ เบอรรี่

หนึ่งในดาวเด่นของทีม คือ ดังคัน เอดเวิดส์ ผู้ซึ่งถูกบันทึกในประวิติศาสตร์ว่าเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ติดทีมชาติอังกฤษ ในเกมที่อังกฤษต้องเล่นกับสก๊อตแลนด์ ขณะที่เขามีอายุเพียง 17 ปี 8 เดือน โดยสถิตินี้ได้คงอยู่นานถึง 40 ปี ก่อนที่จะถูกทำลายโดยไมเคิล โอเว่น ในปี 1998 โดยโอเว่น ได้เป็นนักเตะของยูไนเต็ดหลังจากนั้นอีก 10 ปี ความยิ่งใหญ่ของเจ้าตัวนั้น สามารถดูได้จากการจัดอันดับ 50 นักเตะยอดเยี่ยมของยูไนเต็ดตลอดกาล ในปี ค.ศ.1999 ซึ่งดังคัน เอดเวิดส์ได้อันดับที่ 6 จากผลสำรวจของแฟนบอล ทั้ง ๆ ที่เขามีช่วงเวลากับยูไนเต็ดแค่ 5 ปี ด้วยอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น

ปี ค.ศ.1957 ยูไนเต็ดป้องกันแชมป์ได้ โดย ทอมมี่ เทย์เลอร์ ยิงไป 22 ประตู เลียม วีแลน 26 ประตู รวมทั้งได้จากผู่เล่นดาวรุ่ง บ็อบบี ชาร์ลตัน อีก 10 ประตู ในปีเดียวกันนี้ ยูไนเต็ดได้เข้าชิงรายการเอฟเอ คัพ และต้องขาดผู้รักษาประตูตัวหลัก เรย์ วู๊ด เกือบทั้งเกม ในที่สุดก็พ่ายแพ้ให้กับ แอสตันวิลลาด้วยสกอร์ 2 - 1

สำหรับในเกมแรกของฟุตบอลยุโรป ยูไนเต็ดออกสตาร์ทด้วยการบุกไปเอาชนะทีมแชมป์ของลีกเบลเยียม อันเดอร์เลท ไปด้วยสกอร์ 2-0 และสามารถเปิดบ้านถล่มไปได้อีกถึง 10-0 ผ่านเข้ารอบไปได้อย่างสบาย ซึ่งนี่ถือเป็นสถิติชนะด้วยสกอร์สูงที่สุดในรายการยุโรปของยูไนเต็ด[18]

จากนั้นก็สามารถเอาชนะทีมอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุน และ แอตเลทิค บิลเบา ซึ่งพวกเขากลับมาได้หลังจากตามหลังอยู่ 2 ประตู ก่อนที่จะจบเส้นทางยุโรปด้วยความพ่ายแพ้ต่อ รีล มาดริด ในรอบรองชนะเลิศ

ใกล้เคียง

ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสนาพุทธ ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์จีน ประวัติศาสตร์โลก ประวัติศาสตร์สหรัฐ ประวัติศาสตร์สเปน ประวัติศาสตร์เยอรมนี ประวัติการบินไทย

แหล่งที่มา

WikiPedia: ประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด_(ค.ศ._1945–1969) http://www.fifa.com/classicfootball/clubs/matchrep... http://www.fifa.com/classicfootball/players/player... http://www.manutd.com/en/Club/History-By-Decade/19... http://www.manutd.com/en/Club/History-By-Decade/19... http://www.manutd.com/en/Club/History-By-Decade/19... http://www.manutd.com/en/News-And-Features/Feature... http://www.manutd.com/en/Players-And-Staff/Manager... http://www.rsssf.com/miscellaneous/europa-poy.html http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/f... http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/j...