สร้างทีมใหม่ ของ ประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด_(ค.ศ._1945–1969)

แจ็คกี้ บลันซ์ฟวาเวอร์ และ จอร์นนี่ เบอรี่ ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเล่นฟุตบอลต่อได้อีก ส่วนเคนนี่ มอร์แกนส์ หลังจากพักรักษาตัวและกลับมาลงเล่นต่อ เค้าก็ไม่สามารถคืนสู่ฟอร์มการเล่นเก่าได้อีก แมตต์ บัสบี้ ต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานถึง 2 เดือน ด้วยอาการแทรกซ้อนหลาย ๆ อย่าง ด้วยโอกาสรอดชีวิตในเบื้องต้นมีแค่ 50-50 เท่านั้น

ช่วงเวลาที่บัสบี้พักรักษาตัวอยู่ ทีมอยู่ภายใต้การคุมทีมของผู้ช่วยผู้จัดการ จิมมี่ เมอร์ฟี่ (เมอร์ฟี่ไม่ได้เดินทางไปยูโกสลาเวียด้วยเนื่องจากภารกิจทีมชาติเวลส์ในเกม ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ที่ต้องพบกับอิสราเอล) ซึ่งยูไนเต็ดต้องดิ้นรนอย่างหนักในการแข่งขันเกมลีกด้วยผู้เล่นที่เหลืออยู่ พวกเค้าชนะแค่ 1 จาก 14 เกมการแข่งขัน และจบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 9 แต่ก็สามารถทำผลงานได้ดีในเกมการแข่งขันเอฟเอ คัพ จนสามารถผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ให้กับโบลตันด้วยสกอร์ 2–0 จบฤดูกาล ยูฟ่า ได้เสนอไปทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งยูไนเต็ดและแชมเปี้ยนในปี ค.ศ.1958-59 วูล์ฟแฮมตัน ให้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพ เพื่อชดเชยจากการสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่เคยมีการทำอย่างนี้มาก่อน แต่อย่างไรก็ดี สมาคมฟุตบอลอังกฤษก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้ไป

หลังจากนั้น ช่วงระหว่างปีค.ศ.1958 ถึง 1962 เป็นช่วงเวลาของการสร้างทีมใหม่ขึ้นมาด้วยการเซ็นสัญญาคว้านักเตะใหม่เข้ามาเสริมทีม ประกอบไปด้วย อัลเบิร์ต ควิกซอลล์ เมาไรซ์ เซทเทอส์ เดนิส ลอว์ แพต ครีแรนด์ และ โนเอล แคนท์เวลล์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการลงทุนสำหรับอนาคต เพราะด้วยช่วงเวลาอันนั้น เหล่านักเตะสายเลือดใหม่ยังไม่สามารถทำผลงานได้ประทับใจและอันดับที่ดี ๆ ได้ นักเตะที่เหลือรอดจากเหตุการณ์มิวนิก บางส่วนก็อยู่รับใช้สโมสรอีกหลายปี อันได้แก่ แฮรรี่ เกรกก์ บิลล์ โฟล์ค และบ็อบบี ชาร์ลตัน ขณะที่ เรย์ วู้ด อัลเบิร์ด สแกนลัน และ เคนนี่ มอร์แกนส์ ย้ายทีมในปี ค.ศ.1961 และเดนิส ไวโอเล็ต ถูกขายให้กับสโมสรสโต้ค ซิตี้ ในปี ค.ศ.1962

ผลงานของทีมในช่วงนี้ดูจะไม่ค่อยสม่ำเสมอ ในลีกฤดูกาล 1962–63 พวกเค้าจบที่อับดับ 19 แต่ก็สามารถเอาชนะเลสเตอร์ซิตี ได้ 3–1 ที่สนามเวมบลีย์ ได้ครองแชมป์ถ้วยเอฟเอ คัพ

หลังเหตุการณ์เครื่องบินตก ชื่อบัสบี้ เบปป์ ดูจะไม่ค่อยเหมาะสม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องการนิกเนมใหม่มาแทน เพื่อเป็นการขู่ขวัญคู่ต่อสู้ไปในตัว ในขณะนั้น ทีมสโมสรรักบี้ของอังกฤษแซลฟอร์ด ได้เดินทางไปทัวร์ที่ฝรั่งเศส ในปีค.ศ.1930 โดยใส่ชุดสีแดงภายใต้ชื่อที่รู้จักในหมู่แฟน ๆ ว่า "ปีศาจแดง" บัสบี้ ชอบชื่อนี้มากและคิดว่าปีศาจน่าจะเหมาะและเพิ่มกำลังขวัญให้กับนักเตะและขู่ขวัญคู่แข่งได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเค้าจึงกำหนดให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นที่รู้จักกันในนาม "ปีศาจแดง" และในเวลาต่อมาสโมสรก็ได้นำโลโก้รูปปีศาจมาติดไว้ที่หนังสือโปรแกรมการแข่งขันและผ้าพันคอ[19] จนกระทั่งในปี ค.ศ.1970 ตราสโมสรได้ถูกออกแบบให้เป็นรูปปีศาจยืนอยู่ตรงกลางพร้อมทั้งถือง่ามด้วย

ใกล้เคียง

ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสนาพุทธ ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์จีน ประวัติศาสตร์โลก ประวัติศาสตร์สหรัฐ ประวัติศาสตร์สเปน ประวัติศาสตร์เยอรมนี ประวัติการบินไทย

แหล่งที่มา

WikiPedia: ประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด_(ค.ศ._1945–1969) http://www.fifa.com/classicfootball/clubs/matchrep... http://www.fifa.com/classicfootball/players/player... http://www.manutd.com/en/Club/History-By-Decade/19... http://www.manutd.com/en/Club/History-By-Decade/19... http://www.manutd.com/en/Club/History-By-Decade/19... http://www.manutd.com/en/News-And-Features/Feature... http://www.manutd.com/en/Players-And-Staff/Manager... http://www.rsssf.com/miscellaneous/europa-poy.html http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/f... http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/j...