สมัยกลาง ของ ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส

ดูบทความหลักที่: ฝรั่งเศสในสมัยกลาง
อาณาจักรฝรั่งเศสสมัยพระเจ้าอองรีที่1

ในค.ศ. 987 ราชวงศ์คาโรแลงเจียนหมดสิ้นไปในอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก อูก กาแป (Hugh Capet) เคานต์แห่งปารีส ได้ขึ้นครองราชย์นับเป็นปฐมกษัตริย์ฝรั่งเศส ราชวงศ์กาเปเชียง แต่อาณาจักรที่พระเจ้าอุคต้องปกครองนั้นเต็มไปด้วยความแตกแยกบรรดาขุนนางต่างๆทำสงครามกับเองเพื่อแย่งชิงดินแดนหรือแม้แต่กบฏต่อพระเจ้าอุคที่ปารีส อำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศสนั้นจึงน้อยนิดแทบทำอะไรไม่ได้ มีอำนาจเฉพาะบริเวณปารีสเท่านั้น

ในค.ศ. 1023 โรแบร์ที่ 2 พระโอรสของอุค กาเป ได้เจรจาสงบศึกกับจักรพรรดิเฮนรีที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก) ว่าจะไม่อ้างสิทธิของกันและกันอีก พระเจ้าโรแบร์ที่ 2 ทรงได้รับสมยาว่า ผู้เคร่งศาสนา เพราะทรงสร้างสันติภาพในหมู่ขุนนาง ใช้วิธีทางทูตมากกว่าสงครามเรียกว่า The Peace and Truce of God และยังทรงให้มีการปรับปรุงวินัยของบาทหลวงเสียใหม่ตามหลักการของนิกายเบเนดิกทีน เรียกว่า การปฏิรูปกลูนีอัก (Cluniac Reforms) อองรีที่ 1 พระโอรสของโรแบร์ที่ 2 อำนาจของพระองค์ถูกลดอย่างมากเพราะขุนนางต่างๆแผ่ขยายดินแดน โดยเฉพาะดยุควิลเลียมแห่งนอร์ม็องดี บุกยึดอาณาจักรอังกฤษในค.ศ. 1066 และทางใต้ดยุคแห่งอากีแตนได้ดินแดนในฝรั่งเศสไปครึ่งประเทศ

จนในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 6 อำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศสจึงเริ่มจะแผ่ขยาย เพราะบรรดาขุนนางต่างใช้กำลังไปมากในสงครามครูเสด ทำให้เริ่มจะอ่อนแอ พระเจ้าหลุยส์ที่6 ทรงปราบปรามบารอนโจร (Robber Barons) ที่คอยปล้มสะดมเรือต่างๆและมีอำนาจในปารีส ทรงทุบทำลายปราสาทของบารอนเหล่านี้ และทรงดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวกับฝ่ายขุนนาง ขุนนางคนใดไม่เชื่อฟังจะถูกยึดที่ดินหรือส่งกำลังไปปราบปราม

ดินแดนของอังกฤษบนผืนแผ่นดินฝรั่งเศส

ในค.ศ. 1137 พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ทรงอภิเษกสมรสกับอาลีเยนอร์แห่งอากีแตน (Eleanor of Aquitaine) บุตรสาวของดยุคแห่งอากีแตนอันกว้างใหญ่ ทำให้ฝรั่งเศสมีสิทธิจะยึดแคว้นใหญ่นี้ได้ ในค.ศ. 1154 เฮนรี พลันตาจาเนต (Henry Plantaganet) ดยุคแห่งอังชู ได้เป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ พระเจ้าหลุยส์ทรงเข้าร่วมสงครามครูเสดครั้งที่ 2ทำให้ทรงมีความขัดแย้งกับราชินีเอเลเนอร์ ทำให้มีการหย่าขาดจากกันในค.ศ. 1152 เอเลเนอร์แห่งอากีแตนต่อมาอภิเษกกับเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ ประจวบเหมาะกับที่ดยุคแห่งอากีแตนสิ้นชีวิต ทำให้อังกฤษได้แคว้นอากีแตนอันกว้างใหญ่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสไปครอง กลายเป็นจักรวรรดิแองเจวิน (Angevin Empire) ผลคืออังกฤษเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงต่อกษัตริย์ฝรั่งเศส

ด้วยสงครามที่หนักหน่วงทำให้พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ออกุสตุสทรงสามารถยึดแคว้นอากีแตนจากพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษจนเกือบหมดได้ (เหลือเพียงกาสโคนี) ในค.ศ. 1214 ทำให้ที่ดินของฝรั่งเศสแผ่ขยายไปกว้างกว่าเดิมมาก และยังทรงตั้งมหาวิทยาลัยปารีสอีกด้วย นักบุญหลุยส์ (พระเจ้าหลุยส์ที่ 9) ก็ทรงขับเขี่ยวกับอังกฤษต่อไปอีก และสงครามครูเสดอัลบีเจนเซียนทำให้ทรงยึดแคว้นตูลูสได้ ทำให้ฝรั่งเศสเป็น "ประเทศ" ขึ้นมาได้ และกลายเป็นมหาอำนาจแห่งยุโรปในสมัยกลาง พระเจ้าฟิลิปผู้โฉมงาม (Philip the Fair) ทรงทำสัญญาพันธมิตรเก่า (Auld Alliance) กับสกอตแลนด์เพื่อต่อต้านอังกฤษ ทรงขับไล่คณะอัศวินเทมพลาร์ และตั้งสภาปาเลอร์มองต์ อำนาจของฝรั่งเศสมีมากมายเสียจนสามารถดึงพระสันตปาปามาประทับที่อาวิญอง(Avignon) ได้ในค.ศ. 1305 สร้างความไม่พอใจไปทั่วยุโรป ด้วยเกรงว่าฝรั่งเศสจะครอบงำองค์พระสันตปาปา


ดูบทความหลักที่: สงครามร้อยปี


ในค.ศ. 1324 พระเจ้าชาลส์ที่ 4 สิ้นพระชนม์โดยไม่มีทายาท ทำให้ราชวงศ์กาเปเชียงสายตรงต้องสิ้นสุดลง พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษเป็นพระนัดดาของพระเจ้าชาลส์ที่ 4 เป็นพระญาติชายที่ใกล้ชิดที่สุดทางสายพระโลหิต จึงเป็นผู้มีสิทธิจะครองบัลลังก์มากที่สุด แต่ขุนนางฝรั่งเศส ไม่ต้องการให้กษัตริย์อังกฤษมาปกครองฝรั่งเศส จึงอ้างกฎบัตรซาลลิคของชนแฟรงก์โบราณว่า การสืบสันติวงศ์จะต้องผ่านทางผู้ชายเท่านั้น และให้ฟิลิปเคานต์แห่งวาลัวส์ (Philip, Count of Valois) ที่สืบเชื้อสายจากพระเจ้าฟิลิปที่ 3 ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าฟิลิปที่ 6 เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์วาลัวส์ (Valois dynasty) ซึ่งเป็นสาขาของราชวงศ์กาเปเชียง ในค.ศ. 1331 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 ทรงยินยอมที่จะสละสิทธิ์ในบัลลังก์ฝรั่งเศสทั้งมวลแต่ครองแคว้นกาสโคนี ในค.ศ. 1333 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงทำสงครามกับสกอตแลนด์ ทำให้พระเจ้าฟิลิปที่ 6 ทรงเห็นเป็นโอกาสจึงนำทัพบุกยึดแคว้นกาสโคนี แต่พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงปราบปรามสกอตแลนด์อย่างรวดเร็ว และหันมาตอบโต้พระเจ้าฟิลิปได้ทัน

สงครามร้อยปีเริ่มต้นในค.ศ. 1337 ในตอนแรกทัพเรือฝรั่งเศสสามารถโจมตีเมืองท่าอังกฤษได้หลายที่ แต่ลมก็เปลี่ยนทิศเมื่อทัพเรือฝรั่งเศสถูกทำลายล้างในการรบที่สลุยส์ (Sluys) ในค.ศ. 1341 ตระกูลดรือซ์แห่งแคว้นบรีตตานีสูญสิ้น พระเจ้าเอ็ดวาร์ดและพระเจ้าฟิลิปจึงสู้รบกันเพื่อให้คนของตนได้ครองแคว้นบรีตตานี ในค.ศ. 1346 พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงสามารถขึ้นบกได้ที่เมืองคัง ในนอร์ม็องดี เป็นที่ตกใจแก่ชาวฝรั่งเศส พระเจ้าฟิลิปแต่งทัพไปสู้ แต่พระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงหลบหนีไปประเทศภาคต่ำ (Low Countries) ทัพฝรั่งเศสตามมาทัน แต่พ่ายแพ้ยับเยินที่การรบที่เครซี (Crecy) ทำให้พระเจ้าเอ็ดวาร์ดต่อไปยึดเมืองท่าคาเลส์ของฝรั่งเศสและยึดเป็นที่มั่นบนแผ่นดินฝรั่งเศสได้ในค.ศ. 1347

ในค.ศ. 1348 ระหว่างที่ฝรั่งเศสกำลังลุกเป็นไฟด้วยสงคราม กาฬโรคก็ระบาดมาถึงฝรั่งเศส คร่าชีวิตผู้คนหลายล้าน ทำให้ประชากรฝรั่งเศสลดลงอย่างมาก ทำให้สงครามหยุดชะงัก จนโรคระบาดเริ่มคลี่คลายในค.ศ. 1358 องค์ชายเอ็ดวาร์ด (Edward, the Black Prince) พระโอรสของพระเจ้าเอ็ดวาร์ด บุกอังกฤษจากกาสโคนี ชนะฝรั่งเศสในการรบที่ปัวติแยร์ (Poitiers) จับพระเจ้าฌองแห่งฝรั่งเศสได้ ด้วยอำนาจของฝรั่งเศสที่อ่อนแอลง ทำให้ตามชนบทไม่มีขื่อแปโจรอาละวาด ทำให้ชาวบ้านก่อจลาจลกันมากมาย พระเจ้าเอ็ดวาร์ดเห็นโอกาสจึงทรงบุกอีกครั้ง แต่ถูกองค์รัชทายาทแห่งฝรั่งเศสต้านไว้ได้ จนทำสนธิสัญญาบรีติญญี ในค.ศ. 1360 อังกฤษได้อากีแตน บรีตตานีครึ่งนึง คาเลส์

แต่พระเจ้าชาลส์ที่ 5 และแบร์ทรันด์ ดู เกอสแคลง (Bertrand du Guesclin) ก็สามารถยึดดินแดนต่างๆคืนได้ในรัชสมัยของพระองค์ เพราะอังกฤษติดพันกับสงครามในสเปน และพระเจ้าเอ็ดวาร์ดทรงสิ้นพระชนม์ในค.ศ. 1377 และองค์ชายเอ็ดวาร์ดค.ศ. 1376 แต่ดูเกอสแคลงก็สิ้นชีวิตในค.ศ. 1380 จนทำสัญญาสงบศึกกัน

โยนแห่งอาร์คกู้เมืองออร์เลียงส์

สงครามร้อยปีหยุดยาวเพราะฝรั่งเศสตกอยู่ในสงครามกลางเมืองระหว่างตระกูลอาร์มันญัค (Armagnac) และดยุคแห่งเบอร์กันดี และขอให้อังกฤษช่วย พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ ก็ทรงนำทัพบุกฝรั่งเศสในค.ศ. 1415 และชนะฝรั่งเศสขาดลอยในการรบที่อแกงคูร์ต (Agincourt) ได้ดยุคแห่งเบอร์กันดีมาเป็นพันธมิตร และยึดฝรั่งเศสตอนเหนือไว้ได้ทั้งหมดในค.ศ. 1419 พระเจ้าเฮนรีทรงเฝ้าพระเจ้าชาลส์ที่ 6 แห่งฝรั่งเศสซึ่งทรงพระสติไม่สมประกอบ ทำสัญญาให้พระโอรสพระเจ้าเฮนรีขึ้นครองฝรั่งเศสเมื่อพระเจ้าชาร์ลส์สิ้นพระชนม์ แต่ทัพสกอตแลนต์ก็มาช่วยขัดขวางเอาไว้ เมื่อพระเจ้าชาลส์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศส แต่ตระกูลอาร์มันญัคยังคงจงรักภัคดีต่อองค์รัชทายาทฝรั่งเศส

ในค.ศ. 1428 อังกฤษล้อมเมืองออร์เลียงส์ แต่โยนแห่งอาร์ค (Joan of Arc หรือ Jeanne d'Arc - ชานดาก) เสนอตัวขับไล่ทัพอังกฤษกล่าวว่านางเห็นนิมิตว่าพระเจ้าให้เธอปลดปล่อยฝรั่งเศสจากอังกฤษ จนสามารถขับไล่ทัพอังกฤษออกไปได้ในค.ศ. 1429 และยังสามารถเปิดทางให้องค์รัชทายาทสามารถยึดเมืองแรงส์เพื่อราชาภิเษกพระเจ้าชาลส์ที่ 7 นับเป็นจุดเปลี่ยนในสงครามร้อยปี แต่โยนแห่งอาร์คถูกฝ่ายเบอร์กันดีจับได้และส่งให้อังกฤษ และถูกเผาทั้งเป็น ในค.ศ. 1435 แคว้นเบอร์กันดีหันมาเป็นฝ่ายฝรั่งเศส แม้ฝ่ายอังกฤษจะมีจอห์น ทัลบอต ที่ดุร้าย แต่พระเจ้าชาลส์ที่ 7ก็ทรงสามารถยึดฝรั่งเศสคืนได้เกือบหมดในค.ศ. 1453 (ยกเว้นคาเลส์) ในการรบที่คาสตีลโลญ (Castillogne) ซึ่งฝรั่งเศสใช้ปืนเป็นครั้งแรก เป็นอันสิ้นสุดสงครามร้อยปี

ใกล้เคียง

ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสนาพุทธ ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์จีน ประวัติศาสตร์โลก ประวัติศาสตร์สหรัฐ ประวัติศาสตร์สเปน ประวัติศาสตร์เยอรมนี ประวัติการบินไทย