ศิลปะการใช้ตัวพิมพ์ไทย (
อังกฤษ: Thai typography) เกี่ยวข้องกับการแสดง
อักษรไทยในสิ่งพิมพ์และบนจอ โดยมีที่มาตั้งแต่ข้อความไทยข้อความแรกที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2362 โดยมิชชันนารีชาวตะวันตกในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นผู้ริเริ่มการใช้
แท่นพิมพ์และสิ่งพิมพ์ก็กลายเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมมากขึ้นนับแต่นั้นมา ทำหน้าที่เผยแพร่ความรู้สมัยใหม่และสนับสนุนการปฏิรูปในขณะที่ประเทศปรับตัวเข้าสู่ความทันสมัย การพิมพ์ตำราเรียน, หนังสือพิมพ์ และนิตยสารสำหรับสำนักพิมพ์ที่กำลังเติบโตในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 กระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมด้าน
ศิลปะการใช้ตัวพิมพ์และ
การออกแบบตัวพิมพ์ (type design) และ
ไทป์เฟซอักษรไทยต่างๆ ได้รับการพัฒนาตลอดยุคสมัย เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใหม่กว่ามาแทนที่ตัวพิมพ์แบบโลหะ (metal type) ปัจจุบัน
การพิมพ์ดิจิทัลเป็นกลไกขับเคลื่อนสื่อสมัยใหม่ แม้จะมีอุปสรรคในช่วงแรกๆ เช่น ขาดการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่ตลาดในปัจจุบันก็เห็นการสนับสนุนจากนักออกแบบหลายประเภทและ
ผู้ออกแบบตัวอักษร (
type foundries) ดิจิทัลในระบบตัวอักษรไทย นอกจากจะมีตัวอักษรอยู่ในบรรทัดข้อความแล้ว ก็ยังสามารถมีตัวอักษรด้านบนหรือด้านล่างบรรทัดข้อความได้ ลักษณะเด่นประการหนึ่งที่โดดเด่นระหว่างแบบอักษรคือ หัว ของอักขระ (head หรือ terminal loop) แม้ว่าหัวนั้นเป็นองค์ประกอบหลักของการเขียนอักษรไทยด้วยลายมือและไทป์เฟซอักษรไทยแบบดั้งเดิม แต่ไทป์เฟซอักษรไทยอันมีลักษณะคล้ายกับไทป์เฟซตัวอักษรละตินแบบ
ไม่มีเชิงและเรียกอีกอย่างว่า คล้ายอักษรโรมัน (Roman-like) นั้น ถูกนำมาใช้ในคริสต์ทศวรรษ 1970 และได้รับความนิยมอย่างสูง มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการโฆษณาและเป็น
ไทป์เฟซแสดงผล (
display typeface) แม้ว่าการใช้ไทป์เฟซอักษรไทยอันมีลักษณะคล้ายกับไทป์เฟซตัวอักษรละตินแบบไม่มีเชิงเหล่านี้กับข้อความเนื้อหายังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ มีการเสนอระบบการจำแนกประเภทของแบบอักษรไทยโดยอิงจากส่วนหัว และคลังศัพท์เฉพาะสำหรับ
กายวิภาคศาสตร์ของไทป์เฟซ (
type anatomy) ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งเหล่านี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ในขณะที่สาขานี้ก้าวหน้าต่อไป