เหตุการณ์ ของ สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง

การจมเรือเกาเชิง

ภาพข่าวในสื่อสิ่งพิมพ์ของฝรั่งเศส แสดงภาพเรือเกาเชิงที่กำลังจมและเรือปืนฝรั่งเศสช่วยลูกเรือจีนบางส่วนได้

เป็นการรบทางเรือที่เกิดขึ้นครั้งแรกในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งแรกนี้ โดยเป็นการปะทะกันระหว่าง กองเรือลาดตระเวนของญี่ปุ่นกับกองเรือเป่ยหยาง เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ.1894 นอกฝั่งเมืองท่าอาซาน ทั้งนี้เนื่องจากเมืองท่าแห่งนี้มีทหารจีนประจำการอยู่ 3 พันคน ญี่ปุ่นมีแผนที่จะปิดล้อมเมืองท่าแห่งนี้เพื่อไม่ให้กำลังทหารจีนหลบหนีได้ ทางด้านกองเรือเป่ยหยางก็มีความเห็นแตกต่างกัน ทางหนึ่งก็คิดว่า จะสนับสนุนการถอนทหารครั้งนี้โดยจะพยายามลำเลียงทหารขึ้นเหนือไปยังเมืองเปียงยาง อีกส่วนก็คิดว่า จะนำกองเรือไปทางใต้เพื่อปะทะกับกองเรือญี่ปุ่น ดังนั้นผู้บัญชาการกองเรือของจีนคือ ฟาง โป๋เชียน ผู้บังคับการเรือลาดตระเวน จื้อหย่วน จึงเลือกทางสายกลางคือ การคำนึงถึงความปลอดภัยของกองเรือ ตามนโยบายของแม่ทัพคือ หลี่หงจาง และนโยบายของจักรพรรดิกวางสู ที่ต้องไม่เสียศักดิ์ศรี

ปูมเรือของฝ่ายญี่ปุ่นบันทึกการรบครั้งนี้ไว้ว่า เวลา 7:00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1894, เรือลาดตระเวน โยะชิโนะ, นะนิวะ และอะกิตสึชิมะ กำลังลาดตระเวนในทะเลเหลือง นอกฝั่งอาซาน, ชุงเชินนัมโด, เกาหลี ได้เข้าสกัดกั้นเรือลาดตระเวน จื้อหย่วนของจีน และเรือปืน กวางอี่ ทั้งสองลำออกจากอาซานเพื่อพบกับเรือปืนของจีนอีกลำคือ เรือ เชาเจียง ที่กำลังคุ้มกันเรือลำเลียงไปยังอาซาน เรือจีนทั้งสองลำมิได้ถอยกลับไปตามที่เรือญี่ปุ่นยิงเตือนตามกฎการเดินเรือสากล, และเมื่อเรือของญี่ปุ่นเปลี่ยนเข็มไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เรือจีนก็เปิดฉากยิง.

ส่วนปูมเรือของฝ่ายจีนบันทึกว่า เรือลาดตระเวน จื้อหย่วน และเรือตอร์ปิโดกวางอี่ จอดเทียบท่าอยู่ที่อาซาน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ออกจากท่ามาในตอนเช้าของวันที่ 25 กรกฎาคม มุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบกับเรือบรรทุกทหาร เกาเชิง และเรือเสบียง เชาเจียง ที่เดินทางมาจากเทียนจิน เวลา 07:55 น., ใกล้เกาะพุงโด ซึ่งเป็นเกาะใกล้ช่องทางเดินเรือออกจากอ่าวอาซาน ในน่านน้ำเกาหลี เรือจีนทั้งสองลำถูกยิงจากเรือลาดตระเวนญี่ปุ่นสามลำคือ อะกิตสึชิมะ, นะนิวะ และโยะชิโนะ เรือจีนยิงตอบโต้กลับไปเมื่อเวลา 07:52น.

หลังจากทั้งสองฝ่ายยิงโต้ตอบกันกว่าชั่วโมง, เรือ จื้อหย่วน สามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้ แต่เรือ กวางอี่ วิ่งชนหินแล้วคลังกระสุนจึงเกิดการระเบิดขึ้น ในเวลาเดียวกัน เรือปืน เชาเจียง และเรือลำเลียง เกาเชิง ที่มีกัปตันเป็นพลเรือนอังกฤษและรับจ้างขนทหารจีน 1,200 คน พร้อมเสบียงเดินทางเข้ามาจุดนี้พอดี

เรือ เชาเจียง ถูกเรือรบญี่ปุ่นเข้ายึดอย่างรวดเร็ว และเรือ เกาเชิง ถูกสั่งให้นำเรือแล่นตามเรือลาดตระเวน นะนิวะ ไปยังกองเรือใหญ่ของญี่ปุ่น ทหารจีนที่อยู่บนเรือจึงยึดเรือและบังคับให้กัปตัน กัลเวอร์ที (Captain Galworthy) นำเรือกลับจีน หลังเจรจาต่อรองกันอยู่นาน 4 ชั่วโมง ช่วงที่ทหารจีนกำลังเผลอ กัปตัน กัลเวอร์ที กับลูกเรือชาวอังกฤษก็โดดน้ำหนี และพยายามว่ายน้ำไปยังเรือลาดตระเวน นะนิวะ ท่ามกลางการยิงไล่หลังมาจากทหารจีนบนเรือ เกาเชิง ลูกเรืออังกฤษส่วนใหญ่เสียชีวิต แต่กัปตัน กัลเวอร์ทีและลูกเรืออีกสองคนได้รับความช่วยเหลือจากญี่ปุ่น เรือ นะนิวะ จึงเปิดฉากยิงเรือ เกาชิง จมไปพร้อมกับบรรดาทหารจีนที่อยู่บนเรือ มีจำนวนหนึ่งที่รอดมาได้และว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง (หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ที่ปรึกษาทางทหารชาวเยอรมัน พันโท ฟอน ฮันเนเค่น)

การรบครั้งนี้ ทหารจีนเสียชีวิตไปราว 1,100 คน ในจำนวนกว่า 800 คน เป็นทหารที่อยู่บนเรือลำเลียง เกาเชิง ฝ่ายญี่ปุ่นไม่มีผู้ใดเสียชีวิตการที่ญี่ปุ่นจมเรือ เกาเชิง ซึ่งยังเป็นของอังกฤษ ทำให้ญี่ปุ่นขัดแย้งทางการทูตกับอังกฤษ แต่ศาลอังกฤษเห็นว่า การกระทำนั้นถูกต้องตามกฎหมายสากลว่าด้วยการเป็นกบฏในเรือการจมของเรือยังถูกมองว่าเป็นการกระทำที่รัฐบาลจีนที่ตั้งใจทำให้เกิดการปะทะ เพื่อพยายามประกาศสงครามกับญี่ปุ่น

การต่อสู้ในเกาหลี

กองทัพญี่ปุ่นเข้าขับไล่กองทัพจักรวรรดิต้าชิง

หลังจากทหารญี่ปุ่นเข้าจัดการล้มล้างรัฐบาลเดิมของเกาหลีที่นิยมจีน แล้วสถาปนารัฐบาลชุดใหม่ที่นิยมญี่ปุ่น สิ่งที่ทำต่อมาคือ การขับไล่ทหารกองทัพเป่ยหยางของจีนออกจากดินแดนเกาหลี กำลังของญี่ปุ่นที่มาถึงชุดแรกจำนวน 8 พันนาย ภายใต้การบัญชาการของพลโท โอชิมะ โยชิมะสะ ก็เดินทัพมุ่งลงใต้จากโซล มายังเมืองอาซาน ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญทางฝั่งตะวันตกของเกาหลีที่ตอนนี้มีกำลังทหารจีน 3,500 นาย ประจำการอยู่ ส่วนกำลังหนุนที่มากับเรือ เกาเชิง ถูกเรือรบญี่ปุ่นจัดการไปเรียบร้อยแล้ว

กำลังทั้งสองฝ่ายมาพบกันที่นอกเมืองอาซาน ราวๆ 15.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม การปะทะเป็นไปตลอดคืนจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ทหารจีนซึ่งด้อยกว่าทั้งจำนวนทหารและทักษะการรบยิ่งรบก็ยิ่งสูญเสีย จึงถอนตัวมุ่งหน้าไปที่เปียงยาง การรบครั้งนี้ทหารจีนเสียชีวิตและบาดเจ็บราว 500 นาย ส่วนญี่ปุ่นเสียชีวิตและบาดเจ็บไป 82 นายหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ญี่ปุ่นได้นำทัพกลับโซล เป็นเหตุทำให้จีนประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1894

หลังจากนั้น ทหารจีนที่เหลือได้ถอยไปชุมนุมกำลังกันที่เปียงยาง ทำให้กำลังทหารจีนในสังกัดกองทัพเป่ยหยาง ณ วันที่ 4 สิงหาคม มีกำลังพลถึง 13,000 – 15,000 คน ทหารจีนได้ดัดแปลงที่มั่นโดยใช้กำแพงเมืองเก่าเตรียมรับการโจมตีของทหารญี่ปุ่นที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

ก่อนหน้านั้น ทหารญี่ปุ่น จำนวนราว 1 หมื่นนาย จากกองทัพที่ 1 ภายใต้การบัญชาการของจอมพล ยะมะงะตะ อะริโมะโตะ ขึ้นบกที่เชมุลโป (ปัจจุบันคือ อินชอน) เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ.1894 หลังจากได้รับข่าวการรบที่โซงวานแล้ว จึงได้เคลื่อนทัพขึ้นเหนือมุ่งหน้าสู่เปียงยาง เพื่อสนธิกำลังอีกส่วนที่จะเดินทางมาทางเรือและขึ้นบกที่ปูซานและวอนซาน

กำลังของญี่ปุ่นทั้งหมดเคลื่อนพลจากหลายเส้นทางมาพบกันที่เปียงยางในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ.1894 แล้วเข้าตีแนวรับของทหารจีนที่ตั้งรับตามแนวกำแพงเมืองเก่าทางด้านเหนือและด้านตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่เช้า ทหารจีนต้านทานอย่างเข้มแข็ง แต่ก็ถูกตีตลบหลังต่อมาเกิดฝนตกอย่างหนัก การรุกของญี่ปุ่นหยุดลงชั่วคราว เพราะหากว่าจะบุกเข้าไปก็จะจมโคลน ดังนั้นเป็นโอกาสให้ทหารที่อยู่ในสนามรบได้พักรบชั่วคราว ฝนที่ตกหนักไปจนถึงค่ำช่วยให้ทหารจีนแอบถอนตัวออกจากเปียงยางได้สำเร็จ กำลังทหารจีนถอนตัวไปถึงเมืองวีจู ริมฝั่งแม่น้ำยาลู ได้เมื่อตอน 20.00 น.การรบครั้งนี้ฝ่ายญี่ปุ่นรายงานว่าทหารจีนเสียชีวิตไปราว 2,000 คน บาดเจ็บอีก 4,000 คนซึ่งการสูญเสียส่วนใหญ่เกิดขึ้นขณะกำลังถอนตัว ฝ่ายญี่ปุ่นเสียชีวิตไป 102 นาย, บาดเจ็บ 433 นาย และสูญหายไปอีก 33 นาย

ทหารญี่ปุ่นบุกเข้าประตูเมืองของฝ่ายต้าชิง

เปียงยางตกอยู่ในความยึดครองของกองทัพญี่ปุ่นในเช้าวันที่ 16 กันยายน ค.ศ.1894

ความปราชัยของกองเรือเป่ยหยาง

ภาพวาด คณะแม่ทัพจากราชสำนักชิงขณะทำการยอมจำนนต่อกองทัพญี่ปุ่นภาพวาด ทหารญี่ปุ่นกำลังประหารทหารจีน 38 นายที่ขัดขืน เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

การรบทางเรือครั้งนี้นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงปัญหาคอรัปชั่นภายในกองทัพเรือเป่ยหยางของจีนแล้ว การขาดการฝึกและศึกษาให้ชำนาญไม่ว่าจะเป็นวิชาการปืนใหญ่และการเดินเรือ รวมถึงการฝึกในระดับกองเรือ เช่นการแปรกระบวนรบ

ยุทธนาวีครั้งนี้มีชื่อเป็นทางการว่า ยุทธนาวีที่แม่น้ำยาลู หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ยุทธนาวีที่ทะเลเหลือง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ.1894 เป็นการปะทะกันทางเรือที่ใหญ่ที่สุดในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งนี้ สมรภูมิที่เกิดการปะทะกันนี้เกิดในทะเลเหลือง ใกล้ปากแม่น้ำยาลู

ตามรายงานต่างๆ ก่อนหน้า จะเห็นว่า จีนมีเรือรบที่เหนือกว่า อย่างเช่นอาวุธหลักประจำเรือที่มีทั้งปืนขนาด 10 นิ้ว และ 8 นิ้ว แต่สิ่งที่ขาดการคำนึงถึงคือพลปืนของเรือรบจีนยังไม่มีความพร้อมรบ ขาดการฝึก และแม้จะอยู่ในสถานการณ์เตรียมพร้อม พลปืนของเรือรบจีนก็ยังไม่พร้อมที่จะทำการยิง เนื่องจากการคอรัปชั่น อย่างเช่น ลูกปืนหลายลูกออกอาการช๊อท คือแทนที่จะยิงถึงเป้ากลายเป็นกระสุนตกก่อนถึงเป้าหมาย เพราะดินปืนและเชื้อปะทุเก่าเก็บบ้าง นายทหารเรือจีนบางคนก็ไม่เข้าประจำตำแหน่งของตนในเวลาทำการรบ ตามบันทึกกล่าวว่ามีเรือลำหนึ่งใช้ป้อมปืนเป็นที่เก็บของรวมถึงยังมีการถอดชิ้นส่วนปืนที่เป็นโลหะไปขายในตลาดมืด

ซึ่งจุดนี้ทำให้สมรรถนะของกองเรือทั้งสองฝ่ายต่างกันอย่างมาก แม้ว่าทางจีนจะมีการจ้างนายทหารต่างชาติจำนวนมากมาเป็นที่ปรึกษา อย่างพันโท ฟอน ฮันเนเค่น ซึ่งรอดชีวิตจากเกาเชิงซึ่งถูกญี่ปุ่นยิงจมในพุงโด ก็เป็นที่ปรึกษาให้กับแม่ทัพ ติง หรู่ชาง และยังมีนายทหารต่างชาติอีกหลายนายที่เป็นผู้ช่วยของฟอน ฮันเนเค่น บางคนก็รับหน้าที่เป็นรองผู้บังคับการเรือเจิ้นหย่วน

กองเรือจีนเตรียมรบกับญี่ปุ่นโดยเปลี่ยนสีเรือจากเดิมที่ตัวเรือสีขาว ปล่องสีเหลืองเข้ม เป็นสีเทาเข้ม และปล่องสีดำ ทำให้ยากที่จะมองเห็นในทะเล จากบันทึกของแมคกิฟฟิน อดีตเรือโท แห่งกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ที่มาเป็นผู้ช่วยของฟอน ฮันเนเค่น บันทึกถึงเรือรบจีนไว้ว่า เชื้อปะทุหลายอันอายุถึง 13 ปี และยังใช้ไม่ได้ เกราะของเรือที่ปกติจะหุ้มตัวเรือแถวแนวน้ำก็ถูกถอดทิ้งจนเรือจื้อหย่วนต้องถอนตัวจากการรบเพราะเหตุนี้

ใกล้เคียง

สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามเวียดนาม สงครามกลางเมืองอเมริกา สงครามแปซิฟิก สงครามเกาหลี สงครามอ่าว สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สงครามครูเสด สงครามกัมพูชา–เวียดนาม