สังคมนิยมตลาด (
อังกฤษ: Market Socialism) คือ
ระบบเศรษฐกิจรูปแบบหนึ่ง ที่
ปัจจัยการผลิตถือเป็นกรรมสิทธิ์ของ
สาธารณะ สังคม หรือในรูปแบบ
สหกรณ์ ภายใต้กรอบ
เศรษฐกิจที่มีการใช้กลไกตลาด สังคมนิยมตลาดแตกต่างจาก
สังคมนิยมไร้ตลาด ในเชิงการใช้ประโยชน์จากกลไกตลาดเพื่อจัดสรร
สินค้าทุนและปัจจัยการผลิตต่าง ๆ
[1][2][3] กำไรจากผลประกอบการที่ได้จากกิจการที่ถือกรรมสิทธิ์โดยสังคม (เช่น รายได้สุทธิที่มิได้ถูกนำมาลงทุนซ้ำเพื่อขยายกิจการนั้น) อาจนำมาใช้เพื่อจ่ายผลตอบแทนให้แก่ลูกจ้างโดยตรง หรือสมทบกลับเข้าสังคมในรูปแบบแหล่ง
เงินทุนสาธารณะ หรือจัดสรรกลับสู่ประชากรในรูปของ
เงินปันผลเพื่อสังคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะตัวของสังคมนิยมตลาดนั้น ๆ
[4]สังคมนิยมตลาดแตกต่างจากแนวคิด
เศรษฐกิจผสม ตรงที่โมเดลของสังคมนิยมตลาดนั้นเป็นระบบที่สมบูรณ์และกำกับดูแลได้ด้วยตนเอง
[5] นอกจากนั้นสังคมนิยมตลาดยังมีความแตกต่างจากนโยบาย
ประชาธิปไตยสังคมนิยมที่อยู่ภายใต้เศรษฐกิจตลาดแบบทุนนิยม โดยในขณะที่ประชาธิปไตยสังคมนิยมมีเป้าหมายที่จะบรรลุความมี
เสถียรภาพและความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ ด้วยการใช้นโยบายเช่นมาตรการภาษี เงินอุดหนุน หรือโครงการสังคมสงเคราะห์ต่าง ๆ นั้น สังคมนิยมตลาดเล็งที่จะบรรลุผลลัพธ์ที่คล้ายกันด้วยการเปลี่ยนรูปแบบกรรมสิทธิ์และรูปแบบการบริหารในวิสาหกิจ
[6]แม้ว่าจะมีข้อเสนอในรูปแบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับกรรมสิทธิ์โดยสังคมอันมี
ตลาดสำหรับซื้อขายปัจจัยทุนมาตั้งแต่ช่วงต้นของศตวรรษที่ 19 คำว่าสังคมนิยมตลาดเพิ่งจะปรากฏขึ้นในช่วงทศวรรษ 1920 ระหว่างที่มี
การอภิปรายเรื่องการคำนวณเชิงสังคมนิยม[7] ระหว่าง
นักเศรษฐศาสตร์สังคมนิยมด้วยกันเอง ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมนั้นไม่สามารถทำงานในฐานของ
การคำนวณด้วยหน่วยธรรมชาติ ตลอดจนไม่สามารถทำงานด้วยการแก้โจทย์เชิงระบบพหุสมการสำหรับการประสานงานกันทางเศรษฐกิจ และนั่นหมายความว่าตลาดทุนย่อมมีความจำเป็นในเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
[8]สังคมนิยมตลาดในยุคต้นมีรากฐานมาจากงานเขียนของ
อดัม สมิธ และทฤษฎี
เศรษฐศาสตร์คลาสสิคอื่น ๆ อันประกอบด้วยข้อเสนอเรื่องวิสาหกิจแบบสหกรณ์ที่ดำเนินงานภายใต้เศรษฐกิจ
ตลาดเสรี ข้อเสนอเหล่านี้มีเป้าหมายที่จะกำจัดการขูดรีด โดยอำนวยให้ปัจเจกบุคคลได้รับ
ผลตอบแทนจากแรงงานของตนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในขณะที่รื้อทิ้งผลกระทบจากการบิดเบือนตลาด ที่เกิดจากการกระจุกตัวของกรรมสิทธิ์และทรัพย์สินที่อยู่ในมือของเจ้าของเอกชนผู้เป็นชนกลุ่มน้อยในสังคม
[9] ผู้อุทิศตนต่อหลักการสังคมนิยมตลาดในยุคต้นได้แก่
นักเศรษฐศาสตร์สังคมนิยมสายริคาร์เดียน และนักคิดสำนัก
ประโยชน์ร่วมนิยม ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20
ออสการ์ อาร์. แลงจ์ และ
แอบบา พี. เลิร์นเนอร์ ได้ร่างเค้าโครงโมเดลสังคมนิยมแบบนีโอคลาสสิค ซึ่งกล่าวถึงบทบาทของคณะกรรมการวางแผนส่วนกลางในการกำหนดราคาให้เท่ากับ
ต้นทุนส่วนเพิ่ม เพื่อให้บรรลุ
ประสิทธิภาพพาเรโต้ในท้ายที่สุด แม้ว่าโมเดลในช่วงต้นเหล่านี้ไม่ได้มีการพึ่งพาตลาดแบบเดิม ๆ แต่ก็ยังนับว่าเป็นสังคมนิยมตลาดเนื่องจากมีการใช้ประโยชน์จากกลไกราคาและด้วยการคำนวณที่เป็นตัวเงิน โมเดลในยุคหลังส่วนใหญ่เป็นข้อเสนอจากนักเศรษฐศาสตร์สำนักนีโอคลาสสิคชาวอเมริกัน ที่กล่าวว่ากรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตโดยสาธารณะนั้น สามารถบรรลุได้โดยการเข้าไปถือกรรมสิทธิ์ใน
สินทรัพย์และเข้าไปมีอำนาจควบคุมการลงทุน