วิธีการวินิจฉัย ของ อาการท้องผูก

การวินิจฉัยมักจะทำอาศัยคำบอกอาการของคนไข้อุจจาระที่ถ่ายยาก แข็งมาก หรือเป็นเม็ดแข็ง ๆ เล็ก ๆ (คล้ายกับขี้กระต่าย) จัดว่าเป็นท้องผูก แม้จะถ่ายเช่นนี้ทุกวันแต่อาการท้องผูกโดยปกติก็จะนิยามว่า เป็นการถ่ายอุจจาระ 3 ครั้งหรือน้อยกว่าต่ออาทิตย์[20]อาการอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับท้องผูกรวมทั้งท้องขึ้น ท้องพอง ปวดท้อง ปวดศีรษะ ล้า หมดแรง หรือรู้สึกว่าถ่ายไม่หมด[45]แม้แพทย์อาจจะวินิจฉัยว่าท้องผูก แต่ปกติก็จัดเป็นอาการที่จำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุ

รายละเอียด

แพทย์จะแยกแยะอาการแบบฉับพลัน (เป็นแล้วหลายวันถึงหลายอาทิตย์) หรือแบบเรื้อรัง (เป็นเดือน ๆ จนถึงปี ๆ) เพราะข้อมูลนี้จะเปลี่ยนการวินิจฉัยแยกโรคอาการอื่น ๆ ที่เป็นร่วมกันก็จะช่วยให้แพทย์กำหนดเหตุของอาการได้คนไข้มักกล่าวถึงอาการท้องผูกว่า ถ่ายยาก อุจจาระแข็งเป็นก้อน ๆ หรือแข็งไปทั่ว และต้องเบ่งมากเมื่อถ่ายอาการท้องขึ้น (bloating) ท้องพอง (abdominal distension) และปวดท้องมักจะมีพร้อมกับท้องผูก[46]ท้องผูกเรื้อรัง (มีอาการอย่างน้อย 3 ครั้งต่อเดือนมากกว่า 3 เดือน) ที่สัมพันธ์กับความไม่สบายท้องมักจะวินิจฉัยเป็นกลุ่มอาการลำไส้ไวเกินต่อการกระตุ้น (IBS) เมื่อไม่พบสาเหตุอื่น ๆ[47]

การทานอาหารที่ไม่ถูกสุขภาพ การผ่าตัดในอดีต หรือยาบางชนิดอาจมีบทบาทต่ออาการโรคที่สัมพันธ์กับท้องผูกรวมทั้งภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ มะเร็งบางอย่าง และ IBSการทานอาหารที่มีใยอาหารน้อย ดื่มน้ำไม่พอ การอยู่เฉย ๆ เกินไป หรือยา ก็ล้วนแต่อาจมีบทบาทต่อท้องผูก[22][29]เมื่อแพทย์กำหนดว่าเป็นท้องผูกตามอาการดังที่กล่าวแล้ว ก็อาจพยายามหาเหตุต่อไป

การแยกเหตุที่เบากับเหตุที่หนักอาจทำได้ส่วนหนึ่งตามอาการยกตัวอย่างเช่น แพทย์อาจสงสัยมะเร็งลำไส้ใหญ่ถ้าคนไข้มีประวัติมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว เป็นไข้ น้ำหนักลด และเลือดออกทางทวารหนัก[20]อาการน่าเป็นห่วงอื่น ๆ รวมทั้งประวัติ IBS ส่วนตัวหรือของครอบครัว การเริ่มมีอาการหลังอายุ 50 ปี การเปลี่ยนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของอุจจาระ คลื่นไส้ อาเจียน และอาการทางประสาท เช่น อ่อนแรง ชา และมีปัญหาถ่ายปัสสาวะ[46]

การตรวจร่างกาย

การตรวจร่างกายอย่างน้อยควรจะมีการตรวจท้องและตรวจไส้ตรงเพราะการตรวจท้องอาจพบก้อนในท้องถ้ามีอุจจาระมากและอาจพบจุดที่ท้องไม่สบายการตรวจไส้ตรงจะทำให้รู้ถึงความตึงแน่นของหูรูดทวารหนัก และเพื่อดูว่า ไส้ตรงส่วนล่างมีอุจจาระหรือไม่อีกทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสม่ำเสมอของอุจจาระ ว่ามีริดสีดวง มีเลือด และมีความผิดปกติต่าง ๆ ที่ฝีเย็บร่วมทั้งติ่งเนื้อ แผล หรือหูด หรือไม่[29][22][20]ข้อมูลที่ได้อาจช่วยแนะว่าควรจะตรวจวินิจฉัยเพิ่มขึ้นหรือไม่

การตรวจเพิ่ม

ท้องผูกโดยหน้าที่ (functional constipation) คือไม่มีเหตุทางกาย เป็นเรื่องสามัญ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจเพิ่ม (diagnostic testing)การถ่ายภาพหรือการทดสอบทางแล็บอื่น ๆ ปกติจะแนะนำสำหรับคนไข้ที่มีอาการน่าเป็นห่วง[20]การทดสอบในแล็บที่ใช้จะขึ้นอยู่กับเหตุของอาการท้องผูกที่สงสัยซึ่งอาจรวมการตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ (CBC) การตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ การตรวจเลือดรวมทั้งระดับแคลเซียม โพแทสเซียมเป็นต้น[22][20]การถ่ายภาพเอ็กซ์เรย์ที่ท้อง (AXR) โดยทั่วไปจะทำเมื่อสงสัยการอุดตันในลำไส้ หรืออุจจาระอัดแน่นในลำไส้ใหญ่ และอาจยืนยันหรือกันเหตุอื่น ๆ ที่มีอาการคล้าย ๆ กัน[29][22]การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) อาจทำถ้าสงสัยความผิดปกติในลำไส้ใหญ่เช่นเนื้องอก[20]การตรวจที่แพทย์ไม่ค่อยสั่งรวมทั้งการบีบตัวของไส้ตรงและทวารหนัก (anorectal manometry), การบันทึกคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก (sphincter electromyography), และ defecography (การดูภาพรังสีบนจอเมื่อถ่ายอุจจาระ)[22]

ลำดับคลื่นความดันแผ่กระจาย (propagating pressure wave sequence, PS) ของลำไส้ใหญ่ซึ่งเป็นตัวการค่อย ๆ ขยับสิ่งที่อยู่ลำไส้ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการถ่ายอุจจาระปกติความบกพร่องในความถี่ ความแรง และส่วนลำไส้ที่เกิด PS ล้วนแต่เป็นหตุให้เกิดการถ่ายผิดปกติอย่างรุนแรง (severe defecatory dysfunction, SDD)วิธีการที่ช่วยบรรเทารูปแบบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเยี่ยงนี้อาจช่วยแก้ปัญหางานปี 2007 ได้ลองใช้การบำบัดใหม่ที่เรียกว่า การกระตุ้นประสาทใต้กระเบนเหน็บ (sacral nerve stimulation, SNS) เพื่อรักษาท้องผูกแบบรุนแรง[48]

เกณฑ์วินิจฉัย

เกณฑ์ Rome III เพื่อวินิจฉัยท้องผูกโดยหน้าที่ต้องรวมอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 2 อย่างและต้องมีใน 3 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งอาการได้เริ่มขึ้นอย่างน้อย 6 เดือนก่อนจะวินิจฉัย[20]

  • ต้องเบ่งถ่ายอุจจาระอย่างน้อย 25%
  • อุจจาระเป็นก้อน ๆ หรือแข็งอย่างน้อย 25%
  • ความรู้สึกว่าถ่ายไม่หมดอย่างน้อย 25%
  • ความรู้สึกว่ามีอะไรขวางไส้ตรง-ทวารหนักอย่างน้อย 25%
  • การต้องใช้มือช่วยถ่ายอย่างน้อย 25%
  • ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
  • อุจจาระที่ไม่อัดแน่นมีน้อยมากถ้าไม่ใช้ยาระบาย
  • ไม่มีอาการพอให้วินิจฉัยว่าเป็นกลุ่มอาการลำไส้ไวเกินต่อการกระตุ้น (IBS)

แหล่งที่มา

WikiPedia: อาการท้องผูก http://www.betterhealth.vic.gov.au/bhcv2/bhcarticl... http://www.australianprescriber.com/magazine/33/4/... http://www.diseasesdatabase.com/ddb3080.htm http://www.emedicine.com/med/topic2833.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=564.... http://www.medicinenet.com/constipation/article.ht... http://www.merriam-webster.com/dictionary/costiven... http://www.nature.com/doifinder/10.1038/nrgastro.2... http://www.pelviperineology.com/pelvis/severe_cons... http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/1465185...