เกษียณอายุจากรัฐบาลกลาง ของ อเล็กซานเดอร์_แฮมิลตัน

ชีวิตส่วนตัว

ในปี ค.ศ. 1791 แฮมิลตัน ได้มีเรื่องอื้อฉาวขึ้นกับ Maria Reynolds หญิงที่มีสามีแล้ว และ James Reynolds ผู้สามีได้นำความนี้มาดัดหลัง แฮมิลตัน เพื่อเรียกร้องเงิน และขู่ว่าจะบอก Elizabeth ภรรยาของ แฮมิลตัน เมื่อ James ได้ถูกจับด้วยทำผิดกฎหมายการปลอมแปลง เขาได้นำความนี้ไปบอกแก่สมาชิกหลายคนของพรรค Democratic-Republican ที่ชัดเจนที่สุดคือ James Monroe และ Aaron Burr และขู่ว่าจะเปิดเผยเรื่องทั้งหมดนี้แก่สาธารณะ ทั้งสองได้เข้าพบ แฮมิลตัน และบอกว่า James Raynolds อาจนำเรื่องส่วนตัวนี้เปิดเผยอันจะทำให้สถานะของ แฮมิลตัน ในคณะรัฐมนตรีของ วอชิงตัน ได้เสื่อมเสียไป แฮมิลตัน ได้ตัดสินใจเปิดเผยเรื่องของเขากับ Maria Reynolds อย่างหมดเปลือก และยืนยันว่าเขาไม่เคยทำผิดในหน้าที่ของบ้านเมือง และเมื่อมีข่าวลือมากขึ้น แฮมิลตัน ได้พิมพ์คำสารภาพเรื่องส่วนตัวของเขา ทำให้ครอบครัวของเขาและผู้ให้การสนับสนุนทั้งหลายตระหนกและตกใจในรายละเอียด ในคำสารภาพนั้น และสิ่งนี้ได้ทำให้ชื่อเสียงของ แฮมิลตัน ได้รับความกระทบกระเทือนไปตลอดชีวิตการงานของเขาในระยะต่อมา

ใน ครั้งแรก แฮมิลตัน โกรธและได้กล่าวหาว่า Monroe ได้นำเรื่องส่วนตัวของเขาเปิดเผยต่อสาธารณะ จนระดับท้า Monroe เพื่อดวลปืนตัดสินกัน แต่ Aaron Burr ได้เข้าขวางและหว่านล้อม แฮมิลตัน ว่า Monroe ไม่รู้เรื่องและไม่ได้เกี่ยวข้องในการกล่าวหานั้น และด้วยอารมณ์ร้อนของ แฮมิลตัน ได้ท้าอีกหลายๆคนเพื่อดวลปืนในช่วงการทำงานในชีวิตของเขา

แฮมิลตัน ได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะที่เรื่องส่วนตัวของ เขาได้รับการสอบสวน เขาได้ยื่นใบลาออกในวันที่ 1 ธ้นวาคม ค.ศ. 1794 และมีผลในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1795

การเลือกตั้งประธานาธิบดี ค.ศ.1796

แฮมิลตัน เมื่อลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (Secretary of the Treasury) ที่ทรงอำนาจในปี ค.ศ.1795 นั้น ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเขาต่อการทำงานการเมืองให้กับประเทศได้ถดถอยลง เขาได้กลับไปทำงานด้านกฎหมาย และยังมีความใกล้ชิดกับ วอชิงตัน ทั้งในฐานะที่ปรึกษาและเป็นเพื่อน เขายังมีบทบาทในด้านการเขียนงานให้กับ วอชิงตัน และยังเป็นที่ปรึกษาให้กับคณะรัฐมนตรีที่มาปรึกษากับเขา

ใน ช่วงการเลือกตั้งปี ค.ศ. 1796 การเลือกประธานาธิบดีเป็นการเลือกทางอ้อมผ่านตัวแทนผู้เลือก (Electors) ผู้เลือกแต่ละคนเลือกได้ 2 คน คนที่ได้รับคะแนนสูงสุดได้เป็นประธานาธิบดี และคนที่ได้รับคะแนนอันดับที่สอง ได้เป็นรองประธานาธิบดี ระบบนี้ได้ออกแบบมาในแบบที่ไม่ได้เน้นการมีระบบพรรคการเมือง ทำให้เกิดการเลือกตั้งที่แตกแยกและสับสน ฝ่าย Federalists หวังว่าจะเลือกเพื่อให้ได้ John Adams เป็นรองประธานาธิบดี แต่ให้เป็นอันดับสองรองจากคนของเขา

แฮมิลตัน โดยส่วนตัวไม่ชอบ Adams นัก และเห็นโอกาส ได้วิ่งเต้นผลักดันให้ผู้ทำหน้าที่เลือกจากรัฐฝ่ายเหนือในออกเสียงให้กับ Adams และ โดยไม่ปล่อยให้เจฟเฟอร์สัน ได้เข้ามามีบทบาทในรัฐบาล และในขณะเดียวกันได้ตกลงกับฝ่ายใต้ให้เลือกทั้งเจฟเฟอร์สัน และ Pinckney ตามแผนของเขา Pinckney จะได้คะแนนมากกว่าทั้งสองคน และได้เป็นประธานาธิบดี ส่วน Adams ที่ได้คะแนนรองลงมาจะได้เป็นรองประธานาธิบดี แต่การไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ดังนั้น พวก Federalists ฝ่ายทางเหนือ เลือก Adams แต่ไม่เลือก Pinckney ทำให้ Pinckney ไม่ได้รับคะแนนเลือกมากพอ และกลายเป็นอันดับสาม Adams ได้นำมาเป็นอันดับหนึ่ง ได้เป็นประธานาธิบดี ตามมาด้วยเจฟเฟอร์สัน ซึ่งได้เป็นรองประธานาธิบดี ส่วน Pinckney ได้คะแนนไม่พอ กลายเป็นที่สาม และตกไป

Adams ไม่ชอบวิธีการของ แฮมิลตัน และอิทธิพลของเขาที่มีต่อ วอชิงตัน และเห็นว่า แฮมิลตัน เป็นคนมักใหญ่ไฝ่สูง ส่วน แฮมิลตัน มองว่า Adams เป็นคนอารมณ์ไม่คงเส้นคงวา วางใจไม่ได้กับการทำงานกับประธานาธิบดี วอชิงตัน แต่การได้ Adams เป็นประธานาธิบดียังดีกว่าได้เจฟเฟอร์สัน ที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามอย่างชัดเจน

สงคราม Quasi-War

Quasi-War คือสงครามแบบครึ่งๆกลางๆ เป็นสงครามที่ไม่มีการประกาศ เป็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและฝรั่งเศสในช่วงปี ค.ศ. 1798-1800 ซึงสงครามนี้ในสหรัฐเรียกว่า "สงครามที่ไม่มีการประกาศ" (Undeclared War) เป็นสงครามโจรสลัด และสงครามแบบครึ่งๆ กลางๆ

ในช่วงสงคราม Quasi-War ในปี ค.ศ. 1798–1800 ด้วยการสนับสนุนของ วอชิงตัน ทำให้ Adams ต้องสนับสนุนและแต่งตั้ง แฮมิลตัน ให้เป็น Major General ของกองทัพบก เพื่อไปนำรบในสงครามนี้ สงครามนี้หากเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ จะทำให้ขับไล่ฝรั่งเศสให้พ้นอิทธิพลไปได้อย่างกว้างไกล ตามความเห็นของ แฮมิลตัน กองทัพบกจะสามารถรบชนะและครอบครองเขตอาณานิคมภาคเหนือที่เคยเป็นของฝรั่งเศส และสเปนที่ติดชายแดนสหรัฐ

เพื่อให้การสนับสนุนกองทัพ แฮมิลตัน ได้เขียนจดหมายถึง Oliver Wolcott ซึ่งเป็นผู้สืบตำแหน่งรัฐมตนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อจากเขา และเขียนถึง William Loughton Smith ซึ่งมีอิทธิพลในรัฐสภา และ Theodore Sedgwick, จากรัฐ Massachusetts เขาได้เร่งให้ผ่านกฎหมายเพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีเพื่อการสงคราม Smith ได้ลาออกในช่วงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1797 เพราะถูก แฮมิลตัน ตะคอกว่าเป็นพวกล่าช้า และเขาได้บงการให้ Wolcott ได้เปลี่ยนวิธีการจัดเก็บภาษีจากแทนที่จะเป็นเก็บตามที่ดิน ให้เก็บที่บ้านเรือนแทน

ใน โปรแกรมของเขา จะรวมถึงการมีรายได้จากอากรแสตมป์ (Stamp Act) เหมือนกับประเทศอังกฤษในช่วงก่อนสงครามประกาศอิสรภาพ การเก็บภาษีของเขาจะรวมถึงการเก็บจากที่ดิน (land) บ้าน (houses) การมีและครอบครองทาส (slaves) และมีการคิดอัตราภาษีแตกต่างกันไปตามลักษณะของรัฐ มีวิธีการจัดเก็บที่ซับซ้อนตามการประเมินลักษณะบ้าน ทำให้เกิดการต่อต้านจากรัฐเพนซิลเวเนียทางตอนตะวันออกเฉียงใต้แฮมิลตัน ได้มีความพยายามผลักดันให้กองทัพบกมีการพัฒนา เขาได้รับใช้ในกองทัพบกสหรัฐและรับตำแหน่งในฐานะ Major General ในช่วงวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1799 ถึงวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1800 หน้าที่ของกองทัพคือการปกป้องต่อการรุกรานของฝรั่งเศส และ แฮมิลตัน ยังได้เสนอว่านโยบายคือการเดินหน้าเข้าครอบครองพื้นที่ๆปกครองโดยสเปน ซึ่งในขณะนั้นเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศส และนั่นหมายถึงการเข้ายึดเขตแดน Louisiana ซึ่งปกครองโดยฝรั่งเศส และ Mexico ที่เป็นของสเปน

จาก จดหมายติดต่อของเขา เขาต้องการกลับมามีบทบาทในกองทัพ เขาฝันว่าหากกลับมามีอำนาจ รัฐบาลจะต้องมีกำลัง โดยไม่มีบทบาทของฝ่ายผู้ยึดถือในแนวทางของเจฟเฟอร์สัน แต่ Adams ซึ่งไม่ได้ต้องการทำสงครามมากมายอย่างที่ แฮมิลตัน ต้องการ ได้สกัดแผนดังกล่าวที่จะไม่ให้เกิดสงคราม และได้เปิดเจรจากับฝรั่งเศส Adams เมื่อเป็นประธานาธิบดีได้ใช้สิทธิที่จะคงคณะรัฐมนตรีของ วอชิงตัน ยกเว้นในประเนที่เขาพบว่าในปี ค.ศ. 1800 ที่เมื่อ วอชิงตัน ได้เสียชีวิตแล้ว เขาได้เชื่อ แฮมิลตัน มากกว่าตัวของเขาเอง และได้ปลดหลายคนออก

การเลือกตั้งปี ค.ศ. 1800

อนุสาวรีย์ แฮมิลตัน ที่ตั้งอยู่ในโถงที่ United States Capitol rotunda ในกรุงวอร์ชิงตัน ดีซี


ใน การเลือกต้ง ปี ค.ศ. 1800 แฮมิลตัน ได้ทำงานที่จะไม่เอาชนะฝ่ายตรงกันข้าม คือตัวแทนจากฝ่าย Democratic-Republican แต่รวมไปถึงตัวแทนของฝ่ายเขาเองในขณะนั้น คือ John Adams ในเดือนกันยายน เขาได้เขียนแผ่นปลิว กล่าวหาบุคลิกภาพของ John Adams ในการทำงานเป็นประธานาธิบดีของประเทศ เป็นการวิจารณ์ Adams อย่างเสียๆหายๆ แม้ในที่สุดเขาจะสนับสนุน Adams แต่จดหมายดังกล่าวได้ไปอยู่ในมือของกลุ่ม Democratic-Republican และได้มีการนำไปพิมพ์เผยแพร่ต่อ ซึ่งมีผลกระทบต่อ Adams ในฐานะเป็นตัวแทนของกลุ่ม Federalists และทำให้ชัยชนะไปตกอยู่กับมือของกลุ่ม Democratic-Republican Party ที่นำโดยเจฟเฟอร์สัน ในการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1800 และได้ทำลายโอกาสตำแหน่งของ แฮมิลตัน ในกลุ่มของ Federalists ในเวลาต่อมา

แฮมิลตัน ได้เสนอให้รัฐนิวยอร์ก ที่ Burr ได้ชัยชนะให้กลุ่มเจฟเฟอร์สัน ควรจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ในบางเขต แต่ John Jay ผู้ซึ่งได้ลาออกจากการเป็นประธานศาลสูง และมารับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ได้เขียนในจดหมายตอบข้อเสนอว่า แม้จะเป็นข้อเสนอโดยพรรค แต่เขาจะไม่ปฏิบัติตาม และไม่ตอบจดหมายจาก แฮมิลตัน

John Adams ได้รณรงค์ใหม่ คราวนี้กับพี่ชายของ Pinckney ชื่อ Charles Coteworth Pinckney ในคราวนี้ แฮมิลตัน ได้เดินทางทั่วเขต New England และสนับสนุนผู้ทำหน้าที่เลือกตั้งให้ยึดมั่นใน Pinckney โดยหวังให้ Pinckney ได้มีหวังเป็นประธานาธิบดี แต่คราวนี้ปฏิกิริยาตอบกลับจากผู้เลือก (Electors) กลุ่มเจฟเฟอร์สัน คือไปสนับสนุนเจฟเฟอร์สัน และ Burr เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีกลุ่ม Federalists กลับเข้ามามีอำนาจอีก ในฝ่าย Federalists เอง ก็มีคนไม่เห็นด้วย ดังผู้ว่าการรัฐ Arthur Fenner แห่ง Rhode Island ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการเล่นเกมส์ของ แฮมิลตัน จึงทำให้คะแนนของฝ่ายเจฟเฟอร์สัน และ Burr ได้เท่ากัน เป็นอันดับหนึ่งและสอง ส่วน Pinckney ได้มาเป็นอันดับที่สี่

เมื่อ ฝ่าย Federalists แตกแยกและอ่อนกำลังลงเจฟเฟอร์สัน จึงจะชนะ Adams แต่ด้วยเจฟเฟอร์สัน และ Aaron Burr ได้รับคะแนนเสียง 73 คะแนนเท่ากันในระบบเลือกผ่านตัวแทน (Electoral College) ดังนั้นในคณะตัวแทนของประชาชนจึงต้องมาเลือกกันว่าระหว่างสองคนนั้นใครควรจะ เป็นประธานาธิบดี ผลจากดังกล่าวจึงต้องมีการมาปรับแก้รัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีดังที่เป็นในปัจจุบัน ที่เลือกประธานาธิบดีในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารเป็นหลัก มิใช่ไปเลือกตัวแทนแล้วนับคะแนนคนเป็นประธานาธิบดีกับรองประธานาธิบดี โดยเลือกจากคนที่ได้อันดับหนึ่งและสอง

ใน ครั้งนั้นฝ่าย Federalists หลายคนต่อต้านเจฟเฟอร์สัน และสนับสนุน Burr แต่ แฮมิลตัน ลังเลที่จะดำเนินการดังนั้น โดยได้ให้คะแนนไปที่เจฟเฟอร์สัน โดยให้สมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งในฝ่าย Federalists งดออกเสียงที่ไปเท่ากันที่ 36 คะแนน ทำให้เจฟเฟอร์สัน ได้รับเลือกป็นประธานาธิบดี แทนที่จะเป็น Burr ที่เป็นดังกล่าว เพราะแม้ แฮมิลตัน จะไม่ชอบเจฟเฟอร์สัน และมีความเห็นไม่ลงรอยกันในหลายๆกรณี แต่เขาเห็นว่า “Jefferson เป็นคนซื่อสัตย์” ดังนั้น Burr จึงกลายเป็นรองประธานาธิบดี และเมื่อในระยะต่อมา Burr ไม่ได้ถูกขอให้ลงชิงตำแหน่งร่วมกับเจฟเฟอร์สัน อีก เขาจึงกลับไปสมัครเป็นผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กในปี ค.ศ. 1804 ในนามตัวแทนของกลุ่ม Federalists โดยฝ่ายตรงข้ามคือตัวแทนพรรคเจฟเฟอร์สันian คือ Morgan Lewis แต่ต้องพ่ายแพ้ไปด้วยกำลังส่วนหนึ่งที่หนุนหลังโดย แฮมิลตัน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ Burr กับ แฮมิลตัน ได้ผูกใจเจ็บต่อกันไปตลอดชีวิต

ใกล้เคียง

อเล็กซานเดอร์มหาราช อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อเล็กซ์ เรนเดลล์ อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน อเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์ อเล็กซันดรา เคาน์เตสแห่งเฟรเดอริกสบอร์ก อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง อเล็กซานดราแห่งเดนมาร์ก อเล็กทีนิบ

แหล่งที่มา

WikiPedia: อเล็กซานเดอร์_แฮมิลตัน http://www.britannica.com/EBchecked/topic/253372/A... http://www.footnote.com/page/146 http://books.google.com/books?id=S4CoWxuxuFAC&q=al... http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cac... http://www.jewishpress.com/content.cfm?contentid=2... http://www.questia.com/library/book/alexander-hami... http://www.questia.com/library/book/the-age-of-fed... http://cdl.library.cornell.edu/cgi-bin/moa/moa-cgi... http://elections.lib.tufts.edu/aas_portal/index.xq http://press-pubs.uchicago.edu/founders/documents/...