การสร้างวรรณกรรม ของ เจ._อาร์._อาร์._โทลคีน

ภาพวาดฝีมือโทลคีน แสดงตัวละครเกลารุง ซึ่งมีชื่อเดิมในงานเขียนครั้งแรกว่า Glorund

โทลคีนเริ่มงานเขียนปกรณัมชิ้นแรกคือ The Book of Lost Tales ตอน การล่มสลายของกอนโดลิน ในปี พ.ศ. 2460 (ค.ศ.1917) ขณะที่พักรักษาตัวจากไข้กลับ โดยนำตัวละคร เออาเรนเดล จากบทกวีเดิมที่เขาแต่งไว้ การผจญภัยของเออาเรนเดล ดวงดาวสายัณห์ มาเป็นตัวละครเอกอยู่ในเรื่อง เพื่อเล่าถึงสาเหตุความเป็นมาว่า ทำไมเออาเรนเดลจึงได้เป็นดวงดาวสายัณห์ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ หลังจากนั้นโทลคีนแต่งบทกวีอีกสองเรื่องคือ ตำนานของเบเรนและลูธิเอน กับ ตำนานบุตรแห่งฮูริน

โทลคีนไม่เคยรู้สึกว่าเขา "แต่ง" เรื่องขึ้นมา เขาเพียงแต่ "เขียน" เรื่องที่มีอยู่แล้วที่ใดที่หนึ่งในวงล้อประวัติศาสตร์ เมื่อเขาอ่านงานเขียนของตนให้เพื่อนในกลุ่มอิงคลิงส์ฟัง และมีผู้โต้แย้งถึงความไม่สมเหตุสมผล ว่าทำไมจึงเกิดหรือไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเล่า โทลคีนไม่เคยบอกว่าเขาจะกลับไปแก้หรือแต่งใหม่ แต่เขาจะตอบเพื่อนว่า "ผมจะหาดูว่าความจริงเป็นอย่างไร"[6]

แรงบันดาลใจ

หนึ่งในแรงบันดาลใจที่สำคัญยิ่งของโทลคีน คือ ผลงานของวิลเลียม มอร์ริส เรื่อง The House of the Wolfings และ The Roots of the Mountains ซึ่งทำให้เขาสร้างบึงมรณะในเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ และป่าเมิร์ควู้ด[25]

โทลคีนยังกล่าวถึงนิยายของ เอช. ไรเดอร์ แฮ็กการ์ด เรื่อง She ในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์คราวหนึ่งว่า "เมื่อยังเป็นเด็ก She เป็นเรื่องน่าสนใจมาก เหมือนอย่างซากวัตถุโบราณของกรีกยุคอมินทัส (Amyntas หรือ Amenartas) ที่ดูเหมือนเครื่องจักรบางอย่างที่เคลื่อนที่ได้"[26] มีภาพที่เหมือนภาพถ่ายเศษโบราณวัตถุตีพิมพ์ในหนังสือของแฮกการ์ดฉบับพิมพ์ครั้งแรก บนชิ้นส่วนนั้นมีอักขระโบราณอยู่ ซึ่งเมื่อแปลออกมาแล้วทำให้ตัวละครชาวอังกฤษเดินทางไปสู่อาณาจักรโบราณของ She ได้ นักวิจารณ์บางคนเปรียบเทียบแนวคิดนี้กับบันทึกของอิซิลดูร์ในเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์[27] โทลคีนเองก็เคยพยายามวาดภาพของหน้าหนังสือหน้าหนึ่งจากบันทึกแห่งมาซาร์บูล ซึ่งเป็นจารึกโบราณของบาลิน กษัตริย์คนแคระ ที่เหล่าพันธมิตรแห่งแหวนไปพบในเหมืองมอเรีย[28]

นอกเหนือจากนี้ โทลคีนได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากตำนานเก่าแก่ของเยอรมัน โดยเฉพาะวรรณกรรมแองโกลแซกซอน ซึ่งเขามีความชื่นชอบและชำนาญอย่างยิ่งยวด ในบรรดานี้แหล่งข้อมูลสำคัญคือ ตำนานเรื่องเบวูล์ฟ มหากาพย์นอร์สเรื่องโวลซุงกา และ แฮร์วาราร์ [29] บทกวีชุด Edda, Nibelungenlied และตำนานเก่าแก่อื่นๆ อีกมาก[30]

โทลคีนเองเคยระบุถึงงานประพันธ์ของโฮเมอร์ โซเฟคลีส และลำนำโบราณของฟินแลนด์เรื่อง คาเลวาลา ว่าเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างปกรณัมของเขา[31] เขายังได้แนวคิดมาจากประวัติศาสตร์และตำนานเซลติก สก๊อต และเวลช์ อีกหลายเรื่อง[32][33]

สำหรับแนวคิดด้านปรัชญา โทลคีนได้รับอิทธิพลจาก อัลเฟรดมหาราช งานแปลจากภาษาแองโกลแซกซอนของ โบธีอุส นักปรัชญาคริสเตียนในคริสต์ศตวรรษที่ 6 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ลำนำของโบธีอุส[34] ซึ่งตำนานเทววิทยาของโรมันคาทอลิกก็มีส่วนอย่างมากในการสร้างโลกในจินตนาการของโทลคีน อันเนื่องมาจากศรัทธาอันแรงกล้าของเขาเอง[35]

ปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ

หลังจากโทลคีนเขียนเรื่อง การล่มสลายของกอนโดลิน อันเป็นบทประพันธ์สืบเนื่องที่บรรยายถึงที่มาของ เออาเรนเดล ดวงดาวสายัณห์ แล้ว โทลคีนได้ประพันธ์ตำนานอีกสองเรื่อง คือ ตำนานของเบเรนและลูธิเอน กับ ตำนานบุตรแห่งฮูริน บทประพันธ์ทั้งสามนี้เป็นเรื่องเอก ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของผลงานเขียนชุดที่เรียกว่า ซิลมาริลลิออน

โทลคีนสร้างประวัติศาสตร์ของโลกอาร์ดาขึ้น โยงลำดับเหตุการณ์และบทประพันธ์เอกทั้งสามเข้าหากัน เขาพยายามเขียนซิลมาริลลิออน ถึง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเขียนให้จบบริบูรณ์ลงได้ ครั้งหนึ่งโทลคีนเคยพยายามเสนอให้สำนักพิมพ์อัลเลนแอนด์อันวิน ตีพิมพ์ ซิลมาริลลิออน พร้อมกับ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ แต่สำนักพิมพ์ไม่ตกลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตีพิมพ์ช่วงหลังสงครามโลกนั้นสูงมาก แม้แต่ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ เองยังต้องถูกแบ่งตีพิมพ์ออกเป็น 3 เล่ม ซิลมาริลลิออนจึงยังคงไม่ได้พิมพ์ตราบกระทั่งโทลคีนสิ้นชีวิต ซึ่งเขายังคงปรับแต่งแก้ไขรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของปกรณัมอยู่ตลอดเวลา

กล่าวได้ว่า ซิลมาริลลิออน เป็นงานเขียนแห่งชีวิตของโทลคีน เขาใช้เวลาทั้งชีวิตในการประพันธ์มหากาพย์ชุดนี้ ในปี พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) เมื่อโทลคีนบังเอิญมีโอกาสได้ตีพิมพ์ เดอะฮอบบิท และประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจนต้องเขียนภาคต่อออกมากลายเป็น เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ โทลคีนก็นำทั้งเรื่อง เดอะฮอบบิท และ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ มาวางลงบนโครงปกรณัมชุดใหญ่ของเขาและถักทอเข้าจนเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด[23] นอกจากนี้ยังมีตำนานอีกชุดหนึ่งคือ การล่มสลายของนูเมนอร์ หรือ อคัลลาเบธ ซึ่งโทลคีนประพันธ์ขึ้นโดยมีแรงบันดาลใจมาจากการล่มสลายของอาณาจักรแอตแลนติส ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งอยู่ในวงล้อประวัติศาสตร์ของปกรณัมชุดนี้ด้วย[23]

งานเขียนสำหรับเด็ก

ในเวลาว่าง โทลคีนจะสนุกสนานกับการแต่งนิทานแฟนตาซีเพื่อเล่าให้ลูกๆ ของเขาฟัง (แม้แต่ เดอะฮอบบิท ก็มีที่มาจากการแต่งเรื่องให้เด็กๆ ฟัง) เขาเขียนจดหมายในวันคริสต์มาสทุกปี สมมุติว่าเป็นจดหมายจากซานตาคลอสส่งมาให้เด็กๆ จนหลายปีต่อมามันกลายเป็นชุดเรื่องสั้น เรียกชื่อว่า จดหมายจากคุณพ่อคริสต์มาส นิทานเรื่องอื่นๆ ก็เช่น Mr.Bliss, Roverandom, Smith of Wootton Major และ พระราชาชาวนา ในจำนวนนี้มีเรื่อง Roverandom และ Smith of Wootton Major ที่นำโครงเรื่องบางส่วนมาจากปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธ เช่นเดียวกับเรื่องเดอะฮอบบิท

ปกหนังสือซิลมาริลลิออน ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ค.ศ.1977

ผลงานหลังจากถึงแก่กรรม

คริสโตเฟอร์ โทลคีน บุตรชายคนที่สามของโทลคีน ได้เป็นผู้ช่วยโทลคีนผู้พ่อในการเขียนผลงานอยู่เสมอ เขาเคยช่วยเขียนแผนที่ ช่วยพิมพ์ดีด และจัดเรียงเอกสารต่างๆ[6] เมื่อโทลคีนถึงแก่กรรม คริสโตเฟอร์กับเพื่อนของเขาคือ กาย กัฟเรียล เคย์ ได้ช่วยกันเรียบเรียงผลงานของโทลคีนขึ้น ซิลมาริลลิออน จึงได้ตีพิมพ์ในที่สุดเมื่อปี พ.ศ. 2520 หลังจากโทลคีนเสียชีวิตไปแล้วเป็นเวลา 4 ปี

ต่อมาในปี พ.ศ. 2523 คริสโตเฟอร์ได้รวบรวมงานเขียนที่กระจัดกระจายอยู่ บางส่วนยังอยู่ในระหว่างการแก้ไข และยังเขียนไม่จบ เกิดเป็นหนังสือ Unfinished Tales หรือ เกร็ดตำนานอันจารไม่จบแห่งนูเมนอร์และมิดเดิลเอิร์ธ หนังสือเหล่านี้ได้รับการตอบรับอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าผู้ประพันธ์จะเสียชีวิตไปแล้วเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นในช่วงปี พ.ศ. 2526-2539 คริสโตเฟอร์จึงได้รวบรวมผลงานในปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธของพ่อ เรียบเรียงออกมาเป็นหนังสือชุดใหญ่จำนวน 12 เล่ม ได้แก่หนังสือชุดประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธ ซึ่งรวบรวมต้นฉบับ ต้นร่าง แนวคิด และงานเขียนชิ้นล่าสุดในปกรณัมของโทลคีน รวมทั้งเรื่อง เดอะฮอบบิท และ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ในต้นร่างเหล่านี้ยังมีเนื้อความที่ขัดแย้งกันอยู่จำนวนหนึ่ง เนื่องจากโทลคีนยังคงแก้ไขรายละเอียดในปกรณัมของเขาอยู่ตลอดเวลา และยังไม่ได้ปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดทั้งหมดให้สอดคล้องไปในทางเดียวกัน[36]

ล่าสุดในปี พ.ศ. 2550 คริสโตเฟอร์ โทลคีน ได้อุตสาหะรวบรวมและเรียบเรียงงานเขียนชิ้นสำคัญออกมาอีกชิ้นหนึ่ง คือ ตำนานบุตรแห่งฮูริน อันเป็นเรื่องราวของทูริน ทูรัมบาร์ และนิเอนอร์ น้องสาวของเขา ทั้งสองเป็นบุตรของฮูริน ตัวละครชาวมนุษย์คนสำคัญที่มีบทบาทในการช่วยเหลือเหล่าเอลฟ์ในตำนานซิลมาริลลิออน โดยที่คริสโตเฟอร์เรียบเรียงเนื้อหาทั้งหมดมาจาก ซิลมาริลลิออน, Unfinished Tales, ประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธ และงานเขียนต้นร่างที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์อีกจำนวนหนึ่ง

ใกล้เคียง

เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน เจ. อาร์. อาร์. โทลคีนส์ เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ วอลลุมวัน (วิดีโอเกม พ.ศ. 2537) เจ. ออพเพนไฮเมอร์ เจ. อาร์. รามิเรซ เจ. เค. โรว์ลิง เจ. เจ. ทอมสัน เจ. บรูซ อิสเมย์ เจน ออสเตน เจ.เจ. แอบรัมส์ เจ. วาย. ปิลไล

แหล่งที่มา

WikiPedia: เจ._อาร์._อาร์._โทลคีน http://64.6.241.183/blue/jtolkien.html http://ourworld.compuserve.com/homepages/billramey... http://www.crisismagazine.com/november2001/feature... http://findarticles.com/p/articles/mi_m0OON/is_3-4... http://www.findarticles.com/p/articles/mi_qa3760/i... http://books.google.com/books?id=Q6zgmCf_kY4C&pg=P... http://video.google.com/videoplay?docid=8119893978... http://www.leaderu.com/humanities/wood-biography.h... http://www.merp.com/essays/MichaelMartinez/michael... http://news.nationalgeographic.com/news/2001/12/12...