สถาปนาจ๊กก๊ก ของ เล่าปี่

ยึดครองเอ๊กจิ๋ว

ในปี ค.ศ. 211 เล่าเจี้ยง ผู้ครองแคว้นเอ๊กจิ๋ว (ครอบคลุมพื้นที่ของมณฑลเสฉวนและเมืองฉงชิ่งในปัจจุบัน) ได้ข่าวว่าโจโฉมีแผนจะโจมตีขุนศึกเตียวฬ่อในเมืองฮันต๋ง เมืองฮันต๋งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญและเป็นปากทางทางเหนือสู่แคว้นเอ๊กจิ๋ว เล่าเจี้ยงจึงส่งหวดเจ้งไปเจรจาเป็นพันธมิตรกับเล่าปี่ตามคำแนะนำของเตียวสง เตียวสงและหวดเจ้งนั้นในใจเห็นว่าเล่าเจี้ยงไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้ครองเอ๊กจิ๋ว จึงมีความคิดจะให้เล่าปี่ขึ้นเป็นผู้ครองเอ๊กจิ๋วแทน ฝ่ายเล่าเจี้ยงเชิญเล่าปี่มาที่เอ๊กจิ๋วเพื่อขอให้ช่วยเหลือในการยึดเมืองฮันต๋งก่อนที่โจโฉจะยึดได้

เล่าปี่นำกองกำลังยกเข้าแคว้นเอ๊กจิ๋ว มอบหมายให้จูกัดเหลียง, กวนอู, เตียวหุย และจูล่งอยู่รักษาแคว้นเกงจิ๋ว เล่าเจี้ยงต้อนรับเล่าปี่และมอบทหารเพิ่มเติมให้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเล่าปี่ เล่าปี่นำกองกำลังมุ่งหน้าไปด่านแฮบังก๋วน (ปัจจุบันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองกว่างยฺเหวียน มณฑลเสฉวน) ตรงชายแดนระหว่างอาณาเขตของเล่าเจี้ยงและของเตียวฬ่อ แต่แทนที่จะเข้ารบกับเตียวฬ่อ เล่าปี่กลับหยุดทัพไว้และทำการเชื่อมสัมพันธ์เอาใจราษฎรและเพิ่มอิทธิพลของตนโดยรอบพื้นที่นั้น[14]

ในปี ค.ศ. 212 หวดเจ้ง, เตียวสง และเบ้งตัดเริ่มดำเนินแผนจะโค่นเล่าเจี้ยงและยกเล่าปี่ขึ้นแทน ทางด้านเล่าปี่ บังทองได้เสนอแผนการสามแผนให้เล่าปี่เลือก แผนการแรกคือการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันมุ่งหน้าเข้ายึดเมืองเซงโต๋ (เฉิงตู) เมืองเอกของแคว้นเอ๊กจิ๋วจากเล่าเจี้ยงโดยใช้กองกำลังพิเศษ แผนการที่สองคือการเข้าควบคุมทหารของเล่าเจี้ยงทางตอนเหนือจากนั้นจึงเคลื่อนกำลังเข้ายึดเมืองเซงโต๋ แผนการที่สามคือการยกกลับไปเมืองเป๊กเต้ (ไป๋ตี้เฉิง) รอโอกาสทำการต่อไป เล่าปี่เลือกแผนการที่สอง จากนั้นเล่าปี่จึงส่งหนังสือถึงเล่าเจี้ยงขอกำลังทหารเพิ่มเติมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของโจโฉไปทางทิศตะวันออก (ที่ซึ่งซุนกวนกำลังถูกโจมตี) และขอทหารเพิ่มอีก 10,000 คนกับเสบียงเพิ่มเติมเพื่อไปช่วยป้องกันแคว้นเกงจิ๋ว เล่าเจี้ยงมอบทหารให้เล่าปี่เพียง 4,000 คนกับเสบียงเพียงครึ่งเดียวของที่เล่าปี่ร้องขอ

เตียวซกพี่ชายของเตียวสงล่วงรู้ว่าน้องชายลอบติดตามกับเล่าปี่จึงนำความไปแจ้งให้เล่าเจี้ยงทราบ เล่าเจี้ยงโกรธและแปลกใจมากที่เตียวสงช่วยเหลือเล่าปี่จะยึดแคว้นเอ๊กจิ๋ว จึงสั่งประหารชีวิตเตียวสงและมีคำสั่งไปยังนายทหารของตนที่รักษาด่านทางไปเมืองเซงโต๋ให้รักษาความลับเรื่องที่ตนทราบความว่าเล่าปี่คิดโจมตีตน แต่ในที่สุดเล่าปี่ก็ได้ทราบความนี้จากสายสืบที่วางไว้รอบตัวเล่าเจี้ยง ฝ่ายหวดเจ้งและเบ้งตัดเข้าด้วยกับฝ่ายเล่าปี่ ก่อนหน้าที่เอียวหวย (楊懷 หยาง หฺวาย) และโกภาย (高沛 เกา เพ่ย์) ผู้ใต้บังคับบัญชาของเล่าเจี้ยงที่รักษาด่านโปยสิก๋วนจะรู้เจตนาที่แท้จริงของเล่าปี่ เล่าปี่ลวงเอียวหวยและโกภายให้ติดกับดักและประหารชีวิตในข้อหาว่าทั้งคู่ประพฤติไร้มารยาทกับตน เล่าปี่เข้าควบคุมกองกำลังของเอียวหวยและโกภายซึ่งมีจำนวน 5,000 คน จากนั้นจึงเข้าโจมตีอำเภอฝูเซี่ยน (涪縣; ปัจจุบันคือเมืองเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน)

ในปี ค.ศ. 213 ฤดูใบไม้ผลิ เล่าเจี้ยงส่งเล่ากุ๋ย, เหลงเปา, เตียวหยิม, เตงเหียน, งออี้ และนายทหารคนอื่น ๆ ไปป้องกันเมืองกิมก๊ก (เหมียนจู๋) นายทหารทั้งหมดถูกฆ่าหรือถูกจับกุมโดยกองทัพของเล่าปี่ งออี้แม้จะเป็นคนที่เล่าเจี้ยงไว้ใจมากที่สุดแต่ภายหลังก็แปรพักตร์เข้าด้วยฝ่ายเล่าปี่ ด้วยเหตุนี้ลิเงียมและอุยหวนจึงถูกส่งไปรักษากิมก๊กแทน แต่ทั้งคู่ก็สวามิภักดิ์ต่อเล่าปี่เช่นกัน ถึงตอนนี้เหลือเพียงกองกำลังภายใต้การบัญชาของเล่าชุนบุตรชายของเล่าเจี้ยง เล่าชุนถอยทัพเข้าอำเภอลกเสีย (ปัจจุบันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน) ที่อำเภอลกเสียนี้ บังทองเสียชีวิตด้วยการโดนลูกหลงจากเกาทัณฑ์ และการล้อมอำเภอลกเสียได้ยืดเยื้อออกไป เล่าปี่จึงจำต้องขอกำลังเสริมจากแคว้นเกงจิ๋ว

ในปี ค.ศ. 214 หลังอำเภอลกเสียตกเป็นของเล่าปี่ เล่าเจี้ยงยังคงตั้งมั่นอยู่ภายในเมืองเซงโต๋ ม้าเฉียวอดีตขุนศึกและบริวารของเตียวฬ่อได้แปรพักตร์มาเข้าด้วยฝ่ายเล่าปี่ และร่วมกับเล่าปี่ในการโจมตีเมืองเซงโต๋ ราษฎรชาวเมืองเซงโต๋ยินดีสู้กับข้าศึกอย่างเต็มกำลัง แม้จะหวาดกลัวต่อทหารของม้าเฉียว[15] แต่ในที่สุดเล่าเจี้ยงก็ยอมจำนนต่อเล่าปี่เพราะเล่าเจี้ยงเห็นว่าตนไม่อยากให้มีการหลั่งเลือดไปมากกว่านี้อีก[16] จากนั้นเล่าปี่จึงขึ้นเป็นผู้ครองแคว้นเอ๊กจิ๋วแทนเล่าเจี้ยง และย้ายเล่าเจี้ยงไปอยู่ที่อำเภอกองอั๋นในแคว้นเกงจิ๋ว

เล่าปี่แต่งงานกับน้องสาวของงออี้ (งอซี) และออกเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ในเอ๊กจิ๋วเพื่อควบรวมอำนาจการบัญชาการของแคว้นเอ๊กจิ๋วที่ยึดได้ใหม่ เล่าปี่เลื่อนให้จูกัดเหลียงมีตำแหน่งที่ควบคุมทุกกิจการของรัฐ และแต่งตั้งให้ตั๋งโหเป็นผู้ช่วยของจูกัดเหลียง ผู้ติดตามที่เหลือของเล่าปี่ทั้งคนเก่าและคนใหม่ล้วนได้รับมอบหมายความรับผิดชอบใหม่และได้รับการเลื่อนตำแหน่งใหม่

กรณีพิพาทเรื่องอาณาเขตกับซุนกวน

หลังจากเล่าปี่เข้าครองแคว้นเอ๊กจิ๋ว ซุนกวนได้ส่งโลซกเป็นทูตมาเจรจาเพื่อให้เล่าปี่คืนเมืองในเกงจิ๋วใต้แก่ซุนกวน แต่เล่าปี่ปฏิเสธ ซุนกวนจึงให้ลิบองและเล่งทองนำทหาร 20,000 นายไปโจมตีเกงจิ๋วใต้และยึดได้เมืองเตียงสา, ฮุยเอี๋ยง และเลงเหลง ขณะเดียวกัน โลซกและกำเหลงได้มุ่งหน้าสู่อำเภออี้หยางพร้อมทหาร 10,000 นายเพื่อสกัดกวนอู และเข้าควบคุมการบัญชาทหารที่ลกเค้า (陸口 ลู่โข่ว) เล่าปี่เดินทางด้วยตนเองไปยังอำเภอกองอั๋น ขณะที่กวนอูนำทหาร 30,000 นายมายังอำเภออี้หยาง เมื่อสงครามกำลังจะเริ่มต้น เล่าปี่กลับได้ข่าวว่าโจโฉมีแผนจะโจมตีเมืองฮันต๋ง เล่าปี่กังวลเรื่องที่โจโฉจะยึดเมืองฮันต๋ง จึงยื่นข้อเสนอขอทำสัญญาชายแดนกับซุนกวน โดยเล่าปี่ขอให้ซุนกวนคืนเมืองเลงเหลงและให้ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของโจโฉโดยการโจมตีเมืองหับป๋า ฝ่ายเล่าปี่ต้องยกเมืองเตียงสาและฮุยเอี๋ยงให้ซุนกวน กับกำหนดเขตแดนใหม่ตลอดแม่น้ำเซียง

ยุทธการที่ฮันต๋ง

ดูบทความหลักที่: ยุทธการที่ฮันต๋ง

ในปี ค.ศ. 215 โจโฉทำศึกชนะเตียวฬ่อได้ในยุทธการที่เองเปงก๋วนและเข้ายึดเมืองฮันต๋ง สุมาอี้และเล่าหัวแนะนำโจโฉให้ถือโอกาสนี้เข้าโจมตีแคว้นเอ๊กจิ๋ว เนื่องจากการปกครองแคว้นเอ๊กจิ๋วที่เพิ่งยึดได้ใหม่ของเล่าปี่ยังไม่มีเสถียรภาพและขณะนั้นตัวเล่าปี่อยู่ไกลถึงแคว้นเกงจิ๋ว โจโฉซึ่งไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศของเอ๊กจิ๋วได้ปฏิเสธคำแนะนำนี้ไป แล้วมอบหมายให้แฮหัวเอี๋ยน, เตียวคับ และซิหลงอยู่ป้องกันเมืองฮันต๋ง

เตียวคับคาดการณ์ว่าจะเกิดศึกระยะยาวจึงนำทหารไปเมืองเพ็กเงียม (宕渠郡 ต้างฉฺวีจฺวิ้น; ปัจจุบันคืออำเภอฉฺวี มณฑลเสฉวน) เพื่อย้ายราษฎรของเมืองปากุ๋น (巴郡 ปาจฺวิ้น; ปัจจุบันคือเมืองฉงชิ่ง) มายังเมืองฮันต๋ง ขณะเดียวกันนั้น เล่าปี่แต่งตั้งให้เตียวหุยเป็นเจ้าเมืองปาเส (巴西郡 ปาซีจฺวิ้น) และมีคำสั่งให้เตียวหุยไปยึดปากุ๋น เตียวหุยและเตียวคับรบกันเป็นเวลา 50 วัน จบลงด้วยชัยชนะของเตียวหุยจากการโจมตีเตียวคับโดยฉับพลัน เตียวคับหนีรอดไปได้แล้วถอยหนีไปยังอำเภอลำเต๋ง (หนานเจิ้ง) ปากุ๋นจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งในอาณาเขตของเล่าปี่

ในปี ค.ศ. 217 หวดเจ้งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นทางยุทธศาสตร์ของการเข้ายึดเมืองฮันต๋ง และแนะนำเล่าปี่ให้ขับไล่กองกำลังของโจโฉออกจากพื้นที่ เล่าปี่จึงส่งเตียวหุย, ม้าเฉียว และคนอื่น ๆ ให้เข้ายึดเมืองปูเต๋า (武都郡 อู่ตูจฺวิ้น) ขณะเดียวกันเล่าปี่ก็รวบรวมทหารมุ่งไปยังด่านเองเปงก๋วน เตียวหุยจำต้องถอยทัพหลังจากที่นายทหารผู้ช่วยคืองอหลัน (吳蘭 อู๋หลัน) และลุยต๋อง (雷銅 เหลย์ ถง) ถูกกองทัพโจโฉปราบและถูกสังหาร เล่าปี่นำทัพเข้าปะทะกับแฮหัวเอี๋ยนที่ด่านเองเปงก๋วน พยายามจะตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของข้าศึก โดยส่งขุนพลตันเซ็กไปยังหม่าหมิงเก๋อ (馬鳴閣) แต่ก็ถูกสกัดทางได้โดยซิหลงรองขุนพลของแฮหัวเอี๋ยน จากนั้นเล่าปี่จึงเข้าตีกระหนาบกองกำลังของเตียวคับที่กว่างฉือ (廣石) แต่ไม่สำเร็จ ขณะเดียวกัน แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับก็ไม่สามารถขัดขวางเล่าปี่จากการระดมพลในพื้นที่โดยรอบ การศึกอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายไม่อาจเอาชนะกันได้ และโจโฉก็ตัดสินใจรวบรวมกองทัพที่เมืองเตียงฮันเพื่อรบกับเล่าปี่

ในปี ค.ศ. 218 ฤดูใบไม้ผลิ เล่าปี่และแฮหัวเอี๋ยนเผชิญหน้ากันเป็นเวลาหนึ่งปีกว่า เล่าปี่นำกองกำลังหลักไปยังทางใต้ของแม่น้ำเหมี่ยน (沔水) และสั่งให้ฮองตงตั้งค่ายบนเขาเตงกุนสัน ซึ่งจะสามารถสังเกตการณ์ภายในค่ายของแฮหัวเอี๋ยนในหุบเขาด้านล่างได้ง่าย คืนหนึ่ง เล่าปี่ส่งทหาร 10,000 นายไปโจมตีเตียวคับที่กว่างฉือ และจุดไฟเผารั้วค่ายของแฮหัวเอี๋ยน แฮหัวเอี๋ยนนำกองกำลังย่อยไปดับไฟ และส่งกองกำลังหลักไปเสริมเตียวคับ หวดเจ้งเห็นโอกาสเข้าโจมตีจึงส่งสัญญาณให้เล่าปี่ยกทัพบุก เล่าปี่ส่งฮองตงยกลงจากเขาเข้าโจมตีข้าศึกที่อ่อนล้า ฮองตงมุ่งไปยังกองกำลังของแฮหัวเอี๋ยนเข้าสกัดไว้ได้ ทั้งแฮหัวเอี๋ยนและเจ้าอ๋างซึ่งเป็นข้าหลวงแคว้นเอ๊กจิ๋วที่โจโฉแต่งตั้งขึ้นล้วนถูกสังหารระหว่างการรบ

เตียวคับซึ่งได้รับเลือกให้ทำหน้าที่แทนแฮหัวเอี๋ยนโดยโตสิบและกุยห้วยได้ถอยทัพไปทางฝั่งเหนือของแม่น้ำฮันซุยแล้วรอคอยกำลังเสริมจากโจโฉ ขณะเดียวกัน เล่าปี่เข้ารักษาทุกจุดยุทธศาสตร์ที่เป็นปากทางสู่เมืองเตียงฮันและเมืองฮันต๋ง ขณะที่โจโฉได้ยกทัพมาถึงเขาเสียดก๊ก เล่าปี่เผชิญหน้ากับโจโฉเป็นเวลาหลายเดือนแต่ไม่ยกเข้ารบกับโจโฉ สถานการณ์บังคับให้โจโฉถอยทัพจากเหตุที่เริ่มมีทหารหนีทัพ[17] ฝ่ายเตียวคับก็ถอยทัพไปยังอำเภอตันฉอง (陳倉縣 เฉินชางเซี่ยน; ปัจจุบันอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเป่าจี มณฑลส่านซี) เพื่อตั้งแนวป้องกันจากการบุกของเล่าปี่ ฝ่ายเล่าปี่นำกองกำลังหลักไปอำเภอลำเต๋ง และส่งเบ้งตัดกับเล่าฮองไปยึดเมืองห้องเหลง (房陵 ฝางหลิง) และซงหยง (上庸 ซ่างยง)

ขึ้นเป็นจักรพรรดิ

เล่าปี่ตั้งตนเป็นอ๋อง ภาพจิตรกรรมที่ระเบียงยาวของพระราชวังฤดูร้อน กรุงปักกิ่ง

ในปี ค.ศ. 219 หลังจากเล่าปี่ยึดได้เมืองฮันต๋ง ขุนนางของเล่าปี่เสนอให้เล่าปี่ตั้งตนเป็นอ๋องเพื่อท้าทายโจโฉซึ่งได้รับการสถาปนาจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้เป็นวุยอ๋องในปี ค.ศ. 216 เล่าปี่จึงประกาศตั้งตนเป็น "ฮันต๋งอ๋อง" (漢中王 ฮั่นจงหฺวาง) และตั้งฐานบัญชาการที่เมืองเซงโต๋ เมืองเอกของแคว้นเอ๊กจิ๋ว เล่าปี่กำหนดให้เล่าเสี้ยนบุตรชายเป็นทายาทผู้สืบทอดตำแหน่ง มอบหมายให้อุยเอี๋ยนดูแลเมืองฮันต๋ง แต่งตั้งให้เคาเจ้งและหวดเจ้งเป็นราชครูและราชเลขาธิการตามลำดับ ส่วนกวนอู, เตียวหุย, ม้าเฉียว และฮองตงได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลหน้า, ขุนพลขวา, ขุนพลซ้าย และขุนพลหลังตามลำดับ

ต้นฤดูหนาวของปี ค.ศ. 219 กองทัพของซุนกวนนำโดยลิบองเข้ารุกรานอาณาเขตของเล่าปี่ในแคว้นเกงจิ๋ว จับได้ตัวกวนอูแล้วประหารชีวิต เมื่อเล่าปี่ทราบข่าวการตายของกวนอูและการเสียแคว้นเกงจิ๋วก็โกรธมาก จึงมีคำสั่งให้ตระเตรียมกองทัพจะทำศึกับซุนกวน ในต้นปี ค.ศ. 220 โจโฉเสียชีวิตและโจผีบุตรชายสืบตำแหน่งแทน ต่อมาในปีเดียวกัน โจผีชิงราชบัลลังก์จากพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นการสิ้นสุดของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกและเป็นการก่อตั้งของรัฐวุยก๊กซึ่งมีโจผีเป็นจักรพรรดิ เมื่อเบ้งตัดทราบข่าวว่าเล่าปี่กำลังจะยกทัพไปรบกับซุนกวนก็กลัวว่าตนจะถูกลงโทษจากการที่เบ้งตัดไม่ส่งกำลังเสริมไปช่วยกวนอูก่อนหน้านี้ เบ้งตัดจึงแปรพักตร์ไปเข้าด้วยวุยก๊ก ขณะเดียวกัน จูล่ง, จินปิด และคนอื่น ๆ ได้เตือนเล่าปี่ให้ควรมุ่งไปที่การโจมตีโจผีแทนที่จะเป็นซุนกวน แต่เล่าปี่ปฏิเสธคำแนะนำ ฝ่ายเบ้งตัดเห็นว่าเล่าปี่ไม่ได้เตรียมการป้องกันทางด้านวุยก๊กที่เข้มแข็งเพียงพอ จึงเสนอแผนกับโจผีให้โจมตีเมืองห้องเหลง, ซงหยง และซีเฉิง เล่าฮองบุตรบุญธรรมของเล่าปี่ต่อสู้ป้องกันฝ่ายข้าศึกแต่ถูกผู้ใต้บังคับบัญชาทรยศและพ่ายแพ้ไป เมื่อเล่าฮองกลับไปยังเมืองเซงโต๋ เล่าปี่โกรธเล่าฮองเรื่องที่เล่าฮองพ่ายแพ้และเรื่องที่เล่าฮองไม่ส่งกองกำลังเสริมไปช่วยกวนอูในปี ค.ศ. 219 เล่าปี่จึงสั่งให้นำตัวเล่าฮองไปประหารชีวิต ในปี ค.ศ. 221 เล่าปี่สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิและก่อตั้งรัฐจ๊กก๊ก เล่าปี่อ้างเจตนาของตนว่าเพื่อรักษาเชื้อสายของราชวงศ์ฮั่นให้ดำรงอยู่ต่อไป เล่าปี่ตั้งให้เล่าเสี้ยนบุตรชายเป็นรัชทายาท