เสียงในหู[6](
อังกฤษ: Tinnitus) เป็น
เสียงที่
ได้ยินแต่ไม่มีจริง ๆ นอก
ร่างกาย[1][7]โดยสามารถแบ่งเป็นแบบที่มีเสียงจริงหรือแบบไม่มี
[7]แม้บ่อยครั้งจะอธิบายว่า หูอื้อหรือเสียงดังเหมือนโทรศัพท์/กระดิ่ง/นาฬิกาปลุก แต่ก็อาจเป็นเสียงกรอบแกรบ เสียงฟ่อ หรือเสียงกระหึ่ม/ดังลั่น
[2]โดยน้อยครั้งมากที่เป็นเสียงคนหรือเสียงดนตรี
[3]เสียงอาจค่อยหรือดัง ต่ำหรือสูง อาจมาจากเพียงหูข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
[2]ดังเป็นบางครั้งบางคราวหรือดังตลอด
[8]โดยปกติแล้ว อาการจะค่อย ๆ เกิด
[3]ในคนไข้บางคน เสียงจะทำให้
ซึมเศร้าหรือกังวล และสามารถกวน
สมาธิ[2]การมีเสียงในหูไม่ใช่โรคแต่เป็น
อาการที่อาจมีเหตุได้หลายอย่าง
[2]เหตุสามัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือการเสียการได้ยินเหตุเสียงดัง
[2]เหตุอื่น ๆ รวมทั้ง
การติดเชื้อในหู
โรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคเมนิแยร์ เนื้องอกใน
สมอง เครียด การได้รับยาบางอย่าง
การบาดเจ็บที่
ศีรษะในอดีต และ
ขี้หู[2][9][4]เป็นอาการที่สามัญมากกว่าในผู้ที่ซึมเศร้า
[3]การวินิจฉัยอาการนี้มักจะขึ้นอยู่กับคำบอกของคนไข้ แม้ก็มีแบบคำถามหลายแบบที่ประเมินว่าการได้ยินเสียงในหูรบกวนในชีวิตประจำวันแค่ไหนด้วย
[3]และก็มีวิธีการตรวจการได้ยิน (audiogram) ตลอดถึงการตรวจทางประสาท
[1][3]ถ้าพบปัญหาอะไร แพทย์อาจตรวจโดยดูภาพเช่นที่ทำโดย
เอ็มอาร์ไอ การตรวจสอบอื่น ๆ อาจช่วย เช่น ในกรณีที่เสียงในหูเกิดตามจังหวะการเต้นหัวใจ ในบางครั้งบางคราว แพทย์ที่ใช้หูฟังตรวจอาจได้ยินเสียงจริง ๆ ซึ่งในกรณีนี้ก็จะเป็นแบบที่มีเสียงจริง
[3]วิธีการป้องกันก็คือเลี่ยงเสียงดัง
[2]ถ้ามีเหตุที่เป็นมูลฐาน การรักษาเหตุนั้นอาจทำให้อาการนี้ดีขึ้น
[3]ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว การรักษาปกติจะเป็นการปรึกษากับจิตแพทย์/คุยกับนักจิตวิทยา
[5] เพื่อหาวิธีลดการใส่ใจ/การสำนึกถึงเสียงในหู
[10]แม้การเล่นดนตรีเพื่อกลบเสียง
[11]หรืออุปกรณ์สร้างเสียงกลบ หรือเครื่องช่วยฟัง ก็อาจช่วยบางกรณี
[2]จนถึงปี 2013 ยังไม่มียาที่มีประสิทธิผล
[3]เป็นอาการที่สามัญ คือเกิดกับ
ประชากรประมาณ 10-15%แต่คนส่วนมากจะทนรับได้และเป็นปัญหาสำคัญแก่บุคคลเพียงแค่ 1-2%
[5]คำภาษาอังกฤษว่า tinnitus มาจาก
ภาษาละติน คือ tinnīre ซึ่งหมายความว่า ตีระฆัง/ทำเสียง
[3]