เหตุ ของ เสียงในหู

มีเสียงในหูสองแบบคือแบบไม่มีเสียงจริง (คือเป็นอัตวิสัย) และแบบมีเสียงจริง (คือที่เป็นปรวิสัย)[3]แต่โดยปกติจะเป็นแบบไม่มีเสียงจริง (subjective tinnitus) คือคนอื่นไม่สามารถได้ยินได้[3]แบบไม่มีเสียงจริงอาจเรียกเป็นคำภาษาอังกฤษอื่น ๆ รวมทั้ง tinnitus aurium, nonauditory tinnitus, และ nonvibratory tinnitus

อย่างไรก็ดี ในบางกรณีซึ่งน้อยมาก คนอื่นอาจจะได้ยินเสียงในหูของผู้มีอาการโดยใช้อุปกรณ์ เช่น หูฟังแพทย์เป็นต้น และในบางกรณีซึ่งไม่น้อยถึงขนาดนั้น แต่ก็ยังไม่สามัญ เสียงที่ว่าสามารถวัดด้วยไมค์นอกหูโดยเป็นเสียงจากหู (SOAE)นี่ก็จะเป็นแบบมีเสียงจริง (objective tinnitus)[3]ซึ่งเรียกเป็นคำภาษาอังกฤษอื่น ๆ รวมทั้ง pseudo-tinnitus และ vibratory tinnitus

แบบไม่มีเสียงจริง (subjective)

เสียงในหูแบบไม่มีเสียงจริงเกิดบ่อยสุดซึ่งมีเหตุหลายอย่าง แต่ที่สามัญที่สุดก็เพราะเสียการได้ยินเมื่อเกิดจากโรคในหูชั้นในหรือประสาทหู (auditory nerve) นี่จะเรียกว่า otic tinnitus (โดยคำว่า otic มาจากคำภาษากรีกแปลว่า หู)[31]ซึ่งเป็นภาวะทางโสตวิทยาหรือทางประสาทวิทยาที่อาจจุดชนวนโดยการติดเชื้อหรือยา[13]แต่เหตุเสียการได้ยินที่เกิดบ่อยสุดก็คือ การได้รับเสียงดังเกินซึ่งทำลายเซลล์ขนในหูชั้นใน แล้วก่อเสียงในหู

เมื่อปรากฏว่า เสียงในหูไม่เกี่ยวกับโรคในหูชั้นในหรือประสาทหู อาการก็จะเรียกว่า nonotic tinnitusในคนไข้ 30% อาการจะได้รับอิทธิพลจากระบบรับความรู้สึกทางกาย ยกตัวอย่างเช่น สามารถเพิ่มหรือลดเสียงโดยขยับใบหน้า ศีรษะ หรือคอ[32]โดยแบบนี้ก็จะสามารถเรียกได้ด้วยว่า somatic tinnitus หรือ craniocervical tinnitus เพราะการขยับศีรษะและคอเท่านั้นที่มีผล[31]

มีหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ที่แสดงนัยว่า เสียงในหูเป็นผลของการเปลี่ยนแปลงแบบพลาสติกของระบบประสาทกลางเกี่ยวกับการได้ยินซึ่งเชื่อว่าเกิดจากข้อมูลทางประสาทสัมผัสที่เปลี่ยนไปเนื่องจากการเสียการได้ยิน[33]คือ การเสียการได้ยินจะเปลี่ยนการตอบสนองเพื่อธำรงดุล (homeostatic response) ภายในระบบประสาทกลาง แล้วก่อเสียงในหู[34]

การเสียการได้ยิน

เหตุสามัญที่สุดของเสียงในหูก็คือการเสียการได้ยินเพราะได้รับเสียงดังมากเกินไปแต่การเสียการได้ยินก็อาจอยู่ในรูปแบบที่อำพรางไว้ เช่น ในคนที่ทดสอบว่าได้ยินเป็นปกติ[34]การเสียการได้ยินยังมีเหตุต่าง ๆ กันด้วยในบรรดาคนไข้ที่มีเสียงในหู เหตุหลักก็คือความเสียหายที่คอเคลีย[33]

ยาที่เป็นพิษต่อหูสามารถเป็นเหตุให้เกิดเสียงในหูที่ไม่มีจริง เพราะมันสามารถทำให้เสียการได้ยิน หรือเพิ่มความเสียหายที่มีอยู่แล้วเนื่องจากการได้รับเสียงดังและอาจเกิดแม้เมื่อใช้ยาในขนาดที่พิจารณาว่าไม่เป็นพิษต่อหู[35]ยากว่า 260 ชนิดมีรายงานว่า มีผลข้างเคียงเป็นเสียงในหู[36]

เสียงในหูยังอาจเกิดเมื่อหยุดใช้ยาเบ็นโซไดอาเซพีนแม้ในขนาดที่ใช้รักษาโรคซึ่งบางครั้งเป็นอาการยืดเยื้อของการขาดยาโดยอาจคงยืนเป็นเวลาหลายเดือน[37][38]

อย่างไรก็ดี เสียงในหูในกรณีจำนวนมากก็หาสาเหตุไม่ได้[2]

ปัจจัย

ปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจมีส่วนให้เกิดเสียงในหูรวมทั้ง[39]

  • ปัญหาหูและการเสียการได้ยิน
    • การเสียการได้ยินเนื่องจากสื่อนำเสียง
      • acoustic shock เป็นอาการที่เกิดเมื่อได้ยินเสียงดังแบบไม่คาดหวัง
      • เสียงดัง[40]
      • หูชั้นกลางอักเสบ
      • หูอักเสบ (otitis)
      • otosclerosis/otospongiosis เป็นการเจริญผิดปกติของกระดูกใกล้หูชั้นกลาง
      • การทำงานผิดปกติของท่อหู
  • sensorineural hearing loss เป็นการเสียการได้ยินเนื่องกับอวัยวะหรือโครงสร้างในหูชั้นใน หรือเส้นประสาทสมองเส้นที่ 8 หรือระบบประสาทส่วนอื่น ๆ
    • เสียงดัง
    • หูตึงเหตุสูงอายุ
    • โรคเมนิแยร์
    • การบวมน้ำเอ็นโดลิมฟ์ (endolymphatic hydrops)
    • superior canal dehiscence เป็นอาการมีน้อยที่มีผลต่อการได้ยินและการทรงตัว เกิดจากการกร่อนหรือการไม่มีกระดูกขมับเหนือหลอดกึ่งวงกลมส่วนบนของระบบการทรงตัว
    • เนื้องอกไม่ร้ายของเซลล์ปลอกไมอีลินที่เส้นประสาทสมองเส้นที่ 8 (Vestibular schwannoma) ซึ่งทำให้เสียการได้ยิน เกิดอาการนี้ ทรงตัวได้ไม่ดี มีปัญหาความดันในหู อัมพฤกษ์อัมพาตที่ใบหน้า
    • ปรอทหรือตะกั่วเป็นพิษ
    • ยาที่เป็นพิษต่อหู
  • ปัญหาทางประสาท
    • Arnold-Chiari malformation เป็นความผิดปกติทางโครงสร้างของสมองน้อย
    • โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
    • การบาดเจ็บที่ศีรษะ
    • temporomandibular joint dysfunction เป็นการเจ็บและการทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อที่ใช้เคี้ยวและของข้อต่อขากรรไกร
    • giant cell arteritis เป็นการอักเสบของเส้นเลือดขนาดใหญ่และขนาดกลางในศีรษะ โดยเฉพาะที่สาขา external carotid artery
  • โรคทางเมแทบอลิซึม
  • ความผิดปกติทางจิตเวช
  • ปัจจัยอื่น ๆ
  • แบบมีเสียงจริง ๆ (objective)

    เสียงในหูแบบมีเสียงจริง ๆ คนอื่นก็สามารถได้ยิน และบางครั้งจะมีเหตุจากกล้ามเนื้อกระตุกรัวหรือเหตุทางหลอดเลือดต่าง ๆ บางกรณีอาจเกิดจากกล้ามเนื้อกระตุกรอบ ๆ หูชั้นกลาง[44]มีกลไกลธำรงดุลที่ช่วยแก้ปัญหานี้ภายในหนึ่งนาทีหลังเกิดขึ้น โดยปกติจะเกิดพร้อมกับการลดความไวเสียงและหูอื้อ[45]

    เสียงจากหู (SOAE) ซึ่งเป็นเสียงความถี่สูงเบา ๆ ที่สร้างในหูชั้นใน และสามารถวัดที่ช่องหูด้วยไมค์ไวเสียง ก็สามารถทำให้เกิดเสียงในหูได้ด้วย[46]ประเมินว่า จำนวนของผู้มีเสียงในหูที่เนื่องกับ SOAE อยู่ที่ 4%[46]

    แบบเป็นจังหวะ (pulsatile)

    บางคนได้ยินเสียงเต้นเป็นจังหวะคู่กับชีพจรของตน จึงเรียกว่า pulsatile tinnitus หรือ vascular tinnitus[47][48]เป็นเสียงในหูที่มีจริง ๆ เป็นผลของการไหลเวียนของเลือดที่เปลี่ยนไป คือเกิดความปั่นป่วนใกล้ ๆ หู โดยมีเหตุเช่น โรคหลอดเลือดแดงแข็งและเสียงฮัมในเส้นเลือดดำ (venous hum)[49]แต่ก็อาจเป็นเสียงที่ไม่มีจริง ๆ ซึ่งเกิดจากการสำนึกเพิ่มขึ้นถึงการไหลเวียนของเลือดในหู[47][48]

    น้อยครั้งมากที่เสียงในหูแบบเป็นจังหวะจะเป็นอาการของสภาวะที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เช่น หลอดเลือดแดงแครอทิดโป่งพอง[50]หรือผนังหลอดเลือดแดงแครอทิดลอก (carotid artery dissection)[51]

    เสียงในหูแบบเป็นจังหวะอาจเป็นตัวบ่งชี้ภาวะหลอดเลือดอักเสบโดยเฉพาะ giant cell arteritisอาจเป็นตัวบ่งชี้ความดันในกะโหลกศีรษะสูงโดยไม่ทราบสาเหตุ (IIH)[52]หรืออาจเป็นอาการของความผิดปกติทางเส้นเลือดในกะโหลกศีรษะ เช่น สภาวะวิรูปของเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำ (AVM)[53]และดังนั้นจึงควรตรวจหาเสียงผิดปกติในเส้นเลือด (bruit) ด้วย

    แหล่งที่มา

    WikiPedia: เสียงในหู http://www.discoverymedicine.com/Yvonne-Chan/2009/... http://www.diseasesdatabase.com/ddb27662.htm http://site.ebrary.com/lib/alltitles/docDetail.act... http://www.emedicine.com/ent/topic235.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=388.... http://www.springerlink.com/content/m172lg/#sectio... http://www.springerlink.com/content/p0718202461867... http://successforkidswithhearingloss.com/wp-conten... http://www.webmd.com/a-to-z-guides/ringing-in-the-... http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/1465185...