ผู้อุปถัมภ์ศิลปะ ของ แอนน์แห่งเดนมาร์ก

เครื่องแต่งตัวในละคร “The Masque of Blackness” ออกแบบโดยอินิโก โจนส์ตำหนักพระราชินี (Queen's House) ที่กรีนิชที่เริ่มสร้างสำหรับพระราชินีแอนน์ ในปี ค.ศ. 1616

พระราชินีแอนน์ทรงพระอุปนิสัยเหมือนพระเจ้าเจมส์พระราชสวามีตรงที่โปรดความฟุ้งเฟ้อ แม้ว่าจะต้องทรงใช้เวลาเป็นหลายปีก่อนที่จะทรงใช้พระราชทรัพย์จำนวนมหาศาลจากสินสอดทองหมั้นหมด[109] พระราชินีแอนน์โปรดการเต้นรำและงานเลี้ยงต่างๆ ซึ่งมักจะทำความไม่ค่อยพอใจให้แก่กลุ่มเพรสไบทีเรียน (Presbyterian) ในสกอตแลนด์เท่าใดนัก แต่ทรงพบว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับกันในวงจาโคเบียนในลอนดอน และทรงใช้ในการสร้างบรรยากาศอันเต็มไปด้วยวัฒนธรรมในราชสำนัก[110] พระองค์ทรงมีความสนพระทัยในการละครเป็นอย่างยิ่งและทรงเป็นเจ้าภาพงานละครสวมหน้ากาก (Masque) ซึ่งเป็นงานใหญ่โตประจำปีแทบทุกปี เมื่อเซอร์วอลเตอร์ โคพได้รับคำสั่งจากโรเบิร์ต เซซิลให้เลือกบทละครสำหรับพระราชินีเนื่องในพระราชวโรกาสของการมาเยือนของพระอนุชาดยุกอุลริชแห่งฮ็อลชไตน์ วอลเตอร์ โคพก็บันทึกว่า “เบอร์เบจกลับมาบอกว่าไม่มีบทละครใหม่สำหรับพระราชินีและมีบทละครเก่าที่นำมาฟื้นฟูชื่อ “Love's Labour's Lost” ที่มีทั้งปฏิภาณและไหวพริบที่เบอร์เบจกล่าวว่าจะทำให้ทรงพอพระทัยเป็นอันมาก”[111] งานละครสวมหน้ากากของพระราชินีแอนน์เป็นงานที่หรูหราน่าดูทั้งทางด้านฉากและการเต้นรำอย่างที่ไม่เคยทำกันมาก่อน[112] ที่ผู้เข้าร่วมมีทั้งราชทูตต่างประเทศและบุคคลสำคัญๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอังกฤษในยุโรป ซอร์ซิ จุยติเนียนราชทูตเวนิสบันทึกถึงงานเมื่อคริสต์มาสปี ค.ศ. 1604 ว่า “ในความคิดเห็นของทุกคนไม่มีราชสำนักใดที่สามารถจัดงานละครสวมหน้ากากที่หรูหราโอ่อ่าได้เท่านี้”[113]

งานละครสวมหน้ากากของพระราชินีแอนน์ในยี่สิบปีแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นงานที่เปิดโอกาสให้นักแสดงสตรีเข้าร่วมเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของนักแสดงสตรี[114] บางครั้งพระราชินีแอนน์ก็จะทรงร่วมแสดงกับสตรีในละครด้วยพระองค์เอง และบางครั้งระหว่างการแสดงก็จะทรงถูกกระทบกระเทียบจากผู้ชมบางคน เช่นในละคร “The Vision of the Twelve Goddesses” เมื่อทรงแสดงเป็นอธีนา โดยทรงทูนิคที่ผู้ชมบางคนติว่าฉลองพระองค์สั้นเกินไป และในละครเรื่อง “The Masque of Blackness” ในปี ค.ศ. 1605 เมื่อพระราชินีแอนน์ทรงร่วมแสดงเมื่อทรงครรภ์ได้หกเดือน หรือเมื่อทรงก่อความอื้อฉาวเมื่อพระองค์และนักแสดงสตรีทาสีตนเองในการแสดงเป็นคนผิวดำแทนที่จะใช้หน้ากากตามธรรมเนียม นักเขียนจดหมายดัดลีย์ คาร์ลตันรายงานว่าหลังจากการแสดงแล้วพระราชินีแอนน์ทรงเต้นรำกับราชทูตสเปนผู้จำใจต้องจูบพระหัตถ์ “แม้จะกลัวว่าสีจะติดปากจากพระหัตถ์”[115] ในการสร้างงานละครสวมหน้ากากแต่ละครั้งพระราชินีแอนน์ก็ทรงจ้างศิลปินคนสำคัญๆ ในยุคนั้นในการออกแบบและสร้างฉากที่รวมทั้ง เบ็น จอนสัน และอินิโก โจนส์[116]

อินิโก โจนส์ผู้เป็นสถาปนิกผู้มีพรสวรรค์ผู้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในรสนิยมล่าสุดของยุโรปเป็นผู้ออกแบบตำหนักพระราชินีที่กรีนิชสำหรับพระองค์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมพาเลเดียน ที่แท้จริงชิ้นแรกที่สร้างในอังกฤษ[117] และนักประดิษฐ์ชาวดัทช์ซาโลมอน เดอ คอสเป็นผู้ออกแบบสวนที่กรีนิชและคฤหาสน์ซัมเมอร์เซ็ท นอกจากนั้นพระราชินีแอนน์ก็ยังโปรดดนตรีและทรงอุปถัมภ์นักเล่นลูทและคีตกวีจอห์น เดาว์แลนด์[118] ผู้ก่อนหน้านั้นเป็นข้าราชสำนักในพระอนุชาของพระองค์ในเดนมาร์ก และทรงอุปถัมภ์นักดนตรีฝรั่งเศสอีกหลายคน[119]

นอกจากนั้นพระราชินีแอนน์ก็ยังทรงจ้างศิลปินเช่นพอล ฟอน ซอมเมอร์ที่ 1, ไอแซ็ค โอลิเวอร์ และ แดนเนียล ไมเต็นส์ ผู้มามีอิทธิพลต่อรสนิยมของทัศนศิลป์ในอังกฤษต่อมา[120] ภายใต้พระราชินีแอนน์งานสะสมก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น[121] นโยบายที่ทำต่อมาโดยพระราชโอรสพระเจ้าชาร์ลส์ นักประวัติศาสตร์แอเลน สจวตเสนอว่าลักษณะต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของสมัยจาโคเบียนมาจากพระราชินีแอนน์มากกว่าที่จะมาจากพระเจ้าเจมส์ผู้มักจะ “บรรทมขณะที่ละครที่สำคัญๆ ที่สุดของอังกฤษกำลังแสดงอยู่”[122]