การยับยั้งการติดเชื้อใหม่เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยในเวลาหนึ่ง ๆ หรือเรียก "การทำให้เส้นโค้งราบ" (flattening the curve) ทำให้ราชการสาธารณสุขรักษาปริมาณผู้ป่วยเดิมได้ดีขึ้น[98][99][100] ในทางกลับกัน การเพิ่มความจุด้านสาธารณสุข เรียกว่า "การยกเส้น" (raising the line) เช้น การเพิ่มจำนวนเตียง บุคลากรและอุปกรณ์เครือ่งมือสามารถช่วยรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น[101] การบรรเทาที่ไม่เพียงพอ เช่น การผ่อนปรนกฎการเว้นระยะทางกายหรือคำสั่งให้อยู่แต่ในบ้านก่อนเวลาอันควร อาจทำให้เกิดการเป็นกลับของโรคระบาดทั่วได้[99][102]

มาตรการป้องกันเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ ได้แก่ การอยู่แต่ในบ้าน การเลี่ยงสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน การล้างมือด้วยสบู่และน้ำบ่อย ๆ โดยใช้เวลาอย่างน้อยครั้งละ 20 วินาที การปฏิบัติสุขอนามัยด้านทางเดินหายใจที่ดี และเลี่ยงการใช้มือที่ไม่ได้ล้างสัมผัสดวงตา จมูกหรือปาก[103][104][105] ซีดีซีแนะนำให้ใช้กระดาษทิชชูป้องปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม และแนะนำให้ใช้ข้อพับศอกด้านในหากไม่มีกระดาษทิชชู[103] แนะนำสุขอนามัยของมือที่เหมาะสมหลังไอหรือจาม[103] แนะนำสุขอนามัยส่วนบุคคลและวิถีชีวิตและอาหารสุขภาพดีเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ซีดีซีแนะนำการใช้สิ่งปกปิดใบหน้าที่เป็นผ้าในสถานที่สาธารณะ ส่วนหนึ่งเพื่อจำกัดการแพร่เชื้อโดยปัจเจกที่ไม่แสดงอาการ[106]

ยุทธศาสตร์การเว้นระยะห่างทางสังคมมุ่งลดการสัมผัสบุคคลที่ติดเชื้อกับกลุ่มใหญ่โดยการปิดโรงเรียนและสถานที่ทำงาน การจำกัดการเดินทาง และยกเลิกการชุมนุมสาธารณะขนาดใหญ่[107] แนวทางการเว้นระยะห่างยังระบุให้บุคคลอยู่ห่างกันประมาณ 6 ฟุต (1.8 เมตร) ทั้งนี้ ยังไม่มียาใดทราบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโควิด-19 ได้[108][109] หลังการนำการเว้นระยะห่างทางสังคมและคำสั่งอยู่ติดบ้าน หลายภูมิภาคสามารถคงอัตราแพร่เชื้อประสิทธิภาพ ("Rt") น้อยกว่า 1 หมายความว่า โรคกำลังลดลงในพื้นที่เหล่านั้น[110]

เนื่องจากไม่คาดว่าจะมีวัคซีนอย่างเร็วจนถึงปี 2564[111] ส่วนสำคัญของการรับมือโควิด-19 คือการพยายามลดจุดสูงสุดของโรคระบาด ที่เรียก "การทำให้เส้นโค้งราบ"[99] ซึ่งกระทำโดยการชะลออัตราการติดเชื้อเพื่อลดความเสี่ยงมิให้ราชการสุขภาพมีงานล้น ทำให้รักษาผู้ป่วยปัจจุบันได้ดีขึ้นและชะลอผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะมีการักษาหรือวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ[99][102]

ตามข้อมูลของ WHO แนะนำการใช้หน้ากากอนามัยเฉพาะเมื่อบุคคลไอหรือจาม หรือเมื่อกำลังดูแลผู้ต้องสงสัยว่าป่วย[112] ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคยุโรป (ECDC) ระบุว่า หน้ากากอนามัย "...อาจพิจารณาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าพื้นที่ที่ปิดพลุกพล่าน..." แต่ "...เฉพาะเป็นมาตรการเสริมเท่านั้น..."[113] CDC ของสหรัฐแนะนำให้สวมหน้ากากในที่สาธารณะหากเว้นระยะห่าง 6 ฟุตได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อไม่มีอาการแลป้องกันการแพร่เชื้อโดยไม่เจตนา[114] หลายประเทศแนะนำให้บุคคลสุขภาพดีสวมหน้ากากอนามัยหรือผ้าปกปิดใบหน้า (เช่น ผ้าพันคอ) อย่างน้อยในที่สาธารณะบางแห่ง รวมทั้งประเทศจีน[115] ฮ่องกง[116] สเปน[117] อิตาลี (แคว้นลอมบาร์ดี)[118] รัสเซีย[119] และสหรัฐ[106]

CDC แนะนำให้ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นโควิด-19 หรือผู้ที่เชื่อว่าตนติดเชื้ออยู่แต่ในบ้านยกเว้นเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ ให้โทรศัพท์ล่วงหน้าก่อนพบผู้ให้บริการทางการแพทย์ สวมหน้ากากก่อนเข้าห้องตรวจ และเมื่ออยู่ในห้องหรือยานพาหนะร่วมกับบุคคลอื่น ให้ใช้ทิชชูปิดไอและจาม ให้ล้างมืออย่างสม่ำเสมอด้วยสบู่และน้ำ และเลี่ยงการใช้ของใช้ในครัวเรือนส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น[25][120] CDC ยังแนะนำให้บุคคลล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเข้าห้องน้ำหรือเมื่อเห็นว่ามือสกปรก ก่อนกินอาหารและหลังสั่งน้ำมูก ไอหรือจาม นอกจากนี้ยังแนะนำให้ใช้สารล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างน้อย 60% กระนั้นควรใช้เฉพาะเมื่อไม่มีสบู่และน้ำ[103]

สำหรับพื้นที่ที่ไม่มรสารล้างมือพาณิชย์ขาย WHO ให้สูตรสองสูตรสำหรับการผลิตท้องถิ่น สำหรับทั้งสองสูตร กัมมันตภาพต่อต้านจุลชีพมาจากเอทานอลหรือไอโซโพรพานอล; ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ใช้เพื่อกำจัดสปอร์แบคทีเรียในแอลกอฮอล์ ส่วนกลีเซอรอลเพิ่มเข้ามาเป็นสารดูดความชุ่มชื้นแก่ผิว (humectant)[121]

• ความพยายามในการป้องกันโรคนั้นมีผลทวีคูณคือมีผลมากกว่าป้องกันการแพร่กระจายเพียงทอดเดียว การป้องกันผู้ป่วยใหม่ได้ 1 คนจะช่วยลดการสัมผัสโรคแก่บุคคลอีกหลายทอด (เนื่องจากผู้ติดเชื้อใหม่จะแพร่เชื้อต่อได้) ซึ่งสุดท้ายจะทำให้หยุดยั้งการระบาดได้
• คำแนะนำการล้างมือ