การป้องกัน ของ โรคนิ่วไต

การป้องกันจะขึ้นอยู่กับประเภทของนิ่วสำหรับผู้มีนิ่วแบบแคลเซียม การดื่มน้ำมาก ๆ และการใช้ยาขับปัสสาวะกลุ่มไทอะไซด์กับยาไซเตรตจะมีประสิทธิผล เหมือนกับที่อัลโลพิวรีนอลจะมีผลต่อผู้ที่มีระดับกรดยูริกสูงในเลือดหรือปัสสาวะ[71][72]

อาหาร

การรักษาควรทำโดยเฉพาะกับประเภทของนิ่วอาหารอาจมีผลมากต่อการเกิดนิ่วไตกลยุทธ์การป้องกันรวมทั้งการเปลี่ยนอาหาร และการใช้ยาที่มีผลลดการทำงานของไตในการขับสารประกอบที่ก่อนิ่วออกทางปัสสาวะ[28][73][74]คำแนะนำเกี่ยวกับอาหารโดยปี ค.ศ. 2010 เพื่อลดการก่อนิ่วไตให้น้อยที่สุดรวมทั้ง[75]

  • ดื่มน้ำเพิ่มเพื่อให้ปัสสาวะมากกว่า 2 ลิตรต่อวัน
  • เพิ่มอาหารที่มีกรดซิตริก โดยน้ำเลมอนหรือมะนาวจะเป็นแหล่งที่สมบูรณ์ที่สุด[76]
  • ทานอาหารที่มีแคลเซียมพอประมาณ
  • จำกัดอาหารที่มีโซเดียม
  • หลีกเลี่ยงการทานวิตามินซีเป็นอาหารเสริมเป็นปริมาณมาก
  • จำกัดทานอาหารโปรตีนสัตว์ไม่ให้เกิน 2 มื้อในแต่ละวัน เพราะการบริโภคโปรตีนสัตว์สัมพันธ์กับการเกิดนิ่วไตอีกในชาย[77]
  • จำกัดการดื่มน้ำอัดลมโคลา[71] ซึ่งมีกรดฟอสฟอริก ให้น้อยกว่าหนึ่งลิตรต่ออาทิตย์[78]

การดื่มน้ำให้ปัสสาวะเจือจาง เป็นวิธีที่มีประโยชน์ต่อนิ่วไตทุกประเภท ดังนั้น การเพิ่มปริมาณปัสสาวะจึงเป็นหลักสำคัญในการป้องกันนิ่วไตการดื่มน้ำควรเพียงพอให้ปัสสาวะอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน[72]การดื่มน้ำให้มากสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วอีกถึง 40%[48]แต่คุณภาพหลักฐานนี้ก็ไม่ค่อยดี[72]

แคลเซียมจะยึดกับออกซาเลตที่มีในทางเดินอาหาร และดังนั้น จะป้องกันไม่ให้มันดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดและการลดการดูดซึมออกซาเลตก็จะลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วสำหรับผู้ที่มีโอกาสเป็นได้ง่าย[79]เพราะเหตุนี้ แพทย์ไตและแพทย์ทางเดินปัสสาวะจึงแนะนำให้เคี้ยวแคลเซียมเมื่อทานอาหารที่มีออกซาเลต[80]อาหารเสริมคือแคลเซียมไซเตรตสามารถทานพร้อมกับอาหารถ้าไม่สามารถเพิ่มทานแคลเซียมได้โดยวิธีอื่น ๆและแคลเซียมที่ดีสุดสำหรับผู้เสี่ยงเกิดนิ่วก็คือแคลเซียมไซไตรต เพราะมันเพิ่มไซเตรตในปัสสาวะด้วย[74]

นอกจากจะเพิ่มการดื่มน้ำและการทานแคลเซียมเพิ่ม กลยุทธ์ป้องกันอื่น ๆ รวมทั้งการหลีกเลี่ยงการทานวิตามินซีเป็นจำนวนมากและการจำกัดอาหารที่สมบูรณ์ด้วยออกซาเลตรวมทั้งผักใบ พืชสกุลโกฐน้ำเต้า ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง และช็อกโกแลต[81]แต่ก็ยังไม่มีงานทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมเพื่อตรวจสอบสมมติฐานว่า การจำกัดออกซาเลตมีผลลดความชุกการเกิดนิ่ว[80]มีหลักฐานบ้างว่า การทานแมกนีเซียมลดความเสี่ยงต่อนิ่วไต (nephrolithiasis) ที่มีอาการ[81]

การเพิ่มความด่างของปัสสาวะ

แนวทางการรักษานิ่วแบบกรดยูริกหลักอย่างหนึ่งก็คือ การเพิ่มความด่างของปัสสาวะนิ่วแบบกรดยูริกเป็นแบบหนึ่งในบรรดาน้อยอย่างที่สามารถรักษาด้วยการสลาย ซึ่งเรียกว่า chemolysisและปกติทำโดยการใช้ยาทานแต่ในบางกรณี ยาที่ให้ทางหลอดเลือดดำหรือแม้แต่การหยอดยาที่มีฤทธิ์ชะล้างเข้าโดยตรงที่นิ่วอาจทำได้ผ่านการเจาะไต (antegrade nephrostomy) หรือหลอดสวนท่อไตย้อนทาง (retrograde ureteral catheter)[39]

ยา acetazolamide (Diamox) สามารถใช้ทำปัสสาวะให้เป็นด่างอนึ่ง โดยสามารถใช้เพิ่มเติมต่อยา หรือเป็นทางเลือก อาหารเสริมบางอย่างก็สามารถสร้างความเป็นด่างในปัสสาวะได้ด้วยรวมทั้งโซเดียมไบคาร์บอเนต (sodium bicarbonate), โพแทสเซียมไนเตรต (potassium citrate), แมกนีเซียมไซเตรต (magnesium citrate), และ Bicitra (ซึ่งเป็นการผสม citric acid monohydrate และ sodium citrate dihydrate)[82]นอกจากจะทำปัสสาวะให้เป็นด่าง อาหารเสริมเหล่านี้ยังเพิ่มระดับไซเตรตในปัสสาวะ ซึ่งช่วยลดการรวมตัวของนิ่วแบบแคลเซียมออกซาเลต[39]

การเพิ่มค่า pH ของปัสสาวะไปที่ราว ๆ 6.5 จะสร้างภาวะดีสุดเพื่อสลายนิ่วกรดยูริกแต่การเพิ่มไปจนเกิน 7.0 จะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดนิ่วแบบแคลเซียมฟอสเฟตการทดสอบปัสสาวะเป็นระยะ ๆ ด้วยกระดาษชุบ nitrazine จะช่วยให้แน่ใจได้ว่า ค่า pH ดำรงในพิสัยดีสุดโดยวิธีนี้ อัตราการสลายนิ่วสามารถหวังได้ที่ประมาณ 10 มม. (โดยรัศมี) ต่อเดือน[39]

ยาขับปัสสาวะ

การป้องกันนิ่วที่ยอมรับอย่างหนึ่งก็คือการใช้ยาขับปัสสาวะกลุ่มไทอะไซด์และยากลุ่มซัลโฟนะไมด์ (sulfonamide) เช่น chlorthalidone และ indapamideยาเหล่านี้ห้ามการเกิดนิ่วแบบแคลเซียมโดยลดการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ[11]การจำกัดการบริโภคโซเดียมจำเป็นเพื่อให้ไทอะไซด์ได้ผล เพราะโซเดียมที่เกินจะเสริมการขับแคลเซียมออกไทอะไซด์จะได้ผลดีสุดในกรณีที่แคลเซียมเกินในปัสสาวะเพราะไตรั่วคือเป็นความผิดปกติหลักของไตไทอะไซด์มีประโยชน์ในการรักษาภาวะแคลเซียมเกินในปัสสาวะเนื่องจากการดูดซึม (absorptive hypercalciuria)คือดูดซึมแคลเซียมมากเกินในทางเดินอาหาร[41]

อัลโลพิวรีนอล (allopurinol)

สำหรับคนไข้ภาวะกรดยูริกเกินในปัสสาวะและโรคนิ่ว อัลโลพิวรีนอลเป็นยาหนึ่งในบรรดาน้อยอย่างที่มีหลักฐานว่าลดการเกิดขึ้นอีกของนิ่วไตเพราะขัดขวางการผลิตกรดยูริกในตับยายังใช้ในคนไข้โรคเกาต์หรือภาวะกรดยูริกเกินในเลือดอีกด้วย[83]

แพทย์จะปรับขนาดยาเพื่อดำรงการลดขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะระดับกรดยูริกในเลือดที่หรือต่ำกว่า 6 mg/100 ml บ่อยครั้งเป็นเป้าหมายการรักษาแต่ภาวะกรดยูริกเกินในเลือดไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดนิ่วกรดยูริกเพราะกรดยูริกในปัสสาวะอาจเกินแม้เมื่อระดับกรดยูริกในเลือดปกติหรือต่ำกว่าปกติแพทย์บางท่านสนับสนุนให้เพิ่มอัลโลพิวรีนอลแก่คนไข้โดยเฉพาะ ๆ เท่านั้น คือที่มีกรดยูริกเกินในปัสสาวะและมีกรดยูริกเกินในเลือดแบบไม่หาย แม้จะได้ใช้สารทำปัสสาวะให้เป็นด่าง เช่น โซเดียมไบคาร์บอเนตหรือโพแทสเซียมไนเตรตแล้ว[39]

แหล่งที่มา

WikiPedia: โรคนิ่วไต http://www.kidney.org.au/ForPatients/Management/Ki... http://www.cmaj.ca/cgi/reprint/174/10/1407 http://www.bmj.com/content/334/7591/468.full.pdf http://emed.chris-barton.com/PDF/kidney%20stones%2... http://www.diseasesdatabase.com/ddb11346.htm http://www.emedicine.com/med/topic1600.htm http://www.expertconsultbook.com/expertconsult/op/... http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=592.... http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=594.... http://content.karger.com/produktedb/produkte.asp?...