เมนูนำทาง
ไวรัสโคโรนา การระบาดของโรคที่เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดที่ทำให้เกิดโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง มีดังนี้:
ในปี พ.ศ. 2546 หลังจากการระบาดของโรคกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ซึ่งเริ่มขึ้นในปีก่อนหน้านั้นในทวีปเอเชียและในกรณีอื่น ๆ ทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ระบุชนิดโดย ห้องปฏิบัติการจำนวนหนึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซาร์ส ไวรัสนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ไวรัสโคโรนาซาร์ส SARS coronavirus (SARS-CoV) มีผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 คน ซึ่งประมาณ 10% เสียชีวิต[10]
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 มีการค้นพบไวรัสโคโรนาที่เรียกว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2012 และต่อมาได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า ไวรัสโคโรนากลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS-CoV)[36][37] องค์การอนามัยโลกออกประกาศเตือนระดับโลกในไม่ช้าหลังจากนั้น[38] ต่อมาองค์การอนามัยโลกประกาศเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555 ระบุว่าไวรัสดูเหมือนจะไม่แพร่จากคนสู่คนได้ง่าย[39] อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 กรณีการแพร่เชื้อจากมนุษย์สู่มนุษย์ในฝรั่งเศส ได้รับการยืนยันจากกระทรวงกิจการสังคมและสุขภาพของฝรั่งเศส[40] นอกจากนี้ยังมีรายงานกรณีการติดต่อจากคนสู่คนจากกระทรวงสาธารณสุขในตูนิเซีย มีกรณีที่ยืนยันของผู้ป่วยสองรายที่คาดว่าติดโรคจากบิดาผู้ล่วงลับของพวกเขา ที่เริ่มป่วยหลังจากได้เดินทางไปยังกาตาร์ และซาอุดิอาระเบีย แม้จะมีกรณีผู้ป่วยเช่นนี้แต่เป็นที่ปรากฏว่าไวรัสมีปัญหาในการแพร่กระจายจากมนุษย์สู่มนุษย์ โดยที่คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อจะไม่แพร่กระจายไวรัส[41] เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556 มีผู้ป่วย 124 รายและเสียชีวิต 52 รายในซาอุดิอาระเบีย[42]
หลังจากศูนย์การแพทย์ของมหาวิทยาลัย Erasmus ในประเทศเนเธอร์แลนด์ วิเคราะห์ลำดับสายพันธุกรรมของไวรัส ไวรัสได้รับชื่อใหม่ว่า Human Coronavirus – Erasmus Medical Centre (HCoV-EMC) ชื่อสุดท้ายของไวรัสนี้คือไวรัสโคโรนากลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS-CoV) ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 มีการบันทึกการติดเชื้อ MERS-CoV ในสหรัฐอเมริกาเพียงสองกรณีเท่านั้น ทั้งสองเกิดขึ้นกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานในซาอุดิอาระเบียแล้วเดินทางไปสหรัฐอเมริกา กรณีหนึ่งได้รับการรักษาในรัฐอินเดียนาและอีกกรณีในรัฐฟลอริดา กรณีของบุคคลทั้งสองเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลชั่วคราวจนกระทั่งได้รับการจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล[43]
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 เกิดการระบาดของ MERS-CoV ในสาธารณรัฐเกาหลีเมื่อชายคนหนึ่งที่ได้เดินทางไปภูมิภาคตะวันออกกลางมา ได้เข้ารับการตรวจในโรงพยาบาล 4 แห่งในเขตกรุงโซลเพื่อรับการรักษาอาการป่วยของเขา สิ่งนี้ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ที่สุดของ MERS-CoV นอกตะวันออกกลาง[44]
ณ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ผู้ป่วยติดเชื้อ MERS-CoV จำนวน 2,468 รายได้รับการยืนยันจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการโดย 851 คนเสียชีวิต มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 34.5%[45]
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 มีรายงานการระบาดของโรคปอดบวมในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน[46] ในวันที่ 31 ธันวาคม 2562 มีการระบุว่าการระบาดของโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่[47] ซึ่งได้รับชื่อชั่วคราวโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าไวรัส 2019-nCoV[48][49][50] ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นไวรัส SARS-CoV-2 โดยคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยอนุกรมวิธานของไวรัส นักวิจัยบางคนแนะนำว่าตลาดอาหารทะเลหฺวาหนาน อาจไม่ใช่แหล่งที่มาของการแพร่เชื้อไวรัสสู่มนุษย์[51][52]
ในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 มีผู้เสียชีวิต 21,180 รายและผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วกว่า 467,704 รายในการระบาดของโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา[53][54] สายพันธุ์อู่ฮั่นถูกระบุว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ของ เบตาไวรัสโคโรนา จากกลุ่ม 2 บี ที่มีความคล้ายคลึงกันทางพันธุกรรมประมาณ 70% กับ SARS-CoV[55] ไวรัสมีความคล้ายคลึงกัน 96% กับไวรัสโคโรนาในค้างคาว ดังนั้นจึงเป็นที่สงสัยในวงกว้างว่าไวรัสมีต้นกำเนิดในค้างคาว[51][56]
SARS-CoV-2[lower-alpha 1] | MERS-CoV | SARS-CoV | |
---|---|---|---|
ข้อมูลผู้ติดเชื้อ | |||
วันที่ตรวจพบ | ธันวาคม พ.ศ. 2562 | มิถุนายน พ.ศ. 2555 | พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 |
สถานที่ตรวจพบ | อู่ฮั่น, จีน | เจดดาห์, ซาอุดิอาระเบีย | มณฑลกวางตุ้ง, จีน |
อายุเฉลี่ย | 49 | 56 | 39.9 |
ช่วงอายุ | 21–76 | 14–94 | 1–91 |
อัตราส่วน ชาย:หญิง | 2.7:1 | 3.3:1 | 1:1.25 |
กรณีที่ยืนยัน | 80,423[lower-alpha 2] | 2494 | 8096 |
อัตราการเสียชีวิต | 2,708[lower-alpha 2] (3.4%) | 858 (37%) | 744 (10%) |
กรณีบุคลากรการแพทย์ | 16[lower-alpha 3] | 9.8% | 23.1% |
อาการ | |||
มีไข้ | 40 (98%) | 98% | 99–100% |
ไอแห้ง ๆ | 31 (76%) | 47% | 29–75% |
หายใจลำบาก | 22 (55%) | 72% | 40–42% |
ท้องร่วง | 1 (3%) | 26% | 20–25% |
เจ็บคอ | 0 | 21% | 13–25% |
ใช้เครื่องช่วยหายใจ | 9.8% | 80% | 14–20% |
หมายเหตุ |
เมนูนำทาง
ไวรัสโคโรนา การระบาดของโรคที่เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาใกล้เคียง
ไวรัส ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ไวรัสอาร์เอสวี ไวรัสโคโรนา ไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์เดลตา ไวรัสตับอักเสบซี ไวรัสคอมพิวเตอร์ ไวรัสโรคระบาด เอช 1 เอ็น 1/09 ไวรัส SARS-CoV-2 สายพันธุ์โอมิครอน ไวรัสซิกาแหล่งที่มา
WikiPedia: ไวรัสโคโรนา http://www.aljazeera.com/news/middleeast/2012/09/2... http://thechart.blogs.cnn.com/2012/09/24/new-sars-... http://www.horizonpress.com/cor http://www.smallanimalchannel.com/ferrets/ferret-h... http://www.social-sante.gouv.fr/actualite-presse,4... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12634392 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15650185 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/16166518 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/16339739 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/16978751