ประวัติ ของ การธนาคารอิเล็กทรอนิกส์

สหรัฐอเมริกา ริเริ่มการให้บริการข้อมูลของธนาคารผ่านอินเทอร์เน็ต โดยแรกเริ่มเป็นการจัดทำระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (เว็บไซต์) ที่ให้ข้อมูลทั่วไปของธนาคาร เช่น อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ การส่งเสริมการขาย รายงาน และข่าวสารทางธุรกิจ และเศรษฐกิจการเงิน สถานที่ตั้งสาขาธนาคาร และที่ตั้งตู้เอทีเอ็ม ในปี พ.ศ. 2537 ธนาคารต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มมีการจัดแบ่งกลุ่มขึ้นเป็นหลาย ๆ กลุ่ม เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ในการใช้อินเทอร์เน็ต ให้เป็นประโยชน์แก่ธนาคาร และประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ แม้ในขณะนั้นคนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่า การชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตจะเป็นไปได้ในเร็ววันก็ตาม ความสนใจในสื่อนี้ สืบเนื่องมาจาก ความคาดหวังที่ว่า การให้บริการของธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ จะสามารถลดต้นทุนในการบริการธนาคารได้มาก เมื่อเทียบกับช่องทางอื่น ๆ ในปี พ.ศ. 2538 ธนาคารใหญ่ ๆ หลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เช่น ธนาคารเวลส์ฟาร์โก และธนาคารแห่งอเมริกา ได้เริ่มเปิดสาขาบนอินเทอร์เน็ต โดยเริ่มบริการให้ลูกค้าดูข้อมูลส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ต สมัครสินเชื่อ และชำระค่าสินค้า หรือค่าบริการได้ นอกจากนี้ ธนาคารใหญ่ๆ หลายแห่งยังระดมทุนกันเพื่อจัดตั้งธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งธนาคารอิเล็กทรอนิกส์แห่งแรกของโลก คือ ธนาคารซิเคียวริตีเฟิร์สเน็ตเวิร์ก ซึ่งเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2538[5] โดยลูกค้าสามารถเรียกดูบัญชีของตน ชำระค่าสินค้าและค่าบริการ ดูเช็คที่ถูกอายัดผ่านอินเทอร์เน็ต ส่วนการเบิกเงินก็ทำผ่านตู้เอทีเอ็ม ธนาคารดังกล่าว สามารถดึงดูดลูกค้าโดยให้ดอกเบี้ยสูง และไม่คิดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม

ในปี พ.ศ. 2540–2542 การให้บริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ได้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งในสหรัฐอเมริกา และภูมิภาคอื่น ๆ เช่น ทวีปยุโรป และ ในทวีปยุโรปมีประเทศที่เริ่มให้บริการ ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส ประเทศโปรตุเกส ประเทศสเปน ประเทศเยอรมนี ประเทศลักเซมเบิร์ก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ส่วนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก การบุกเบิกในด้านการให้บริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์เริ่มขึ้นที่ฮ่องกง และoประเทศสิงคโปร์[6] ก่อนขยายมาที่ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี ประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ สำหรับในสหรัฐอเมริกา ธนาคารเวลส์ฟาร์โกก็ยังคงเป็นผู้นำ ในด้านการพัฒนาบริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ และได้เริ่มการให้บริการนำเสนอใบเรียกเก็บเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้บริษัทเรียกเก็บเงินจากคู่ค้าผ่านอินเทอร์เน็ตได้ และการเปิดตัวธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก็มีเพิ่มขึ้น เช่น ธนาคารวิงสแปน และธนาคารเน็ตแบงก์ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก มีบริษัทที่ทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต หรือที่เรียกว่า ธุรกิจดอตคอม ซึ่งเปิดให้บริการบนอินเทอร์เน็ต ธุรกิจดอตคอมมีนายทุนให้การสนับสนุนจำนวนมาก หลายๆ บริษัทได้เข้าตลาดหลักทรัพย์และราคาหุ้น ของบริษัทเหล่านั้น สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นับได้ว่า เป็นยุคฟองสบู่ของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

ต่อมาใน พ.ศ. 2544 การเกิดภาวะฟองสบู่แตกของธุรกิจดอตคอม ก็เป็นสาเหตุที่ส่งผลให้ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่มีสาขาเลย ไม่อาจแข่งขันกับธนาคารที่มีสาขา หรือมีช่องทางบริการที่หลากหลาย รวมทั้งให้บริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวหลายแห่งต้องเลิกกิจการไป รวมทั้งธนาคารซิเคียวริตีเฟิร์สเน็ตเวิร์ก และธนาคารวิงสแปน ในสหรัฐอเมริกา ในทางตรงกันข้ามธนาคารใหญ่ ๆ ที่เปิดบริการบนอินเทอร์เน็ตเสมือนเป็นอีกสาขาหนึ่ง กลับมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ธนาคารเวลส์ฟาร์โก มีลูกค้าธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ 2.5 ล้านคน ธนาคารแห่งอเมริกา มี 4 ล้านคน แม้กระนั้น ธนาคารก็เริ่มยอมรับความจริงที่ว่า การให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตนี้ไม่ได้ประหยัดเงินมากอย่างที่เคยคาดไว้ แม้ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีลูกค้ามากกว่า 1 ใน 4 ใช้บริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์แต่ธนาคารก็ยังไม่มีผลกำไร ซึ่งเดิมเคยมีการคาดการณ์ว่า การให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการให้บริการผ่านสาขาถึงร้อยละ 70 แต่ธนาคารเวลส์ฟาร์โกพบว่า ค่าใช้จ่ายลดลงเพียงร้อยละ 14 เท่านั้น แม้ว่าค่าใช้จ่ายของการทำแต่ละธุรกรรมที่ผ่านอินเทอร์เน็ตจะถูกลง แต่ก็ไม่ได้ลดลงเหลือเพียง 0.01 ดอลลาร์สหรัฐต่อธุรกรรม อย่างที่เคยมีการประเมินเอาไว้

นับจากปี พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป เริ่มเห็นชัดว่า ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ผู้บริหารธนาคารเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมอง เห็นว่า บริการนี้เป็นบริการที่จำเป็นต้องมี เพื่อดึงดูดลูกค้าให้คงอยู่กับธนาคาร แบบเดียวกับที่ธนาคารต้องมีตู้เอทีเอ็ม แต่ก็ไม่ได้เป็นบริการที่ทำกำไรหรือประหยัดค่าใช้จ่ายมากนัก

ประเทศไทย

ในประเทศไทย ธนาคารที่เปิดบริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์แห่งแรก คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเริ่มมีเว็บไซต์ สำหรับเผยแพร่ข้อมูลทั่วไป ของธนาคาร ผ่านอินเทอร์เน็ตในปี พ.ศ. 2538 นับตั้งแต่นั้นมา การมีเว็บไซต์ของธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยก็เริ่มแพร่หลาย ในส่วนที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ลูกค้าทำธุรกรรมธนาคารได้เองมีการริเริ่มทำตั้งแต่ พ.ศ. 2540 มาให้บริการได้จริงหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุมัติการให้บริการดังกล่าวได้ในปี พ.ศ. 2546 โดยธนคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) เป็นธนาคารแห่งแรกที่ได้รับการอนุมัติให้เปิดการบริการนี้ในช่วงต้น พ.ศ. 2543 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นบัญชีใช้โอนเงินผ่านธนาคารที่ 2 ที่เปิดให้บริการนี้ในกลางปี พ.ศ. 2553-2561

ตามมาด้วย ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในปีเดียวกันนั้น

ประเทศไทยนั้นไม่เคยมีการจัดตั้งธนาคารอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้สาขา ทั้งนี้เพราะตามกฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทยไม่อนุญาต ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่ประสบปัญหาธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ต้องปิดกิจการดังเช่นในสหรัฐอเมริกา

ใกล้เคียง

การธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ การธนาคาร การขนส่งในประเทศไทย การนำความร้อน การอนุมาน การขนส่งระบบรางในประเทศไทย การขนส่งในกัวลาลัมเปอร์ การอนุรักษ์ทางทะเล การขนส่งในประเทศเกาหลีใต้ การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ

แหล่งที่มา

WikiPedia: การธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ http://www.positioningmag.com/magazine/details.asp... http://www.thefreelibrary.com/Stanford+Federal+Cre... http://blog.msu.ac.th/?p=8664 http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsI... http://www.etda.or.th/etda_website/mains/display/1... http://kanchanapisek.or.th/kp6/New/sub/book/book.p... http://kanchanapisek.or.th/kp6/New/sub/book/book.p... http://kanchanapisek.or.th/kp6/New/sub/book/book.p...