บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
จักรวรรดิซาเซเนียน (
เปอร์เซีย: ساسانیان,
อังกฤษ: Sasanian Empire) เป็น
จักรวรรดิเปอร์เชียจักรวรรดิสุดท้ายก่อนที่
ศาสนาอิสลามจะเข้ามาเป็นมหาอำนาจในเอเชียตะวันตกเป็นเวลากว่าสี่ร้อยปี
[2] อาร์ดาเชอร์ที่ 1 ทรงก่อตั้งราชวงศ์ซาเซเนียนหลังจากที่ทรงชนะ
อาร์ตาบานัสที่ 4 จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่ง
จักรวรรดิพาร์เธียน และมาสิ้นสุดลงเมื่อ
ยาซเดเกิร์ดที่ 3 (Yazdegerd III) มาพ่ายแพ้หลังจากที่ทรงใช้เวลาถึงสิบสี่ปีในการต่อต้าน
จักรวรรดิรอชิดีนซึ่งเป็นหนึ่งใน
รัฐเคาะลีฟะฮ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง จักรวรรดิซาเซเนียนหรือที่เรียกว่า “Eranshahr” (“จักรวรรดิอิหร่าน”)
[3] ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นปัจจุบันคือ
อิหร่าน,
อิรัก,
อาร์มีเนีย, ทางตอนใต้ของ
คอเคซัส (รวมทั้งทางตอนใต้ของดาเกสถาน), ตะวันตกเฉียงใต้ของ
เอเชียกลาง, ตะวันตกของ
อัฟกานิสถาน, บางส่วนของ
ตุรกี, บางส่วนของ
ซีเรีย, บริเวณริมฝั่งทะเลของ
คาบสมุทรอาหรับ, บริเวณ
อ่าวเปอร์เซีย และบางส่วนของทางตะวันตกเฉียงใต้ของ
ปากีสถานสมัยการปกครองของซาสซานิยะห์เป็นสมัยอันยาวนานของ
ปลายสมัยโบราณและถือกันว่าเป็นสมัยที่สำคัญที่สุดและมีอิทธิพลที่สุดทางประวัติศาสตร์สมัยหนึ่งของ เป็นสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของวัฒนธรรมของเปอร์เซียและเป็นจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่จักรวรรดิสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มยุค
การพิชิตของมุสลิมและการยอมรับนับถือศาสนาอิสลาม[
ต้องการอ้างอิง] วัฒนธรรมของเปอร์เซียมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมของโรมันเป็นอันมากในยุคซาสซานิยะห์
[4] และจักรวรรดิโรมันเองก็มีความนับถือจักรวรรดิซาสซานิยะห์ที่จะเห็นได้จากพระราชสาส์นจากจักรพรรดิโรมันถึงชาห์แห่งชาห์ที่จ่าหัวจดหมายว่า "my brother"[
ต้องการอ้างอิง] อิทธิพลของซาสซานิยะห์ไม่จำกัดอยู่แต่เพียงในจักรวรรดิเองแต่ยังแผ่ขยายไปถึงแอฟริกา
[5] จีน และ อินเดียด้วย
[6] และมีบทบาทสำคัญในด้านศิลปะของยุคกลางทั้งในยุโรปและเอเชีย
[7]อิทธิพลของซาสซานิยะห์ยังคงอยู่ต่อมาจนถึงต้นสมัยอิสลามเมื่ออิสลามได้รับชัยชนะต่ออิหร่าน
[8] อับโดลโฮสเซน ซารินคูป (Abdolhossein Zarrinkoob) ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอิหร่านคนสำคัญถึงกับกล่าวว่าสิ่งที่มารู้จักกันภายหลังว่าเป็นวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม และความเชี่ยวชาญอื่นๆ ของอิสลามนั้นมีต้นตอมาจากวัฒนธรรมของซาสซานิยะห์เปอร์เชีย และเผยแพร่ไปในโลกมุสลิมโดยทั่วไป
[9]