ในผู้ใหญ่ ของ ทฤษฎีความผูกพัน

ทฤษฎีความผูกพันได้ขยายไปใช้กับความสัมพันธ์แบบโรแมนติกของผู้ใหญ่ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1980โดยมีการจำแนกหมวดหมู่ 4 อย่าง คือ มั่นใจ (secure) วิตกกังวล-มัววุ่นวาย (anxious-preoccupied) ไม่สนใจ-หลีกเลี่ยง (dismissive-avoidant) และกลัว-หลีกเลี่ยง (fearful-avoidant)ซึ่งโดยรวม ๆ คล้อยตามหมวดเหล่านี้ของทารก คือ มั่นใจ (secure) ไม่มั่นใจ-คละ (insecure-ambivalent) ไม่มั่นใจ-หลีกเลี่ยง (insecure-avoidant) และไม่มีระเบียบ/ไม่มีจุดหมายผู้ใหญ่ที่ผูกพันอย่างมั่นใจมองตัวเอง คู่ขา และความสัมพันธ์ร่วมกันในเชิงบวกโดยรู้สึกสบาย ๆ ทั้งกับความใกล้ชิดและความเป็นอิสระโดยสมดุลกัน

ส่วนผู้ใหญ่ที่วิตกกังวล-มัววุ่นวายต้องการความใกล้ชิด การยอมรับ และการตอบสนองจากคู่สูง กลายเป็นคนที่ต้องพึ่งอาศัยมากเกินไปมักจะเชื่อใจน้อยกว่า มีมุมมองที่ดีน้อยกว่าเกี่ยวกับตนและคู่ และอาจแสดงอารมณ์ ความกังวล และความหุนหันพลันแล่นมากในความสัมพันธ์

ส่วนแบบไม่สนใจ-หลีกเลี่ยงต้องการความเป็นอิสระสูง บ่อยครั้งดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงความผูกพันทั้งหมดคือมองว่าช่วยตัวเองได้ ไม่อ่อนไหวต่อความผูกพันและไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมักจะระงับความรู้สึกของตน รับมือกับการถูกปฏิเสธโดยทำตัวเองให้ห่างเหินจากคู่ความสัมพันธ์ที่บ่อยครั้งตนมีความเห็นไม่ดี

ส่วนแบบกลัว-หลีกเลี่ยงมักจะรู้สึกครึ่ง ๆ กลาง ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ทั้งอยากจะได้ทั้งไม่รู้สึกสบายกับความใกล้ชิดมักจะไม่เชื่อใจคู่สัมพันธ์และมักมองตัวเองว่าไม่คุ้มค่าโดยเหมือนกับแบบไม่สนใจ-หลีกเลี่ยง ผู้ใหญ่ประเภทนี้ต้องการความใกล้ชิดที่น้อยกว่า และจะยับยั้งความรู้สึกของตน[83][84][85][86]

รูปแบบความผูกพันในระหว่างคู่รักจากมุมมองกว้าง ๆ เป็นไปตามรูปแบบความผูกพันในทารก แต่ว่า ผู้ใหญ่สามารถมีแบบจำลองใช้งานภายในหลายอย่างสำหรับความสัมพันธ์ต่าง ๆ

มีการศึกษาความผูกพันในผู้ใหญ่หลัก ๆ สองด้านคือ (1) ทั้งการจัดระเบียบและเสถียรภาพของแบบจำลองใช้งานในใจที่เป็นมูลฐานของสไตล์การผูกพัน ได้รับความสนใจจากนักจิตวิทยาสังคมที่สนใจความผูกพันแบบคู่รัก[87][88] (2) ส่วนนักจิตวิทยาพัฒนาการผู้สนใจสภาพจิตใจของบุคคลในเรื่องความผูกพัน จะตรวจสอบว่าความผูกพันทำงานในปฏิสัมพันธ์ของความสัมพันธ์อย่างไร และมีผลเช่นไรต่อความสัมพันธ์แบบจำลองใช้งานในใจจะเสถียรกว่าเมื่อเทียบกับสภาพจิตใจเกี่ยวกับความผูกพันที่เปลี่ยนไปมาบ่อยกว่า

แต่มีนักวิชาการที่เสนอว่า ผู้ใหญ่ไม่ได้มีแบบจำลองใช้งานเพียงแค่ชุดเดียวในระดับหนึ่ง จะมีกฎและข้อสมมุติชุดหนึ่งเกี่ยวกับความผูกพันโดยทั่วไปในอีกระดับหนึ่ง ก็ยังมีข้อมูลโดยเฉพาะ ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์และเหตุการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์หนึ่ง ๆ โดยเฉพาะข้อมูลในระดับต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องเข้ากันดังนั้น บุคคลจึงสามารถมีแบบจำลองใช้งานภายในต่าง ๆ สำหรับความสัมพันธ์ต่าง ๆ[88][89]

มีแบบวัดความผูกพันสำหรับผู้ใหญ่หลายอย่าง แบบที่สามัญที่สุดเป็นคำถามที่ตอบเอง และการสัมภาษณ์ที่เข้ารหัสแบบต่าง ๆ พัฒนาเพื่อใช้เป็นเครื่องมืองานวิจัย โดยมีเป้าหมายต่าง ๆ ในเรื่องต่าง ๆ เช่น เพื่อความสัมพันธ์แบบคู่รัก ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ และความสัมพันธ์กับเพื่อนมีบางอย่างที่จัดหมวดสภาพใจของผู้ใหญ่เกี่ยวกับความผูกพันและรูปแบบความผูกพันโดยอ้างประสบการณ์ในวัยเด็ก ในขณะที่อย่างอื่นประเมินพฤติกรรมความผูกพันและความมั่นใจเกี่ยวกับพ่อแม่และเพื่อน[90]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ทฤษฎีความผูกพัน http://web.ebscohost.com/ehost/detail?vid=3&hid=7&... http://www.psychology.sunysb.edu/attachment/index.... http://www.psychology.sunysb.edu/attachment/online... http://www.psychology.sunysb.edu/attachment/online... http://www.garfield.library.upenn.edu/classics1986... //lccn.loc.gov/00266879 //lccn.loc.gov/2005019272 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2690512 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3041266 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3861901