ฉากหลัง ของ ธุลีปริศนา

เหตุการณ์ในวรรณกรรมไตรภาคนี้เกิดขึ้นในเอกภพคู่ขนานที่แตกต่างกัน ในมหันตภัยขั้วโลกเหนือ เหตุการณ์เกิดขึ้นในโลกที่เหมือนกับโลกของเรา การแต่งกายก็คล้ายคลึงกับสมัยวิคตอเรีย และยังไม่มีเทคโนโลยีทางด้านรถยนต์หรือเครื่องบินปีกตรึง ยานพาหนะที่สำคัญอย่างเดียวที่ปรากฏคือ เซพเพลิน ในโลกนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีการปฏิรูปศาสนาของนิกายโปรเตสแตนต์ ในหนังสือระบุถึง จอห์น คาลวินว่าเป็นพระสันตปาปา หรือมิฉะนั้น ก็อาจเป็นไปได้ที่ว่าการปฏิรูปศาสนาของนิกายโปรแตสแตนท์อาจจะประสบสำเร็จอย่างสมบูรณ์ยิ่งจนกระทั่งสามารถล้มล้างสำนักคาทอลิกลงได้อย่างสิ้นเชิง และก่อตั้งโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ของโปรแตสแตนท์ขึ้นใหม่ทั้งหมด ศาสนจักรในวรรณกรรมของพูลแมน (หรือที่มักเรียกว่า "พระอาจาริยานุภาพ") มีอำนาจปกครองอันเข้มแข็งมากในโลกนวนิยายของเขา ในมีดนิรมิต เหตุการณ์ได้ย้ายจากโลกในหนังสือเล่มแรกมาสู่โลกของเรา และต่อไปยังอีกโลกหนึ่ง อันเป็นที่ตั้งเมืองซีตากาซซี และในสู่เส้นทางมรณะ เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเอกภพคู่ขนานอีกมากมาย

เอกภพในตอนมหันตภัยขั้วโลกเหนือ มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจหลายประการ แม้ดูเผิน ๆ แล้วเอกภพแห่งนั้นจะมีเทคโนโลยีล้าหลังกว่าโลกของเรา แต่ก็มีความก้าวหน้ากว่าในหลายสาขา โลกของไลรามีวิทยาการทางด้านฟิสิกส์อนุภาคเหมือนกับโลกของเรา แต่เรียกในชื่อ "เทววิทยาเชิงทดลอง" ในตอนสู่เส้นทางมรณะ มีการหารือกันเกี่ยวกับอาวุธล้ำสมัยที่สามารถตรวจจับดีเอ็นเอของผู้เป็นเป้าหมายได้ ทั้งยังสามารถติดตามเป้าหมายไปยังเอกภพต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมี "ยานแห่งเจตจำนง" ที่ใช้ความคิดในการควบคุมยาน และติดตั้งอาวุธพลังงานที่ร้ายแรงอย่างยิ่งไว้ด้วย

ภาพ "สตรีกับตัวเออร์มีน" (ปี 1489-90) ช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจของแนวคิดเกี่ยวกับ "ภูติ" ของพูลแมน[1]

เอกลักษณ์ที่เด่นชัดประการหนึ่งในนวนิยายของพูลแมน คือแนวคิดเกี่ยวกับ "ภูติ" ในจักรวาลเริ่มแรกของเรื่องหรือเอกภพของตัวละครเอก ไลรา เบลัควา มนุษย์แต่ละคนจะมีดวงจิตที่เป็นตัวตนจับต้องได้ที่แสดงรูปร่างเป็นสัตว์ ซึ่งจำเป็นต้องอยู่ใกล้กับมนุษย์เจ้าของดวงจิตนั้น ๆ พวกแม่มดกับมนุษย์บางคนจะผ่านเข้าไปในดินแดนที่ซึ่งภูติไม่สามารถติดตามเข้าไปได้ หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาอันเจ็บปวดรวดร้าวของการพรากจากนั้นแล้ว ภูติของพวกเขาก็สามารถเดินทางออกไปห่างจากมนุษย์ได้ไกลเท่าที่มันต้องการ[6]

ปกติพวกภูติจะพูดคุยกับมนุษย์เจ้าของมันเท่านั้น หากก็สามารถสื่อสารกับมนุษย์คนอื่นหรือภูติตนอื่นได้เช่นกัน ในระหว่างช่วงวัยเยาว์ของมนุษย์ พวกภูติสามารถเปลี่ยนรูปร่างไปมาได้ตามใจชอบ แต่เมื่อใดที่เด็กเหล่านั้นได้เติบโตเป็นหนุ่มสาว ร่างของพวกภูติจะคงอยู่เพียงร่างเดียว รูปร่างสุดท้ายของพวกภูตินั้นจะสื่อถึงบุคลิกลักษณะนิสัยของมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งมีความหมายเป็นนัยว่าบุคลิกของเด็ก ๆ จะปรับตัวจนคงที่เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น ในโลกจินตนาการของพูลแมน การที่มนุษย์คนหนึ่งคนใดจะแตะต้องตัวภูติของคนอื่นถือว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างร้ายแรง ส่วนการที่มนุษย์ไม่มีภูติก็เป็นเรื่องเลวร้ายน่ากลัวเหมือนกับเห็นคนไม่มีหัว

ในบางเอกภพ มีปีศาจซึ่งออกล่าภูติของหนุ่มสาวกับพวกผู้ใหญ่ มันกินพวกภูติเสียแล้วทำให้มนุษย์เจ้าของภูตินั้นสูญเสียสติสัมปชัญญะและค่อย ๆ ตายไป ภูติกับมนุษย์อาจแยกออกจากกันได้ด้วยกระบวนการตัดภูติซึ่งใช้โลหะบางชนิดมาช่วย เช่นที่ดำเนินการตัดภูตด้วยกิโยตินซึ่งทำจากไทเทเนียมและแมงกานีสที่โบลแวงการ์ แต่การทำเช่นนี้มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงมาก มนุษย์และภูติที่ถูกแยกจากกันจะถูกเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพของซากผีดิบ ผลข้างเคียงที่ได้จากกระบวนการตัดภูติยังนำมาซึ่งพลังงานปริศนาปริมาณมหาศาลที่สามารถแปลงมาเป็นพลังงานแอนบาริก (หรือพลังงานไฟฟ้า) ได้

แหล่งที่มา

WikiPedia: ธุลีปริศนา http://www.smh.com.au/articles/2003/12/12/10711256... http://ses.library.usyd.edu.au/bitstream/2123/1250... http://www.amazon.com/gp/feature.html/ref=amb_link... http://search.barnesandnoble.com/booksearch/isbnin... http://www.boxofficemojo.com/movies/?id=goldencomp... http://www.christianitytoday.com/movies/reviews/hi... http://www.costabookawards.com/downloads/Past_Winn... http://www.goldencompassmovie.com/ http://www.hisdarkmaterials.com http://www.latimes.com/business/printedition/la-fi...