ประวัติ ของ บาร์เซโลนา

ยุคก่อนประวัติศาสตร์

หลักฐานของจุดกำเนิดการตั้งถิ่นฐานของบาร์เซโลนายังไม่ชัดเจนในปัจจุบัน แต่มีการค้นพบซากปรักหักพัง เช่น สุสานและอาคารยุคโบราณ ที่สามารถบ่งบอกอายุว่าเกิดขึ้นในยุค 5,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช[23] การค้นพบเมืองบาร์เซโลนามี 2 หลักฐานที่แตกต่างกัน หลักฐานแรกคือการเป็นเมืองที่เป็นตำนานของเฮอร์คิวลีส และอีกหลักฐานคือมีประวัติศาสตร์กับ ฮามิลคาร์ บาร์คา ผู้ว่าการเมืองคาร์เธจ ที่ตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นที่มาของชื่อเมือง "บาร์ซิโน" (Barcino) ในช่วง 3 ศตวรรษก่อนคริสต์ศักราช[24] แต่ก็ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าหลักฐานหรือประวัติศาสตร์ไหนเป็นเรื่องจริง

ยุคโรมัน

ในจักรวรรดิโรมัน ช่วง 15 ปีก่อนคริสต์ศักราช ได้ตั้งเมืองให้เป็น "แคสทรา" (ค่ายทหารโรมัน) มีศูนย์กลางอยู่ที่ "มอนส์ตาเบร์" เนินเขาเล็ก ๆ ใกล้กับศาลาว่าการเมือง ภายใต้จักรวรรดิโรมัน เมืองนี้ได้เป็นอาณานิคมของตระกูล "ฟาเวนทีอา" (Faventia)[25] หรือชื่อเต็ม โคโลเนีย ฟาเวนทีอา ออกุสตา เปีย บาร์ซิโน[26] หรือ โคโลเนีย จูลีอา ออกุสตา ฟาเวนทีอา พาเทร์นา บาร์ซิโน ปอมโปนีอุส เมลา[27] นักภูมิศาสตร์ยุคโรมัน ได้กล่าวถึงบาร์เซโลนาว่าเป็นเมืองเล็ก ๆ ข้างเคียง "ตาร์ราโก" (หรือ ตาร์ราโกนา ในปัจจุบัน) แต่ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นเมืองใหญ่ที่เติบโตและสวยงาม รวมถึงเป็นเมืองท่าที่สำคัญในปัจจุบัน[28] บาร์เซโลนาผลิตเหรียญขึ้นมาใช้เอง จากการอยู่รอดในช่วงยุคของจักรพรรดิกัลบา

รูปปั้น มาเรเดเดอูเดลาเมร์เซ บน บาซิลิกาเดลาเมร์เซ

ร่องรอยจากยุคโรมันได้ปรากฏให้เห็นในชั้นใต้ดินของปลาซาเดลเรย์ ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองบาร์เซโลนา แสดงให้เห็นถึงรูปแบบตารางยุคโรมันที่ปรากฏในปัจจุบัน รวมไปถึงสถาปัตยกรรมกอทิก ในพิพิธภัณฑ์ ส่วนชิ้นส่วนของสถาปัตยกรรมโรมันสามารถเห็นได้จากกำแพงของมหาวิหาร "ลาเซอู" ที่คาดว่าถูกค้นพบในปี ค.ศ. 343[29]

ยุคกลาง

เมืองได้ถูกยึดโดยชาววิซิกอท ในต้นศตวรรษที่ 5 เป็นเมืองหลวงของฮิสเปเนีย อยู่หลายปี ก่อนที่จะตกเป็นเมืองขึ้นของอาหรับ ในต้นศตวรรษที่ 8 ก่อนที่จะถูกตีโดยชาร์เลอมาญ บุตรของจักรพรรดิหลุยส์ผู้ศรัทธา ในปี ค.ศ. 801 ก่อตั้งเป็นภูมิภาคชายแดนฮิสปาเนียชายแดนที่ถูกควบคุมโดยเคานต์แห่งบาร์เซโลนา

เคานต์แห่งบาร์เซโลนา มีความเป็นอิสระในการบริหารบ้านเมืองในดินแดงของตนเองรวมถึงแคว้นกาตาลุญญา แม้ว่าในวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 985 จะถูกโจมตีโดยทหารของชาวอัลมันซอร์[30] ทำให้ประชาชนในเมืองถูกฆ่าและเป็นทาส[31] ต่อมาในปี ค.ศ. 1137 ราชอาณาจักรอารากอน และ เคานต์แห่งบาร์เซโลนา ได้ควบรวมราชวงศ์ ซึ่งกันและกัน[32][33] ด้วยการแต่งงานระหว่างราโมน บารังเกที่ 4 เคานต์แห่งบาร์เซโลนา กับ เปโตรนิยาแห่งอารากอน จนอาณาจักรตกเป็นของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 2 แห่งอารากอน บุตรชายของทั้งสองซึ่งขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 1162 ดินแดนแห่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "ราชบัลลังก์อารากอน" ซึ่งครอบคลุมพื้นที่จำนวนมาก ตั้งแต่ทิศตะวันตกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กับดินแดนห่างไกลเนเปิลส์และซิซิลี และยังขยายดินแดนไปถึงดัชชีเอเธนส์ ในศตวรรษที่ 13 การควบรวมระหว่างราชบัลลังก์อารากอน และ ราชบัลลังก์กัสติยา ทำให้บาร์เซโลนามีความสำคัญลดลง อีกทั้งธนาคารบาร์เซโลนา ธนาคารรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ก่อตั้งขึ้นโดยแมยิสเตร็ดของเมืองในยุคนี้ เมื่อปี ค.ศ. 1401[34]

บาร์เซโลนาในปี ค.ศ. 1563

ภายใต้การปกครองของสเปน

การสมรสระหว่างพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอน กับ สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา ในปี ค.ศ. 1469 ทำให้เชื่อมสัมพันธ์ทั้งสองราชวงศ์เข้าด้วยกัน จนทำให้ มาดริด กลายเป็นเมืองหลวงและเมืองศูนย์กลางการปกครองในช่วงการล่าอาณานิคมของอเมริกา และลดความสำคัญของการเงินลงจากการค้าขายผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บาร์เซโลนาจึงเป็นศูนย์กลางของดินแดนกาตาลัน ในยุคนั้นมีสงครามแรปเพอส์ (ค.ศ. 1640–1652) กับพระเจ้าเฟลิเปที่ 4 แห่งสเปน และกาฬโรคครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1650–1654 ทำให้ประชากรของเมืองลดลงถึงครึ่งหนึ่ง[35]

ปราสาทมอนต์จูอิก จุดใต้สุดจากการคำนวณเส้นเมอริเดียน

ในศตวรรษที่ 18 ป้อมปราการได้ถูกสร้างขึ้นที่ภูเขามอนต์จูอิก สำหรับการสอดส่องไปยังทะเล ต่อมาในปี ค.ศ. 1794 ป้อมปราการได้ถูกใช้โดยปิแยร์ เมอแช็ง นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ในการสำรวจและสังเกตการณ์ไปยังเดิงแกร์ก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการวัดโดยใช้หน่วยเมตร[36] แท่งวัดแบบเมตรผลิตจากแพลตินัม ถูกเสนอต่อสภานิติบัญญัติฝรั่งเศสในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1799 บาร์เซโลนาเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในสงครามคาบสมุทร แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดลง เมืองพัฒนาอุตสาหกรรมไปในทางที่ดีขึ้น อิลเดฟอนส์ เซร์ดา นักผังเมือง ได้ออกแบบอิซัมเปลขนาดใหญ่สำหรับเมืองในยุค 1850 ซึ่งเป็นยุคที่กำแพงเมืองเก่าจากยุคกลางได้เริ่มถูกทำลายลง

สงครามกลางเมืองสเปนและยุคฟรังโก

บาร์เซโลนา เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐสเปน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ.​ 1937 จนถึง เดือนมกราคม คศ. 1939 ระหว่างสงครามกลางเมืองสเปน[37][38] ในขณะนั้น ทั้งบาร์เซโลนาและมาดริดอยู่ภายใต้กฎหมายของสาธารณรัฐ ในภาพ มานูเอล อาซาญญา และ ฆวน เนกริน อยู่ที่ชานเมืองของบาร์เซโลนา

ระหว่างสงครามกลางเมืองสเปน เมืองและกาตาโลเนียเป็นสาธารณรัฐปกครองตนเอง องค์กรและรัฐวิสาหกิจถูกรวมกันโดย เซเอเนเต และ อูเฆเต เมื่ออำนาจของรัฐบาลสาธารณรัฐลดลง และเมืองหลายเมืองถูกควบคุมภายใต้กลุ่มอนาธิปไตย โดยกลุ่มอนาธิปไตยได้สูญเสียความควบคุมจากฝ่ายคอมมิวนิสต์และทหารของรัฐบาล มีการต่อสู้กันกลางเมือง ต่อมาหลังจากเมืองล่มสลายในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1939 ได้มีการอพยพประชาชนไปยังชายแดนฝรั่งเศส ความต้านทางของบาร์เซโลนาต่อการรัฐประหาร ฟรันซิสโก ฟรังโก มีผลกระทบยาวนานหลังจากความพ่ายแพ้ของรัฐบาลสาธารณรัฐ ความเป็นเอกภาพของแคว้นกาตาลุญญา ได้ถูกทำลายจนหมดสิ้น[39] การใช้ภาษากาตาลาในที่สาธารณะเป็นสิ่งต้องห้าม บาร์เซโลนากลายเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของสเปน มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แม้เมืองจะถูกทำลายระหว่างสงครามกลางเมืองสเปน แต่มีการอพยพจากประชาชนที่ยากจนจำนวนมากจากส่วนอื่นของสเปน จากทั้งแคว้นอันดาลูซิอา, มูร์เซีย และแคว้นกาลิเซีย ทำให้แปรสภาพกลับมาเป็นเมืองใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว

ปลายศตวรรษที่ 20

ในปี ค.ศ. 1992 บาร์เซโลนาได้เป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกฤดูร้อน เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของเมืองที่ผ่านมาให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งผลักดันให้กลายเป็นเจ้าภาพจัดงานที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ในการเตรียมการเป็นเจ้าภาพ โรงงานอุตสาหกรรมริมทะเลถูกทำลายลง และได้มีการสร้างทะเลขึ้นเป็นระยะทางรวม 2 ไมล์ อีกทั้งยังมีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับรถยนต์อีก 17% มีการจัดการของเสียที่เพิ่มมากขึ้นอีก 27% และเพิ่มพื้นที่สีเขียวและทะเลอีก 78% ระหว่าง ค.ศ. 1990 จนถึง ค.ศ. 2004 มียอดจองโรงแรมภายในเมืองเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในปี ค.ศ. 2012 บาร์เซโลนาเป็นเมืองจุดหมายปลายทางที่ยอดนิยมอันดับที่ 12 ของโลก และอันดับที่ 5 ของทวีปยุโรปฃฃ[40][41][42][43][44]

ยุคปัจจุบัน

หลังจากฟรังโกเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1975 ซึ่งมีแรงกดดันในการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มมากขึ้นของบาร์เซโลนา ในการออกจากระบบที่ฟรังโกสร้างขึ้นมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี[45] การประท้วงโดยกลุ่มม็อบขนาดใหญ่ในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1977 ซึ่งมีผู้คนนับล้านบนถนนในเมืองบาร์เซโลนาในการเรียกร้องเอกราชของกาตาลันคืนกลับมา[46]

การพัฒนาของบาร์เซโลนาทำให้ได้รับโอกาสจาก 2 งานใหญ่ในปี ค.ศ. 1986 ทั้งการเข้าร่วมสหภาพยุโรปของสเปน และได้รับคัดเลือกให้จัดงานโอลิมปิกฤดูร้อน 1992[47][48] การพัฒนาผังเมืองถูกจัดสรรอย่างรวดเร็ว และมีการเพิ่มขึ้นของประชากรและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นทำให้ประชากรลดลงอย่างเล็กน้อย (ร้อยละ 16.6) ซึ่งในช่วงสองทศวรรษปลายศตวรรษที่ 20 มีครอบครัวย้ายออกไปยังชานเมืองมากขึ้น แต่แนวโน้มได้กลับแปรผันอีกครั้งในปี ค.ศ. 2001 หลังจากการอพยพของชาวลาตินอเมริกา และโมร็อกโก[49]

ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2017 ได้เกิดเหตุรถตู้พุ่งชนผู้สัญจรบนทางเท้าในย่านท่องเที่ยวลารัมบลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 คนและบาดเจ็บอย่างน้อย 100 คน และยังมีการก่อเหตุในช่วงเวลาเดียวกันในกาตาลุญญา มาเรียโน ราฆอย นายกรัฐมนตรีสเปน ได้เรียกเหตุการณ์ในบาร์เซโลนาว่าเป็นการก่อการร้ายญิฮาด โดยสำนักข่าวอะมักกล่าวโดยอ้อมว่าผู้อ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้คือกลุ่มรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์[50][51][52]

แหล่งที่มา

WikiPedia: บาร์เซโลนา http://www.brusselnieuws.be/en/video/tvbrussel/bar... http://ajuntament.barcelona.cat/museuhistoria/es/p... http://www.barcelona.cat http://cartaarqueologica.bcn.cat/989 http://w1.bcn.cat/temps/docs/Can_Bruixa%201987-201... http://w1.bcn.cat/temps/es/climatologia/clima_barc... http://www.bcn.cat/en/ http://content.portdebarcelona.cat/cntmng/d/d/work... http://www.tmb.cat/en/home http://www.atkearney.com/documents/10192/dfedfc4c-...