ที่มาและการขยายดินแดน ของ ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค

ด้านหน้าเหรียญเงินซึ่งจัดทำโดย อันโทน ชาร์ฟฟ์ ใน ค.ศ. 1882 เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 600 ปี ของรัฐราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค

พระปฐมวงศ์ของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คเท่าที่มีหลักฐานให้สืบค้น คือ กราฟ (เคานต์) เรดบ็อตแห่งเคล็ดเกา ซึ่งประสูติในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 10 มีตำนานกล่าวว่าชื่อของราชวงศ์มีที่มาจากปราสาทฮาพส์บวร์ค ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์[8] หลังจาก ค.ศ. 1279 ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คทรงเข้ามาปกครองออสเตรีย พระเจ้ารูด็อล์ฟที่ 1 แห่งเยอรมนี ทรงพระราชทานดัชชีออสเตรีย อันเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเยอรมนี ซึ่งอยู่ภายในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อีกทอดหนึ่ง ให้แก่เหล่าพระราชโอรสในการประชุมที่เอาก์สบวร์กแห่ง ค.ศ. 1282 นำไปสู่การก่อตั้ง "ดินแดนสืบทอดออสเตรีย" (Austrian hereditary lands) นับแต่บัดนั้น ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คก็ยังเป็นที่รู้จักกันในนามราชวงศ์ออสเตรีย นอกจากนี้ ระหว่าง ค.ศ. 1438 ถึง ค.ศ. 1806 อาชดยุกแห่งออสเตรียจากราชวงศ์ฮาพส์บวร์คยังได้รับเลือกเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ติดต่อกันอีกด้วย โดยมีการขาดช่วงไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง

ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คก้าวขึ้นมามีความความสำคัญต่อยุโรปด้วยผลจากนโยบายของราชวงศ์ที่ริเริ่มโดยจักรพรรดิมัคซีมีลีอานที่ 1 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับมารีแห่งบูร์กอญ ทำให้เนเธอร์แลนด์ของบูร์กอญกลายเป็นหนึ่งในราชสมบัติของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค พระราชโอรสของทั้งสอง ฟิลิปผู้หล่อเหลาทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชินีนาถฆัวนาผู้บ้าคลั่ง (พระราชธิดาในพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอนและสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา) จึงทำให้จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (พระราชโอรสในฟิลิปผู้หล่อเหลาและสมเด็จพระราชินีนาถฆัวนา) ได้รับสืบทอดเนเธอร์แลนด์ของฮาพส์บวร์ค สเปนพร้อมดินแดนในปกครอง และออสเตรีย มาใน ค.ศ. 1506 1516 และ 1519 ตามลำดับ

ณ จุดนี้ จักรวรรดิฮาพส์บวร์คได้แผ่ไพศาลออกไปอย่างกว้างใหญ่จนทำให้จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ต้องเสด็จไปทั่วดินแดนในปกครองอยู่เสมอ ๆ และทำให้ต้องมีการตั้งผู้สำเร็จราชการและข้าหลวงในส่วนต่าง ๆ ของจักรวรรดิ เช่น อีซาแบลแห่งโปรตุเกส พระมเหสีทรงสำเร็จราชการแทนพระองค์ในสเปน และมาร์กาเรเทอแห่งออสเตรีย พระราชปิตุจฉา (อา) เป็นข้าหลวงปกครองกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ เพื่อปกครองดินแดนหลายแห่งที่อยู่ภายใต้พระองค์ จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ทรงบรรลุข้อตกลงกับแฟร์ดีนันท์ พระราชอนุชา ณ การประชุมสภาที่เมืองวอร์มส์ ใน ค.ศ. 1521 ตามข้อตกลงฮาพส์บวร์ค แห่งเมืองวอร์มส์ ซึ่งได้รับการรับรองในอีกหนึ่งปีให้หลังในบรัสเซลส์ แฟร์ดีนันท์ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นอาร์ชดยุก ในฐานะที่ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระเชษฐาในดินแดนสืบทอดออสเตรีย[9][10]

หลังจากที่พระเจ้าลอโยชที่ 2 แห่งฮังการี เสด็จสวรรคตในยุทธการที่โมฮาช ขณะทรงต่อสู้กับจักรวรรดิออตโตมัน อาร์ชดยุกแฟร์ดีนันท์ (ผู้อภิเษกสมรสกับพระเชษฐภคินีของพระเจ้าลอโยช ตามข้อตกลงในการประชุมใหญ่แห่งเวียนนาครั้งที่หนึ่ง ระหว่างจักรพรรดิมัคซีมีลีอาน พระอัยกาของอาร์ชดยุกแฟร์ดีนันท์ และพระเจ้าวลาดิสเลาส์ที่ 2 พระราชบิดาของพระเจ้าลอโยช) จึงทรงได้รับเลือกเป็นกษัตริย์แห่งโบฮีเมียและฮังการี ใน ค.ศ. 1526[11][7] แต่โบฮีเมียและฮังการีก็ยังมิได้เป็นดินแดนที่สืบทอดกันตามราชสันตติวงศ์ของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คจนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 17 ภายหลังจากจักรพรรดิแฟร์ดีนันท์ที่ 2 ทรงปราบกบฏชาวโบฮีเมียได้ในยุทธการที่ภูเขาสีขาว เมื่อ ค.ศ. 1620 พระองค์ทรงประกาศใช้ ธรรมนูญเปลี่ยนใหม่ (Renewed Constitution) ใน ค.ศ. 1627 ซึ่งทำให้ให้ราชบัลลังก์โบฮีเมียเปลี่ยนมาใช้ระบอบสืบราชสันตติวงศ์ ส่วนฮังการีนั้นเปลี่ยนมาใช้ระบอบสืบราชสันตติวงศ์เมื่อจักรพรรดิเลโอพ็อลท์ที่ 1 ทรงยึดดินแดนฮังการีเกือบทั้งหมดกลับมาจากชาวออตโตมันเติร์กได้ภายหลังยุทธการที่โมฮาช (ค.ศ. 1687) และทรงจัดประชุมสภาในนครเพรสบวร์ค

จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ทรงแบ่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์คออกเป็นสองสาขาใน ค.ศ. 1556 ด้วยการยกออสเตรียและราชบัลลังก์จักรวรรดิให้กับพระราชอนุชา (ตามที่ตัดสินกันในการเลือกตั้งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 1531) และจักรวรรดิสเปนให้กับเฟลิเป พระราชโอรส สาขาสเปน (ปกครองเนเธอร์แลนด์ ราชอาณาจักรโปรตุเกสระหว่าง ค.ศ. 1580 ถึง 1640 และภูมิภาคเมซโซจอร์โน [ภาคใต้ของอิตาลี]) สิ้นสุดเชื้อสายลงใน ค.ศ. 1700 สาขาออสเตรีย (ปกครองจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ฮังการีและโบฮีเมีย) มีสาขาย่อยแตกออกไปจากสาขานี้อีก ซึ่งดำรงอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1564 ถึง 1665 แต่หลังจากนั้นก็รวมกันเป็นรัฐร่วมประมุขภายใต้ราชวงศ์เดียว

ชื่อ

  • ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค (เยอรมัน: Habsburgermonarchie) : เป็นคำนิยามอย่างกว้างที่ถูกใช้บ่อยครั้ง แต่มิใช่ชื่ออย่างเป็นทางการ
  • ราชาธิปไตยออสเตรีย (ละติน: monarchia austriaca) นิยามซึ่งเริ่มนำมาใช้ประมาณ ค.ศ. 1700 เพื่อให้สะดวกต่อการกล่าวถึงดินแดนของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คสาขาออสเตรีย [6]
  • ราชาธิปไตยโดเนา (เยอรมัน: Donaumonarchie) ชื่อไม่เป็นทางการซึ่งใช้โดยสิ่งร่วมสมัย
  • ราชาธิปไตยคู่ (เยอรมัน: Doppel-Monarchie) หมายถึงดัชชีออสเตรียและราชอาณาจักรฮังการี สองรัฐซึ่งอยู่ภายใต้ผู้ปกครองพระองค์เดียวกัน
  • จักรวรรดิออสเตรีย (เยอรมัน: Kaisertum Österreich) ชื่ออย่างเป็นทางการของจักรวรรดิฮาพส์บวร์คที่สถาปนาขึ้นใหม่ใน ค.ศ. 1804 ภายหลังจากสิ้นสุดของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ คำว่า "จักรวรรดิ" ในที่นี้หมายถึงดินแดนที่ปกครองโดยจักรพรรดิ มิใช่ "อาณาจักรอันแพ่ไพศาล"
  • จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี (เยอรมัน: Österreich-Ungarn) รัฐซึ่งดำรงอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1867–1918 เป็นชื่อที่นิยมใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้จักรวรรดิจะมีชื่อทางการว่าราชาธิปไตยออสเตรีย-ฮังการี (เยอรมัน: Österreichisch-Ungarische Monarchie) ก็ตาม[12][13][14][15]
  • ดินแดนส่วนพระองค์ หรือ โครนลันเดอร์ (Kronländer) (ค.ศ. 1849–1918) เป็นชื่อเรียกดินแดนส่วนต่าง ๆ ในจักรวรรรดิออสเตรียนับตั้งแต่ ค.ศ. 1849 และของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ตั้งแต่ ค.ศ. 1867 เป็นต้นไป ภายหลังจากการสถาปนาจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ราชอาณาจักรฮังการี (หรือเรียกอย่างเจาะจงว่า ดินแดนแห่งราชบัลลังก์ฮังการี [Lands of the Hungarian Crown]) ไม่ได้ถูกนับเป็น "ดินแดนส่วนพระองค์" อีกต่อไป ดังนั้นนิยาม "ดินแดนส่วนพระองค์" จึงกลายเป็นนิยามเดียวกับ "เหล่าราชอาณาจักรและดินแดนอันมีผู้แทนในราชสภา" (Die im Reichsrate vertretenen Königreiche und Länder) ซึ่งใช้เรียกดินแดนซิสไลทาเนีย (Cisleithania) หรือดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของออสเตรียในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
  • พื้นที่ฟากฮังการีของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีมีชื่อเรียกว่า "ดินแดนแห่งราชบัลลังก์เซนต์อิชต์วาน" หรือ"ดินแดนแห่งพระมงกุฎเซนต์อิชต์วานอันศักดิ์สิทธิ์" (Länder der Heiligen Stephans Krone) ส่วนดินแดนโบฮีเมีย (เช็กเกีย) นั้นเรียกว่า "ดินแดนแห่งราชบัลลังก์เซนต์วาสลัฟ" (Länder der Wenzels-Krone)

ชื่อของดินแดนองค์ประกอบ

  • ประเทศออสเตรียในปัจจุบันปกครองในระบอบสาธารณรัฐกึ่งสหพันธ์ ประกอบไปด้วยเก้ารัฐ (Bundesländer) ได้แก่ นีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ โอแบร์เอิสเตอร์ไรช์ ทีโรล สตีเรีย ซัลทซ์บวร์ค คารินเทีย ฟอร์อาร์ลแบร์ค บัวร์เกินลันท์ และเวียนนา ซึ่งเป็นเมืองหลวง
  • บัวร์เกินลันท์ แยกตัวออกมาจากฮังการีและกลายเป็นส่วนหนึ่งของออสเตรียใน ค.ศ. 1921
  • ซัลทซ์บวร์ค กลายเป็นส่วนหนึ่งของออสเตรียใน ค.ศ. 1816 ภายหลังจากการสิ้นสุดสงครามนโปเลียน โดยแต่เดิมนั้นซัลทซ์บวร์คอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าชายอัครมุขนายกแห่งซัลทซ์บวร์คในฐานะดินแดนอธิปไตย
  • เวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ได้รับสถานะเป็นรัฐเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1922 เวียนนามีสถานะเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิและเมืองหลวงของจักรวรรดิออสเตรีย (Reichshaupt und Residenzstadt Wien) มาเป็นเวลาหลายศตวรรษ
  • ออสเตรีย ในทางประวัติศาสตร์ถูกแบ่งออกเป็น "ออสเตรียเหนือแม่น้ำเอ็นส์" (Austria above the Enns) และ "ออสเตรียใต้แม่น้ำเอ็นส์" (Austria below the Enns) (แม่น้ำเอ็นส์เป็นเส้นแบ่งระหว่างรัฐ โอแบร์- และนีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์) พื้นที่ของรัฐโอแบร์เอิสเตอร์ไรช์ขยายใหญ่ขึ้นจากการผนวกพื้นที่อินส์เวียร์เทล (Innviertel, "มุมแม่น้ำอินส์") ซึ่งแต่เดิมเป็นของไบเอิร์น ตามข้อตกลงในสนธิสัญญาเทเชิน (ค.ศ. 1779) ภายหลังสงครามสืบราชบัลลังก์ไบเอิร์น
  • ดินแดนสืบทอด (Erblande หรือ Erbländer โดยส่วนมากใช้คำว่า Österreichische Erblande) ดินแดนสืบทอดเยอรมัน (ในราชาธิปไตยออสเตรีย) หรือดินแดนสืบทอดออสเตรีย (สมัยกลาง – ค.ศ. 1849 หรือ 1918) ในนิยามอย่างจำกัดแล้วหมายถึงดินแดน "ดั่งเดิม" ของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค หลัก ๆ แล้วคือ ออสเตรีย (Österreich) สตีเรีย (Steiermark) คารินเทีย (Kaernten) คาร์นิโอลา (Krain) ทีโรล (Tirol) และฟอร์อาร์ลแบร์ค ในนิยามอย่างกว้างดินแดนแห่งราชบัลลังก์โบฮีเมียก็ถูกนับเป็นดินแดนสืบทอด (ตั้งแต่ ค.ศ. 1526 ถูกนับรวมอย่างแน่นอนจาก ค.ศ. 1620/27 เป็นต้นไป) เช่นกัน ศัพท์ดังกล่าวถูกแทนด้วยคำว่า "ดินแดนส่วนพระองค์" (ดูด้านบน) ในรัฐธรรมนูญเดือนมีนาคม ค.ศ. 1849 แต่ศัพท์นี้ก็ยังมีการใช้หลังจากนี้เช่นกัน ดินแดนสืบทอด ยังรวมไปถึงดินแดนเล็ก ๆ ที่มีสถานะเป็นราชรัฐ ดัชชี หรือเคาน์ตี ในดินแดนส่วนอื่น ๆ ของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ด้วย

ดินแดน

การขยายตัวของรัฐราชาธิปไตยฮาพส์บวร์คในบริเวณยุโรปตอนกลางรัฐราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค ณ ช่วงเวลาที่ จักรพรรดิโยเซ็ฟที่ 2 เสด็จสวรรคตใน ค.ศ. 1790 เส้นสีแดงเป็นเครื่องหมายแทนพรมแดนของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

ดินแดนภายใต้การการปกครองของรัฐราชาธิปไตยออสเตรียเปลี่ยนแปลงไปตลอดช่วงเวลาหลายศตวรรษ แต่แกนกลางนั้นประกอบไปด้วยดินแดนสี่ส่วนเสมอ:

พระราชพิธีราชาภิเษกของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา ในเพรสบวร์ค ราชอาณาจักรฮังการี ค.ศ. 1741ยูโรปา เรจีนา (Europa regina) สัญลักษณ์ที่สื่อถึงทวัปยุโรปที่ถูกครอบงำโดยราชวงศ์ฮาพส์บวร์คเหล่าทหารของเขตพรมแดนทหาร (Military Frontier) ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการรุกรานจากจักรวรรดิออตโตมัน, ค.ศ. 1756

ตลอดช่วงเวลาแห่งการดำรงอยู่ของรัฐราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค มีดินแดนอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คสาขาออสเตรียอยู่ชั่วขณะหนึ่ง (ดินแดนบางแห่งในรายชื่อด้านล่างนี้สืบทอดโดยหลักสิทธิของบุตรคนรอง [Secundogeniture] หรือก็คือถูกปกครองโดยสาขาอื่นของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คที่ไม่ใช่สาขาหลักนั้นเอง) :

ขอบเขตของดินแดนเหล่านี้แตกต่างไปตามช่วงเวลา และบางดินแดนก็ถูกปกครองโดยสาขารอง (ผ่านทางหลักสิทธิของบุตรคนรอง) ของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค สมาชิกของราชวงศ์ยังทรงถือครองพระราชอิสริยยศจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ระหว่าง ค.ศ. 1438 ถึง 1740 และอีกครั้งจาก ค.ศ. 1745 ถึง 1806

ลักษณะเฉพาะ

ภายในรัฐราชาธิปไตยฮาพส์บวร์คในช่วงสมัยใหม่ตอนต้น หน่วยภาวะต่าง ๆ ถูกปกครองตามขนบธรรมเนียมปฏิบัติของตนเอง จนถึงช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ดินแดนต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ผู้ปกครองพระองค์เดียวกัน บ่อยครั้งที่เชื้อพระวงศ์ฮาพส์บวร์คสายรองได้ปกครองพื้นที่ส่วนหนึ่งของดินแดนสืบทอดในฐานะที่ดินส่วนพระองค์ (Apanages) ความพยายามรวมศูนย์อย่างจริงจังเริ่มขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา และโดยเฉพาะในรัชสมัยของจักรพรรดิโยเซ็ฟที่ 2 ผู้เป็นพระราชโอรส (ตรงกับช่วงกลางถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18) แต่ความพยายามดังกล่าวก็ถูกละทิ้งเมื่อเกิดการต่อต้านขนาดใหญ่ต่อความพยายามปฏิรูปเชิงรุนแรงของจักรพรรดิโยเซ็ฟที่ 2 กระนั้น นโยบายรวมศูนย์อย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าก็ยังคงได้รับการปฏิบัติสืบต่อมาในสมัยแห่งการปฏิวัติ (Revolutionary period) และสมัยเมทเทอร์นิช ที่ตามมา

ความพยายามรวมศูนย์ครั้งใหม่เริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1849 ภายหลังจากการปราบปรามกระแสการปฏิวัติ ค.ศ. 1848 นับเป็นครั้งแรกที่เหล่ารัฐมนตรีพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐราชาธิปไตยฮาพส์บวร์คไปเป็นรัฐที่มีระบบราชการแบบรวมศูนย์โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่กรุงเวียนนา กฎอัยการศึกถูกประกาศใช้ในพื้นที่ของราชอาณาจักรฮังการี ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเขตทหาร (Military districts) รัฐบาลรวมศูนย์ภายใต้แนวคิดสมบูรณาญาสิทธิราชย์ใหม่ (Neo-absolutism) พยายามทำให้รัฐธรรมนูญและสภาฮังการีมีผลเป็นโมฆะ แต่ภายหลังจากที่ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คพ่ายแพ้ในสงครามประกาศอิสรภาพอิตาลีครั้งที่สอง และสงครามออสเตรีย-ปรัสเซียใน ค.ศ. 1859 และ 1866 ตามลำดับ ทำให้นโยบายเหล่านี้ค่อย ๆ ถูกยกเลิกไป

ภายหลังจากการทดลองในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1860 การประนีประนอมออสเตรีย-ฮังการี ค.ศ. 1867 อันโด่งดังจึงได้มีผลบังคับใช้ นำไปสู่การก่อตั้งรัฐราชาธิปไตยคู่ออสเตรีย-ฮังการี ในระบอบการปกครองใหม่นี้ ราชอาณาจักรฮังการี ("ดินแดนแห่งราชบัลลังก์เซนต์อิชต์วาน") ถือเป็นรัฐอธิปไตยที่มีศักดิ์เท่ากับออสเตรีย โดยมีเพียงความเป็นรัฐร่วมประมุขและนโยบายการต่างประเทศและการทหารร่วมกันเท่านั้นที่คอยเชื่อมโยงฮังการีเข้ากับดินแดนอื่น ๆ ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค อย่างไรก็ตาม แม้ดินแดนอื่น ๆ ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค (ยกเว้นฮังการี) จะถูกเรียกรวม ๆ กันว่า "ออสเตรีย" ก็ตาม แต่กระนั้นดินแดนเหล่านี้ก็มีรัฐสภากลาง (เรียกว่า ไรชส์ราค [Reichsrat; ราชสภา]) และคณะรัฐมนตรีเป็นของตนเอง อันจะเห็นได้จากชื่ออย่างเป็นทางการของดินแดนเหล่านี้ คือ "เหล่าราชอาณาจักรและดินแดนอันมีผู้แทนในราชสภา" ครั้นเมื่อบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาถูกผนวก (หลังจากตกอยู่ภายใต้การปกครองและยึดครองโดยทหาร มาเป็นระยะเวลานาน) ดินแดนดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกรวมเข้ากับพื้นที่ฝั่งใดของจักรวรรดิ หากแต่ถูกปกครองโดยกระทรวงการคลังร่วมของออสเตรีย-ฮังการี

จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีล่มสลายลงจากปัญหาทางชาติพันธุ์หลายประการที่ไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งมาถึงจุดแตกหักเมื่อจักรวรรดิพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ภายหลังจากจักรวรรดิถูกยุบ จึงมีการสถาปนาสาธารณรัฐเยอรมันออสเตรีย (ในพื้นที่ของชาวออสเตรียผู้พูดภาษาเยอรมันของดินแดนสืบทอด) และสาธารณรัฐฮังการีที่หนึ่ง ขึ้นมาแทนที่ ในข้อตกลงสันติภาพที่ตามมาภายหลัง ดินแดนจำนวนหนึ่งได้ถูกยกให้กับโรมาเนีย และอิตาลี ส่วนที่เหลือของจักรวรรดิเดิมถูกแบ่งระหว่างประเทศใหม่ที่แยกตัวออกมา อันได้แก่ โปแลนด์ ราชอาณาจักรแห่งชาวเซิร์บ โครแอต และสโลวีน (ต่อมาคือยูโกสลาเวีย) และเชโกสโลวาเกีย

ใกล้เคียง

ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ราชาธิราช ราชาธิปไตย ราชาธิปไตยของไอร์แลนด์ ราชาธิปไตยโดยเลือกตั้ง ราชาธิปไตยแบบสืบสันตติวงศ์ ราชาธิปไตยเดือนกรกฎาคม ราชาธิปไตยของปวงชน ราชาธิปไตยโดยสมบูรณ์

แหล่งที่มา

WikiPedia: ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค http://www.britannica.com/EBchecked/topic/204416/F... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/44386/Au... http://www.wien-vienna.com/austrohungary.php http://worldheritage.heindorffhus.dk/frame-CzechRe... http://digitalcommons.usu.edu/cgi/viewcontent.cgi?... http://www.h-net.org/~habsweb/ https://books.google.com/books?id=1QXiWBGboHMC https://books.google.com/books?id=245lDwAAQBAJ&q=m... https://books.google.com/books?id=Cmm4J2Ug4o8C&pg=... https://books.google.com/books?id=GwV_DwAAQBAJ&q=F...