เมนูนำทาง
ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค ที่มาและการขยายดินแดนพระปฐมวงศ์ของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คเท่าที่มีหลักฐานให้สืบค้น คือ กราฟ (เคานต์) เรดบ็อตแห่งเคล็ดเกา ซึ่งประสูติในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 10 มีตำนานกล่าวว่าชื่อของราชวงศ์มีที่มาจากปราสาทฮาพส์บวร์ค ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์[8] หลังจาก ค.ศ. 1279 ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คทรงเข้ามาปกครองออสเตรีย พระเจ้ารูด็อล์ฟที่ 1 แห่งเยอรมนี ทรงพระราชทานดัชชีออสเตรีย อันเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเยอรมนี ซึ่งอยู่ภายในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อีกทอดหนึ่ง ให้แก่เหล่าพระราชโอรสในการประชุมที่เอาก์สบวร์กแห่ง ค.ศ. 1282 นำไปสู่การก่อตั้ง "ดินแดนสืบทอดออสเตรีย" (Austrian hereditary lands) นับแต่บัดนั้น ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คก็ยังเป็นที่รู้จักกันในนามราชวงศ์ออสเตรีย นอกจากนี้ ระหว่าง ค.ศ. 1438 ถึง ค.ศ. 1806 อาชดยุกแห่งออสเตรียจากราชวงศ์ฮาพส์บวร์คยังได้รับเลือกเป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ติดต่อกันอีกด้วย โดยมีการขาดช่วงไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คก้าวขึ้นมามีความความสำคัญต่อยุโรปด้วยผลจากนโยบายของราชวงศ์ที่ริเริ่มโดยจักรพรรดิมัคซีมีลีอานที่ 1 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับมารีแห่งบูร์กอญ ทำให้เนเธอร์แลนด์ของบูร์กอญกลายเป็นหนึ่งในราชสมบัติของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค พระราชโอรสของทั้งสอง ฟิลิปผู้หล่อเหลาทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชินีนาถฆัวนาผู้บ้าคลั่ง (พระราชธิดาในพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 2 แห่งอารากอนและสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา) จึงทำให้จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (พระราชโอรสในฟิลิปผู้หล่อเหลาและสมเด็จพระราชินีนาถฆัวนา) ได้รับสืบทอดเนเธอร์แลนด์ของฮาพส์บวร์ค สเปนพร้อมดินแดนในปกครอง และออสเตรีย มาใน ค.ศ. 1506 1516 และ 1519 ตามลำดับ
ณ จุดนี้ จักรวรรดิฮาพส์บวร์คได้แผ่ไพศาลออกไปอย่างกว้างใหญ่จนทำให้จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ต้องเสด็จไปทั่วดินแดนในปกครองอยู่เสมอ ๆ และทำให้ต้องมีการตั้งผู้สำเร็จราชการและข้าหลวงในส่วนต่าง ๆ ของจักรวรรดิ เช่น อีซาแบลแห่งโปรตุเกส พระมเหสีทรงสำเร็จราชการแทนพระองค์ในสเปน และมาร์กาเรเทอแห่งออสเตรีย พระราชปิตุจฉา (อา) เป็นข้าหลวงปกครองกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ เพื่อปกครองดินแดนหลายแห่งที่อยู่ภายใต้พระองค์ จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ทรงบรรลุข้อตกลงกับแฟร์ดีนันท์ พระราชอนุชา ณ การประชุมสภาที่เมืองวอร์มส์ ใน ค.ศ. 1521 ตามข้อตกลงฮาพส์บวร์ค แห่งเมืองวอร์มส์ ซึ่งได้รับการรับรองในอีกหนึ่งปีให้หลังในบรัสเซลส์ แฟร์ดีนันท์ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นอาร์ชดยุก ในฐานะที่ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระเชษฐาในดินแดนสืบทอดออสเตรีย[9][10]
หลังจากที่พระเจ้าลอโยชที่ 2 แห่งฮังการี เสด็จสวรรคตในยุทธการที่โมฮาช ขณะทรงต่อสู้กับจักรวรรดิออตโตมัน อาร์ชดยุกแฟร์ดีนันท์ (ผู้อภิเษกสมรสกับพระเชษฐภคินีของพระเจ้าลอโยช ตามข้อตกลงในการประชุมใหญ่แห่งเวียนนาครั้งที่หนึ่ง ระหว่างจักรพรรดิมัคซีมีลีอาน พระอัยกาของอาร์ชดยุกแฟร์ดีนันท์ และพระเจ้าวลาดิสเลาส์ที่ 2 พระราชบิดาของพระเจ้าลอโยช) จึงทรงได้รับเลือกเป็นกษัตริย์แห่งโบฮีเมียและฮังการี ใน ค.ศ. 1526[11][7] แต่โบฮีเมียและฮังการีก็ยังมิได้เป็นดินแดนที่สืบทอดกันตามราชสันตติวงศ์ของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คจนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 17 ภายหลังจากจักรพรรดิแฟร์ดีนันท์ที่ 2 ทรงปราบกบฏชาวโบฮีเมียได้ในยุทธการที่ภูเขาสีขาว เมื่อ ค.ศ. 1620 พระองค์ทรงประกาศใช้ ธรรมนูญเปลี่ยนใหม่ (Renewed Constitution) ใน ค.ศ. 1627 ซึ่งทำให้ให้ราชบัลลังก์โบฮีเมียเปลี่ยนมาใช้ระบอบสืบราชสันตติวงศ์ ส่วนฮังการีนั้นเปลี่ยนมาใช้ระบอบสืบราชสันตติวงศ์เมื่อจักรพรรดิเลโอพ็อลท์ที่ 1 ทรงยึดดินแดนฮังการีเกือบทั้งหมดกลับมาจากชาวออตโตมันเติร์กได้ภายหลังยุทธการที่โมฮาช (ค.ศ. 1687) และทรงจัดประชุมสภาในนครเพรสบวร์ค
จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ทรงแบ่งราชวงศ์ฮาพส์บวร์คออกเป็นสองสาขาใน ค.ศ. 1556 ด้วยการยกออสเตรียและราชบัลลังก์จักรวรรดิให้กับพระราชอนุชา (ตามที่ตัดสินกันในการเลือกตั้งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 1531) และจักรวรรดิสเปนให้กับเฟลิเป พระราชโอรส สาขาสเปน (ปกครองเนเธอร์แลนด์ ราชอาณาจักรโปรตุเกสระหว่าง ค.ศ. 1580 ถึง 1640 และภูมิภาคเมซโซจอร์โน [ภาคใต้ของอิตาลี]) สิ้นสุดเชื้อสายลงใน ค.ศ. 1700 สาขาออสเตรีย (ปกครองจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ฮังการีและโบฮีเมีย) มีสาขาย่อยแตกออกไปจากสาขานี้อีก ซึ่งดำรงอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1564 ถึง 1665 แต่หลังจากนั้นก็รวมกันเป็นรัฐร่วมประมุขภายใต้ราชวงศ์เดียว
ชื่อของดินแดนองค์ประกอบ
ดินแดนภายใต้การการปกครองของรัฐราชาธิปไตยออสเตรียเปลี่ยนแปลงไปตลอดช่วงเวลาหลายศตวรรษ แต่แกนกลางนั้นประกอบไปด้วยดินแดนสี่ส่วนเสมอ:
ตลอดช่วงเวลาแห่งการดำรงอยู่ของรัฐราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค มีดินแดนอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คสาขาออสเตรียอยู่ชั่วขณะหนึ่ง (ดินแดนบางแห่งในรายชื่อด้านล่างนี้สืบทอดโดยหลักสิทธิของบุตรคนรอง [Secundogeniture] หรือก็คือถูกปกครองโดยสาขาอื่นของราชวงศ์ฮาพส์บวร์คที่ไม่ใช่สาขาหลักนั้นเอง) :
ขอบเขตของดินแดนเหล่านี้แตกต่างไปตามช่วงเวลา และบางดินแดนก็ถูกปกครองโดยสาขารอง (ผ่านทางหลักสิทธิของบุตรคนรอง) ของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค สมาชิกของราชวงศ์ยังทรงถือครองพระราชอิสริยยศจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ระหว่าง ค.ศ. 1438 ถึง 1740 และอีกครั้งจาก ค.ศ. 1745 ถึง 1806
ภายในรัฐราชาธิปไตยฮาพส์บวร์คในช่วงสมัยใหม่ตอนต้น หน่วยภาวะต่าง ๆ ถูกปกครองตามขนบธรรมเนียมปฏิบัติของตนเอง จนถึงช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ดินแดนต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ผู้ปกครองพระองค์เดียวกัน บ่อยครั้งที่เชื้อพระวงศ์ฮาพส์บวร์คสายรองได้ปกครองพื้นที่ส่วนหนึ่งของดินแดนสืบทอดในฐานะที่ดินส่วนพระองค์ (Apanages) ความพยายามรวมศูนย์อย่างจริงจังเริ่มขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา และโดยเฉพาะในรัชสมัยของจักรพรรดิโยเซ็ฟที่ 2 ผู้เป็นพระราชโอรส (ตรงกับช่วงกลางถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18) แต่ความพยายามดังกล่าวก็ถูกละทิ้งเมื่อเกิดการต่อต้านขนาดใหญ่ต่อความพยายามปฏิรูปเชิงรุนแรงของจักรพรรดิโยเซ็ฟที่ 2 กระนั้น นโยบายรวมศูนย์อย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าก็ยังคงได้รับการปฏิบัติสืบต่อมาในสมัยแห่งการปฏิวัติ (Revolutionary period) และสมัยเมทเทอร์นิช ที่ตามมา
ความพยายามรวมศูนย์ครั้งใหม่เริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1849 ภายหลังจากการปราบปรามกระแสการปฏิวัติ ค.ศ. 1848 นับเป็นครั้งแรกที่เหล่ารัฐมนตรีพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐราชาธิปไตยฮาพส์บวร์คไปเป็นรัฐที่มีระบบราชการแบบรวมศูนย์โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่กรุงเวียนนา กฎอัยการศึกถูกประกาศใช้ในพื้นที่ของราชอาณาจักรฮังการี ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเขตทหาร (Military districts) รัฐบาลรวมศูนย์ภายใต้แนวคิดสมบูรณาญาสิทธิราชย์ใหม่ (Neo-absolutism) พยายามทำให้รัฐธรรมนูญและสภาฮังการีมีผลเป็นโมฆะ แต่ภายหลังจากที่ราชวงศ์ฮาพส์บวร์คพ่ายแพ้ในสงครามประกาศอิสรภาพอิตาลีครั้งที่สอง และสงครามออสเตรีย-ปรัสเซียใน ค.ศ. 1859 และ 1866 ตามลำดับ ทำให้นโยบายเหล่านี้ค่อย ๆ ถูกยกเลิกไป
ภายหลังจากการทดลองในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1860 การประนีประนอมออสเตรีย-ฮังการี ค.ศ. 1867 อันโด่งดังจึงได้มีผลบังคับใช้ นำไปสู่การก่อตั้งรัฐราชาธิปไตยคู่ออสเตรีย-ฮังการี ในระบอบการปกครองใหม่นี้ ราชอาณาจักรฮังการี ("ดินแดนแห่งราชบัลลังก์เซนต์อิชต์วาน") ถือเป็นรัฐอธิปไตยที่มีศักดิ์เท่ากับออสเตรีย โดยมีเพียงความเป็นรัฐร่วมประมุขและนโยบายการต่างประเทศและการทหารร่วมกันเท่านั้นที่คอยเชื่อมโยงฮังการีเข้ากับดินแดนอื่น ๆ ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค อย่างไรก็ตาม แม้ดินแดนอื่น ๆ ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค (ยกเว้นฮังการี) จะถูกเรียกรวม ๆ กันว่า "ออสเตรีย" ก็ตาม แต่กระนั้นดินแดนเหล่านี้ก็มีรัฐสภากลาง (เรียกว่า ไรชส์ราค [Reichsrat; ราชสภา]) และคณะรัฐมนตรีเป็นของตนเอง อันจะเห็นได้จากชื่ออย่างเป็นทางการของดินแดนเหล่านี้ คือ "เหล่าราชอาณาจักรและดินแดนอันมีผู้แทนในราชสภา" ครั้นเมื่อบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาถูกผนวก (หลังจากตกอยู่ภายใต้การปกครองและยึดครองโดยทหาร มาเป็นระยะเวลานาน) ดินแดนดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกรวมเข้ากับพื้นที่ฝั่งใดของจักรวรรดิ หากแต่ถูกปกครองโดยกระทรวงการคลังร่วมของออสเตรีย-ฮังการี
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีล่มสลายลงจากปัญหาทางชาติพันธุ์หลายประการที่ไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งมาถึงจุดแตกหักเมื่อจักรวรรดิพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ภายหลังจากจักรวรรดิถูกยุบ จึงมีการสถาปนาสาธารณรัฐเยอรมันออสเตรีย (ในพื้นที่ของชาวออสเตรียผู้พูดภาษาเยอรมันของดินแดนสืบทอด) และสาธารณรัฐฮังการีที่หนึ่ง ขึ้นมาแทนที่ ในข้อตกลงสันติภาพที่ตามมาภายหลัง ดินแดนจำนวนหนึ่งได้ถูกยกให้กับโรมาเนีย และอิตาลี ส่วนที่เหลือของจักรวรรดิเดิมถูกแบ่งระหว่างประเทศใหม่ที่แยกตัวออกมา อันได้แก่ โปแลนด์ ราชอาณาจักรแห่งชาวเซิร์บ โครแอต และสโลวีน (ต่อมาคือยูโกสลาเวีย) และเชโกสโลวาเกีย
เมนูนำทาง
ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค ที่มาและการขยายดินแดนใกล้เคียง
ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ราชาธิราช ราชาธิปไตย ราชาธิปไตยของไอร์แลนด์ ราชาธิปไตยโดยเลือกตั้ง ราชาธิปไตยแบบสืบสันตติวงศ์ ราชาธิปไตยเดือนกรกฎาคม ราชาธิปไตยของปวงชน ราชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แหล่งที่มา
WikiPedia: ราชาธิปไตยฮาพส์บวร์ค http://www.britannica.com/EBchecked/topic/204416/F... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/44386/Au... http://www.wien-vienna.com/austrohungary.php http://worldheritage.heindorffhus.dk/frame-CzechRe... http://digitalcommons.usu.edu/cgi/viewcontent.cgi?... http://www.h-net.org/~habsweb/ https://books.google.com/books?id=1QXiWBGboHMC https://books.google.com/books?id=245lDwAAQBAJ&q=m... https://books.google.com/books?id=Cmm4J2Ug4o8C&pg=... https://books.google.com/books?id=GwV_DwAAQBAJ&q=F...