จุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองกาแลกติก ของ สงครามกลางเมืองกาแลกติก

พัลพาทีนกล่าวแถลงการณ์การสถาปนาจักรวรรดิกาแลกติก

การล่มสลายของสาธารณรัฐกาแลกติกในปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวินนั้นนำไปสู่การสถาปนาจักรวรรดิกาแลกติกภายใต้การนำของอดีตสมุหนายกพัลพาทีน ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นซิธลอร์ด พัลพาทีนอาศัยการฉ้อราษฎร์บังหลวงในสภากาแลกติกและความล้มเหลวทางการปกครอง กอปรกับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสงครามโคลนที่ก่อขึ้นเพื่ออาศัยความหวาดกลัวของประชาชนให้ได้มาซึ่งอำนาจ หลังจากพัลพาทีนได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้วก็ได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อยุติกระแสต่อต้านทั้งหลาย รวมไปถึงนิกายเจไดที่เป็นผู้พิทักษ์สาธารณรัฐมาช้านาน พัลพาทีนได้วางแผนจัดฉากว่าเหล่าเจไดคิดทรยศล้มล้างสภาและสังหารสมาชิกสภา จนนำไปสู่การออกคำสั่งที่ 66 และการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ เพื่อกำจัดเหล่าเจไดทั้งหลายจนเหลือรอดเพียงน้อยนิด เช่น อาจารย์เจได โอบีวัน เคโนบี และโยดา

ดาร์ธ เวเดอร์ ซึ่งเป็นศิษย์คนที่สามเท่าที่ปรากฏของจักรพรรดิ มีบทบาทสำคัญในการกวาดล้างเจไดและการสถาปนาจักรวรรดิ ก่อนที่เขาจะหันเข้าสู่ด้านมืดของพลังนั้น ดาร์ธ เวเดอร์เคยเป็นอัศวินเจไดชื่ออนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเป็นศิษย์พาดาวันของโอบีวัน เคโนบี ดาร์ธ เวเดอร์ได้ตามฆ่าเจไดจนเกือบหมดสิ้น และได้ประลองกระบี่แสงกับโอบีวันบนดาวมุสตาฟาร์จนพ่ายแพ้บาดเจ็บสาหัส ต้องสวมใส่อุปกรณ์ช่วยชีวิตตลอดไปหลังจากนั้น ภรรยาของอนาคินคือแพดเม่ อมิดาลาได้ให้กำเนิดบุตรและธิดารวมสองคนคือลุคและเลอา ซึ่งต่อมาทั้งสองจะได้เป็นผู้นำของพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐและนิกายเจไดใหม่ ลุคถูกโอเวน ลาร์สผู้เป็นลุงรับไปเลี้ยงบนดาวทาทูอีน และเลอาถูกวุฒิสมาชิกเบล ออร์กานา แห่งอัลเดอรานรับไปเลี้ยงร่วมกับเบรฮาภรรยา

หลังจากจักรวรรดิกาแลกติกได้รับการสถาปนาขึ้นแล้ว สภากาแลกติกก็ถูกปรับโครงสร้างให้เป็นสภาจักรวรรดิ แต่ต่อมาก็กลายเป็นระบอบการปกครองแบบกุมอำนาจเบ็ดเสร็จโดยจักรพรรดิในเวลาไม่นาน รูปแบบการปกครองของจักรวรรดิกาแลกติกภายใต้การปกครองของพัลพาทีนนั้นเชิดชูว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่น จนมีการนำเผ่าพันธุ์อื่นมาใช้เป็นแรงงานทาส กฎหมายห้ามการใช้ทาสถูกยกเลิกไปและการใช้แรงงานเผ่าพันธุ์อื่นก็กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย สุดท้ายแล้วยังผลให้เจ้าหน้าที่ในจักรวรรดิทั้งหมดเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ มีข้อยกเว้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่นจอมพลเรือธรอวน์ที่เป็นชาวชิสส์

การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จนี้ได้รับการหนุนหลังจากแนวคิดปรัชญาแบบทาร์คิน ซึ่งเป็นแนวคิดของข้าหลวงมอฟฟ์วิลฮัฟ ทาร์คิน แนวคิดนี้คือการใช้ความกลัวของกำลังแสนยานุภาพในการปกครองคน โดยไม่ต้องใช้กำลังแสนยานุภาพปกครองโดยตรง ซึ่งจำเป็นต้องมีกองทัพทหารและยานรบจำนวนมหาศาล ที่อ้างว่ามีไว้เพื่อใช้ปกครอง กองกำลังแสนยานุภาพนี้ประกอบไปด้วยกองทัพทหารของจักรวรรดิคือกองทัพสตอร์มทรูปเปอร์ และกองยานรบเช่นยานพิฆาตดาราแห่งกองทัพเรือ และพาหนะที่น่าหวาดกลัวมากมายเช่นยานรบหุ้มเกราะเอที-เอที (AT-AT; All Terrain Armored Transport) แห่งกองทัพบก ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มีขึ้นเพื่อสร้างความกลัวพอๆ กับที่มีขึ้นเพื่อต่อสู้กับศัตรู แนวคิดนี้บรรลุจุดสูงสุดเมื่อการก่อสร้างอาวุธทำลายล้างอย่างดาวมรณะสำเร็จสมบูรณ์ ดาวมรณะนี้มีที่มาในการก่อสร้างตั้งแต่สมัยวิกฤติการณ์การแบ่งแยกดินแดน โดยมีอาร์ชดยุกพ็อกเกิล เดอะ เลซเซอร์ แห่งจีโอโนซิสเป็นผู้ร่วมออกแบบก่อสร้างอาวุธทำลายล้างที่ต่อมาจะถูกพัฒนาเป็นดาวมรณะ

ใกล้เคียง

สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามเวียดนาม สงครามกลางเมืองอเมริกา สงครามแปซิฟิก สงครามเกาหลี สงครามอ่าว สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สงครามครูเสด สงครามกัมพูชา–เวียดนาม