การรบ ของ สงครามท่าดินแดง

กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพจากกรุงเทพฯจำนวน 30,000 คน ทางชลมารคไปยังเมืองไทรโยคในเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. 2330 เมื่อถึงเมืองไทรโยคกรมพระราชวังบวรฯมีพระราชบัณฑูรให้พระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากร และเจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน) ยกทัพหน้าจำนวน 20,000 คน ล่วงหน้าไป พบกับทัพพม่าที่สามประสบ เพื่อโจมตีทัพพม่าให้พ่ายแพ้ไปตั้งแต่ที่ชายแดนโดยไม่ให้ทัพพม่าเข้าในเขตแดนดังเช่นในคราวก่อน[1] พระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากร และเจ้าพระยารัตนาพิพิธตั้งค่ายที่สามประสบ ทัพของกรมพระราชวังบวรฯตั้งห่างจากทัพหน้าลงมาเป็นระยะทาง 50 เส้น[2] พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯเสด็จยกทัพหลวงทางชลมารคถึงเมืองไทรโยค แล้วยกขึ้นเป็นทัพบกเสด็จไปตั้งทัพห่างจากทัพของกรมพระราชวังบวรฯลงมา 70 เส้น[2] จากนั้นมีพระราชโองการให้แม่ทัพนายกองทัพหลวงยกแยกออกไปตั้งประชิดกับทัพพม่าที่ท่าดินแดง

ในวันพุธ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 4 (มีนาคม พ.ศ. 2330) ทัพฝ่ายไทยเข้าโจมตีทัพฝ่ายพม่าพร้อมกันทั้งทีท่าดินแดงและสามประสบ การสู้รบกินเวลาทั้งกลางวันและกลางคืนมีการยิ่งปืนใหญ่ใส่กันและกัน การสู้รบใช้เวลาประมาณสามวันจนกระทั่งในวันศุกร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 4 ทัพพม่าแตกพ่ายถอยร่นไป ฝ่ายเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชทรงทราบว่าทัพหน้าของเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นพ่ายแพ้ถอยมาแล้วจึงมีพระบัญชาให้ถอยทัพกลับไปยังเมืองเมาะตะมะเช่นกัน ทัพฝ่ายไทยยกติดตามไปสังหารทหารพม่าจำนวนและติดตามไปจนถึงแม่น้ำแม่กษัตริย์ซึ่งทัพของเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชตั้งอยู่ จากนั้นมีพระราชโองการให้เผาทำลายยุ้งฉางที่เก็บเสบียงของพม่าจนหมดสิ้น แล้วจึงยกทัพกลับพระนคร

ใกล้เคียง

สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามเวียดนาม สงครามกลางเมืองอเมริกา สงครามแปซิฟิก สงครามเกาหลี สงครามอ่าว สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สงครามครูเสด สงครามกัมพูชา–เวียดนาม