เมนูนำทาง
สหประชาชาติ องค์กรระบบสหประชาชาติอยู่บนพื้นฐานของ 5 เสาหลัก (ไม่นับรวมคณะมนตรีภาวะทรัสตีแห่งสหประชาชาติ ซึ่งยุติการปฏิบัติงานไปใน ค.ศ. 1994[7]) ได้แก่ สมัชชาใหญ่ คณะมนตรีความมั่นคง คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม สำนักเลขาธิการและศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ สี่องค์กรในจำนวนนี้มีที่ทำการในสำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนครนิวยอร์ก ส่วนศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ส่วนองค์กรย่อย ๆ ตั้งอยู่ที่เจนีวา เวียนนาและไนโรบี รวมไปถึงเมืองอื่น ๆ ทั่วโลก
สหประชาชาติมีธง ที่ทำการไปรษณีย์ และดวงตราไปรษณียากรของตนเอง ภาษาทางการที่ใช้มีอยู่ 6 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ภาษารัสเซีย ภาษาจีน และภาษาอาหรับ[8] โดยที่ภาษาอาหรับได้ถูกเพิ่มเข้ามาหลังสุด เมื่อปี ค.ศ. 1973 ส่วนสำนักเลขาธิการนั้นใช้ 2 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษที่กำหนดให้เป็นมาตรฐาน คือ อังกฤษบริติช และการสะกดแบบออกซ์ฟอร์ด ส่วนภาษาจีนมาตรฐาน คือ อักษรจีนตัวย่อ ซึ่งเปลี่ยนมาจาก อักษรจีนตัวเต็ม ใน ค.ศ. 1971 เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นสมาชิกสหประชาชาติแทนสาธารณรัฐจีน
สมัชชาใหญ่เป็นที่ประชุมซึ่งรัฐสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดประชุมกันเป็นประจำในสมัยประชุมประจำปีภายใต้ประธานซึ่งเลือกตั้งมาจากรัฐสมาชิก ในช่วงเปิดสมัยประชุมแต่ละสมัยเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ สมาชิกทั้งหมดมีโอกาสจะเสนอญัตติแก่สมัชชาได้ สมัยประชุมแรกมีขึ้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1946 ในเวสต์มินสเตอร์เซ็นทรัลฮอลล์ ในกรุงลอนดอน ซึ่งในขณะนั้นมีสมาชิก 51 ประเทศ
เมื่อสมัชชาใหญ่ลงมติต่อปัญหาที่สำคัญ จะต้องมีการลงมติและได้รับเสียงส่วนใหญ่เกินสองในสามของรัฐสมาชิกที่มาประชุม ตัวอย่างปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ การแนะนำต่อสันติภาพและความมั่นคง การเลือกตั้งสมาชิกองค์กร การรับเข้า การระงับและการขับสมาชิก และประเด็นด้านงบประมาณ ส่วนปัญหาอื่นทั้งหมดตัดสินโดยใช้มติเสียงข้างมาก รัฐสมาชิกแต่ละประเทศมีหนึ่งเสียง นอกเหนือไปจากการอนุมัติประเด็นทางงบประมาณ ข้อมติสมัชชาใหญ่ไม่มีผลผูกมัดต่อสมาชิก สมัชชาใหญ่อาจเสนอคำแนะนำต่อปัญหาใด ๆ ภายใต้ขอบเขตของสหประชาชาติ ยกเว้นประเด็นด้านสันติภาพและความมั่นคงซึ่งอยู่ภายใต้การพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคง
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีหน้าที่ดำรงรักษาสันติภาพและความปลอดภัยแก่ประเทศสมาชิก ขณะที่ส่วนอื่น ๆ ของสหประชาชาติสามารถเพียงให้คำแนะนำแก่รัฐบาลของประเทศสมาชิก แต่คณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจที่จะผูกมัดประเทศสมาชิกให้ปฏิบัติตามการตัดสินใจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติตามข้อตกลงในกฎบัตรข้อที่ 25[9] โดยผลการตัดสินใจของคณะมนตรีความมั่นคง เรียกว่า มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศ ได้แก่ สมาชิกถาวร 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา และสมาชิกไม่ถาวรอีก 10 ประเทศ ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วยชาด ไนจีเรีย แองโกลา จอร์แดน มาเลเซีย ชิลี เวเนซุเอลา นิวซีแลนด์ สเปน และลิทัวเนีย[10] สมาชิกถาวรทั้งห้าประเทศมีสิทธิ์ที่จะใช้อำนาจยับยั้งการนำไปใช้ แต่ไม่ใช่การยับยั้งมติโดยรวม ส่วนสมาชิกไม่ถาวรทั้งสิบประเทศจะอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี ซึ่งได้รับเลือกจากสมัชชาใหญ่โดยใช้เกณฑ์ตามภูมิภาค ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะหมุนเวียนตามตัวอักษรทุกเดือน[11]
สำนักเลขาธิการสหประชาชาติมีเลขาธิการสหประชาชาติเป็นประธาน ได้รับการสนับสนุนโดยเจ้าหน้าที่พลเรือนทั่วโลก มีหน้าที่ศึกษา รวบรวมข้อมูลและอำนวยความสะดวกให้แก่การประชุม และยังมีหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติและส่วนอื่น ๆ ขององค์การ กฎบัตรสหประชาชาติได้ระบุถึงเจ้าหน้าที่ที่ได้รับเลือกว่าต้องมี "มาตรฐานประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด มีความสามารถและความซื่อสัตย์" และความสำคัญในการคัดเลือกคนที่มาจากพื้นฐานภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน
กฎบัตรสหประชาชาติยังได้กำหนดด้วยว่าเจ้าหน้าที่จะต้องไม่แสวงหาหรือรับคำสั่งจากอำนาจใดนอกเหนือจากองค์การสหประชาชาติ ประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติทุกประเทศจะต้องเคารพความเป็นสากลของสำนักเลขาธิการสหประชาชาติและจะต้องไม่มุ่งมีอิทธิพลเหนือเจ้าหน้าที่ของสำนักเลขาธิการเป็นอันขาด โดยเลขาธิการสหประชาชาติจะเป็นผู้คัดเลือกเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติแต่เพียงผู้เดียว
สถานที่ทำการของสำนักเลขาธิการสหประชาชาติอยู่ในพื้นที่ของสำนักงานประสานกิจการมนุษยชาติและสำนักงานควบคุมปฏิบัติการรักษาสันติภาพ
เลขาธิการทำหน้าที่เสมือนเป็นโฆษกและผู้นำองค์การสหประชาชาติโดยพฤตินัย เลขาธิการองค์การสหประชาชาติคนปัจจุบัน คือ อังตอนียู กูแตรึช ซึ่งรับตำแหน่งต่อจากปัน คี มูน ใน ค.ศ. 2017 [12]
ตำแหน่งนี้ ซึ่งแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์มองว่าเป็น "ผู้ดูแลโลก" ถูกนิยามไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติว่าเป็น "ผู้นำการบริหารขององค์การ" และกฎบัตรยังได้ระบุว่าเลขาธิการสหประชาชาติสามารถยก "ปัญหาใด ๆ ที่เขาเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อสันติภาพและความมั่นคงของนานาชาติ" ขึ้นเพื่อให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติพิจารณาได้ ทำให้บทบาทของเลขาธิการสหประชาชาติมีขอบเขตกว้างขวางมากขึ้นในเวทีโลก ตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติจึงมีสองบทบาท ทั้งผู้บริหารสหประชาชาติ และนักการทูตหรือผู้ไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทระหว่างประเทศสมาชิก และหาข้อยุติให้กับปัญหาระดับโลก[13] เลขาธิการสหประชาชาติมีหน้าที่ที่จะควบคุมปฏิบัติการรักษาสันติภาพ การควบคุมองค์กรสากล การรวบรวมข้อมูลจากข้อตัดสินใจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและพูดคุยกับผู้นำรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ
เลขาธิการสหประชาชาติถูกแต่งตั้งจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หลังจากที่ได้รับมติมาจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ การเลือกเลขาธิการสหประชาชาติมีสิทธิ์ถูกยับยั้งจากสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ[14] และตามทฤษฎีแล้ว สมัชชาใหญ่จะสามารถเปลี่ยนการสนับสนุนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ หากไม่ได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ แต่ก็ยังไม่เคยเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น[15] ตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติไม่ได้ถูกกำหนดคุณสมบัติแน่ชัด แต่เป็นที่ยอมรับกันว่าอยู่ในตำแหน่งวาระละห้าปีได้หนึ่งหรือสองวาระ ตำแหน่งควรจะเวียนไปตามภูมิภาคของโลก และต้องไม่ได้มาจากประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ[15]
รายนามเลขาธิการสหประชาชาติ[16]คนที่ | ชื่อ | สัญชาติ | เข้ารับตำแหน่ง | พ้นจากตำแหน่ง | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
1 | ทริกเวอ ลี | นอร์เวย์ | 2 กุมภาพันธ์ 1946 | 10 พฤศจิกายน 1952 | ลาออก |
2 | ด๊าก ฮัมมาร์เฮิลด์ | สวีเดน | 10 เมษายน 1953 | 18 กันยายน 1961 | อสัญกรรมขณะดำรงตำแหน่ง |
3 | อู้ตั่น | พม่า | 30 พฤศจิกายน 1961 | 31 ธันวาคม 1971 | เลขาธิการคนแรกจากทวีปเอเชีย |
4 | ควร์ท วัลท์ไฮม์ | ออสเตรีย | 1 มกราคม 1972 | 31 ธันวาคม 1981 | |
5 | ฆาบิเอร์ เปเรซ เด กูเอยาร์ | เปรู | 1 มกราคม 1982 | 31 ธันวาคม 1991 | เลขาธิการคนแรกจากทวีปอเมริกาใต้ |
6 | บุฏรุส บุฏรุส-ฆอลี | อียิปต์ | 1 มกราคม 1992 | 31 ธันวาคม 1996 | เลขาธิการคนแรกจากทวีปแอฟริกา |
7 | โคฟี แอนนัน | กานา | 1 มกราคม 1997 | 31 ธันวาคม 2006 | |
8 | พัน กี-มุน | เกาหลีใต้ | 1 มกราคม 2007 | 31 ธันวาคม 2016 | |
9 | อังตอนียู กูแตรึช | โปรตุเกส | 1 มกราคม 2017 | อยู่ในตำแหน่ง |
คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติมีส่วนช่วยเหลือสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในการให้ความสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมและการพัฒนา คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติประกอบด้วยประเทศสมาชิกทั้งหมด 54 ประเทศ ซึ่งได้รับเลือกจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติวาระละสามปี ส่วนประธานมีวาระหนึ่งปีและได้รับเลือกจากประเทศขนาดเล็กหรือขนาดกลางเพื่อเป็นผู้แทนของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติจัดการประชุมขึ้นทุกปี เมื่อถึงเดือนกรกฎาคม เป็นเวลาสี่สัปดาห์ แต่หลังจากปี ค.ศ. 1998 เป็นต้นมา ได้มีการจัดการประชุมขึ้นอีกครั้งหนึ่งในเดือนเมษายน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติมีหน้าที่รวบรวมและให้การแนะนำประเทศสมาชิก โดยคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติเป็นความร่วมมือทางนโยบายที่ดีที่สุด และมีผลงานมากที่สุดในองค์การสหประชาชาติ
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการตัดสินปัญหาของสหประชาชาติ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1945 จากผลของกฎบัตรสหประชาชาติ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเริ่มทำหน้าที่ในปี ค.ศ. 1946 แทนศาลยุติธรรมถาวรระหว่างประเทศ อนุสาวรีย์ของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งคล้ายกับศาลยุติธรรมถาวรระหว่างประเทศก่อนหน้า คือ ข้อความรัฐธรรมนูญที่วางระเบียบของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ[17]
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตั้งอยู่ในพระราชวังสันติภาพ ในกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นอาคารที่ตั้งของสถาบันกฎหมายนานาชาติเฮก ซึ่งเป็นสถานที่ของเอกชนในการศึกษากฎหมายนานาชาติ ผู้พิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหลายคนเป็นนิสิตเก่าหรือคณะครูในสถาบันแห่งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อพิจารณาความขัดแย้งระหว่างรัฐ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมสงคราม การเข้าไปสอดแทรกกิจการภายในรัฐ และการล้างชาติพันธุ์ เป็นต้น[18]
นอกจากนี้ ยังมีศาลที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกัน คือ ศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งเริ่มดำเนินการเมื่อปี ค.ศ. 2002 ผ่านทางการอภิปรายหลายครั้งของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาลถาวรระหว่างประเทศที่ลงโทษผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายสากล รวมไปถึงอาชญากรรมสงครามและการล้างชาติพันธุ์ ศาลอาญาระหว่างประเทศถือว่าเป็นเอกภาพ ทั้งจากลักษณะโดยรวมและทางการเงิน แต่การประชุมบางคราวของโครงสร้างศาลอาญาระหว่างประเทศ คณะสมัชชาแห่งชาติถูกจัดขึ้นที่สหประชาชาติ ซึ่งมี "ข้อตกลงความสัมพันธ์" ระหว่างศาลอาญาระหว่างประเทศกับสหประชาชาติซึ่งทั้งสองต่างก็ยอมรับกันทางกฎหมาย[19]
นอกจาก 5 เสาหลักของสหประชาชาติแล้ว ยังมีหน่วยงานพิเศษของสหประชาชาติที่ทำหน้าที่แตกต่างออกไป ซึ่งเป็นไปตามกำหนดของกฎบัตรสหประชาชาติว่า เสาหลักของสหประชาชาติสามารถก่อตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาเพื่อเติมเต็มการทำหน้าที่ของตัวเองได้ หน่วยงานเหล่านั้นประกอบด้วย
No. | ชื่อย่อ | โลโก้ | หน่วยงาน | สำนักงานใหญ่ | ปีก่อตั้ง (ค.ศ.) |
---|---|---|---|---|---|
1 | FAO | Food and Agriculture Organization | องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization) | กรุงโรม ประเทศอิตาลี | 1945 |
2 | IAEA | International Atomic Energy Agency | ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency) | เวียนนา ประเทศออสเตรีย | 1957 |
3 | ICAO | International Civil Aviation Organization | องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization) | มอนทรีออล ประเทศแคนาดา | 1947 |
4 | IFAD | กองทุนระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม (International Fund for Agricultural Development) | กรุงโรม ประเทศอิตาลี | 1977 | |
5 | ILO | International Labour Organization | องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization) | เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | 1946 (1919) |
6 | IMO | International Maritime Organization | องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization) | ลอนดอน สหราชอาณาจักร | 1948 |
7 | IMF | International Monetary Fund | กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund) | วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา | 1945 (1944) |
8 | ITU | สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union) | เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | 1947 (1865) | |
9 | UNESCO | United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization | องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) | ปารีส ประเทศฝรั่งเศส | 1946 |
10 | UNIDO | องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization) | เวียนนา ประเทศออสเตรีย | 1967 | |
11 | UNWTO | องค์การการท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organization) | มาดริด ประเทศสเปน | 1974 | |
12 | UPU | Universal Postal Union | สหภาพไปรษณีย์สากล (Universal Postal Union) | เบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | 1947 (1874) |
13 | WB | เครือธนาคารโลก (World Bank Group) | วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา | 1945 (1944) | |
14 | WFP | โครงการอาหารโลก (World Food Programme) | กรุงโรม ประเทศอิตาลี | 1963 | |
15 | WHO | World Health Organization | องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) | เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | 1948 |
16 | WIPO | องค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (World Intellectual Property Organization) | เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | 1974 | |
17 | WMO | World Meteorological Organization | องค์กรอุตุนิยมวิทยาโลก ( World Meteorological Organization) | เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | 1950 (1873) |
เมนูนำทาง
สหประชาชาติ องค์กรใกล้เคียง
สหประชาชาติ สหประชาชาติจำลอง วันสหประชาชาติ สีประจำวันในประเทศไทย สีประจำโรงเรียน สนประดิพัทธ์ สุประวัติ ปัทมสูต สมประสงค์ สิงหวนวัฒน์ สีประจำชาติ สุประวีณ์ มีประทังแหล่งที่มา
WikiPedia: สหประชาชาติ http://elearning.security-research.at/flash/un http://www.ag.gov.au/agd/WWW/unoilforfoodinquiry.n... http://www.eqrolc.ca/ http://foreignpolicy.com/story/cms.php?story_id=34 http://books.google.com/books?id=1e13PNeB4DIC&pg=P... http://hanskoechler.com/koechler-quo-vadis-UN.htm http://www.iht.com/articles/2006/05/08/news/abuse.... http://www.iht.com/articles/ap/2007/11/02/news/UN-... http://www.innercitypress.com/ http://www.nytimes.com/2006/02/26/opinion/26sun2.h...