ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสภาพเศรษฐกิจของโลก ของ สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่สอง

สนธิสัญญาแวร์ซาย

ดูบทความหลักที่: สนธิสัญญาแวร์ซาย

สนธิสัญญาแวร์ซายมิได้ประนีประนอมให้แก่เยอรมนีแต่อย่างใด ฝ่ายพันธมิตรผู้ชนะสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อป้องกันมิให้เยอรมนีกลับขึ้นมาท้าทายอำนาจในทวีปยุโรปอีกครั้ง

สนธิสัญญาแวร์ซายถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูว่าเป็นมลทินของสงคราม เพราะเป็นการโยนความผิดให้แก่จักรวรรดิเยอรมนีและจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีเดิม และลงโทษอย่างหนักเพื่อเรียกร้องให้พวกเขารับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสงคราม โดยผู้ชนะสงครามได้หวังว่าสนธิสัญญานี้จะได้กลายเป็นสิ่งที่สามารถธำรงสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลกได้ ผลที่ตามมมา คือ เยอรมนีจำเป็นต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามเป็นจำนวนมหาศาล การสูญเสียดินแดนอาณานิคมทั้งหมด การจัดระเบียบทางเชื้อชาติขนานใหญ่ หลังจากนั้น เศรษฐกิจเยอรมันก็ร่วงดิ่งลงไปอย่างหนัก อัตราเงินเฟ้อสูงลิบ สาธารณรัฐไวมาร์จำเป็นต้องพิมพ์ธนบัตรกว่าล้านล้านฉบับออกมาและต้องกู้ยืมเงินจำนวนมหาศาลจากสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้หนี้แก่สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

สนธิสัญญาแวร์วายนั้นก่อให้เกิดความขมขื่นแก่ประชาชนผู้แพ้สงคราม แม้ว่าฝ่ายพันธมิตรผู้ชนะสงครามจะให้สัญญาแก่ประชาชนชาวเยอรมันว่าแนวทาง หลักการสิบสี่ข้อ ของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา วูดโรว์ วิลสัน จะเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่สันติภาพ ชาวเยอรมันส่วนมากเข้าใจว่ารัฐบาลเยอรมันได้ตกลงในสนธิสัญญาสงบศึกตามความเข้าใจนี้ ขณะที่ส่วนอื่นได้เข้าใจว่า การปฏิวัติเยอรมนี ได้ถูกก่อขึ้นโดย "กลุ่มอาชญากรเดือนพฤศจิกายน" ผู้ซึ่งต่อมาในมีตำแหน่งในสภาของสาธารณรัฐไวมาร์ วิลสันนั้นไม่สามารถเชิญชวนให้ฝ่ายพันธมิตรยอมปฏิบัติตามข้อเสนอของเขา และไม่สามารถชักจูงให้รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาให้ลงมติยอมเข้าร่วมกับสันนิบาตชาติ

ฝ่ายพันธมิตรมิได้ครอบครองส่วนใด ๆ ของเยอรมนี แม้ว่าจะมีการรบในแนวรบด้านตะวันตกมาเป็นเวลาหลายปี มีเพียงแต่อาณานิคมโพ้นทะเลของเยอรมนีเท่านั้นที่ถูกยึดครอง และอิตาลีก็ได้แคว้นทีรอลตอนใต้ไปหลังจากการเจรจาเริ่มต้น สงครามในแนวรบด้านตะวันออกทำให้จักรวรรดิรัสเซียล่มสลาย และทำให้เยอรมนีได้รับดินแดนมหาศาลทางยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก

ยังมีผู้ที่มองสนธิสัญญาแวร์ซายตรงกันข้ามว่าสนธิสัญญาดังกล่าวไม่ได้ทำให้เยอรมนีต้องประสบกับความยากลำบากมากแต่ประการใด เพราะว่าเยอรมนียังคงสามารถกลับมาเป็นชาติมหาอำนาจที่คอยท้าทายมหาอำนาจตะวันตกอีกครั้ง ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของฝ่ายพันธมิตร อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทำให้ผลของสนธิสัญญาแวร์ซายไม่กระจ่างชัด โดยเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด คือ การแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ และสนธิสัญญาแวร์ซายก็เป็นหนึ่งในตัวการของการขึ้นสู่อำนาจของพรรคนาซี

การแข่งขันทางเศรษฐกิจ

แผนที่โลกปี 1900 ซึ่งชาติตะวันตกแสวงหาอาณานิคมของโลก

นอกจากทรัพยากรถ่านหินและเหล็กในปริมาณน้อยนิด ญี่ปุ่นนับได้ว่าเป็นประเทศที่ขาดแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ญี่ปุ่นในสมัยนั้น เป็นเพียงประเทศเดียวในทวีปเอเชียซึ่งมีความเจริญทางด้านอุตสาหกรรมจนทัดเทียมประเทศตะวันตก เกรงว่าตนจะขาดแคลนวัตถุดิบเพื่อเตรียมการทำสงครามกับสหภาพโซเวียต ญี่ปุ่นนั้นได้วางเป้าหมายโดยการเสาะแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มเติม ญี่ปุ่นบุกครองแมนจูเรีย ในปี ค.ศ. 1931 เพื่อนำวัตถุดิบไปป้อนให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมของตนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ พวกชาตินิยมจีนทางตอนใต้ของแมนจูเรียได้พยายามขับไล่กองทัพญี่ปุ่นออกไป สงครามครั้งนี้กินเวลาไปสามเดือนและสามารถผลักดันกองทัพจีนลงมไปทางใต้ แต่ว่าเมื่อวัตถุดิบที่ได้รับในแคว้นแมนจูเรียก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นจึงวางแผนที่จะเสาะหาวัตถุดิบเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ทรัพยากรน้ำมัน

เพื่อที่จะเยียวยาความเสียหายดังกล่าวและเพื่อเป็นการรักษาแหล่งทรัพยากรน้ำมันและทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ อาจทำให้ญี่ปุ่นต้องเผชิญหน้ากับการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ซึ่งยังครอบครองแหล่งน้ำมันอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างเช่น หมู่เกาะอินเดียตะวันออกของดัตช์ โดยการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการล่าอาณานิคมของตะวันตกอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งกับสหรัฐอเมริกาได้ เมื่อเดือนสิงหาคม 1941 สหรัฐอเมริกาซึ่งนำเข้าน้ำมันจากญี่ปุ่นเป็นจำนวนกว่า 80% ได้ประกาศคว่ำบาตรทางการค้า ทำให้เศรษฐกิจและกำลังทหารของญี่ปุ่นกลายเป็นอัมพาต ญี่ปุ่นมีทางเลือก คือ ยอมเอาใจสหรัฐอเมริกา เจรจาประนีประนอม หาแหล่งทรัพยากรอื่นหรือใช้กำลังทหารเข้ายึดแหล่งทรัพยากรตามแผนการเดิม ญี่ปุ่นได้ตกลงใจเลือกทางเลือกสุดท้าย และหวังว่ากองกำลังของตนจะสามารถทำลายสหรัฐอเมริกาได้นานพอที่จะบรรลุวัตถุประสงค์เดิม ดังนั้นญี่ปุ่นจึงโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่เพิร์ล ฮาเบอร์ ในวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ซึ่งได้กลายมาเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงของญี่ปุ่น

สันนิบาตชาติ

ดูบทความหลักที่: สันนิบาตชาติ

สันนิบาตชาติ คือ องค์การระหว่างประเทศซึ่งจัดตั้งขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เพื่อป้องกันสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แนวทางปฏิบัติของสันนิบาตชาติ คือ การจำกัดอาวุธ โดยใช้หลักการ ความมั่นคงส่วนรวม การระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยการเจรจาทางการทูตและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรโลก ปรัชญาทางการทูตของสันนิบาตชาติได้แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของรากเหง้าทางความคิดกว่า 100 ปีก่อนหน้านี้ ปรัชญาเก่า ได้เริ่มขึ้นจาก การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา ในปี ค.ศ. 1815 ซึ่งทวีปยุโรปได้มีการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตในหลายประเทศ และทำให้เกิดการถ่วงดุลอำนาจและข้อตกลงลับระหว่างพรรคพวก ภายใต้ปรัชญาใหม่ สันนิบาตชาติ คือ รัฐบาลที่ปกครองรัฐบาล เพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างประเทศในการเปิดกระทู้ถาม แรงกระตุ้นที่ทำให้เกิดสันนิบาตชาติ คือ ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน ถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมิได้เข้าร่วมก็ตาม เหตุการณ์ซึ่งตามมาภายหลังได้ให้บทเรียนแก่สมาชิกของสันนิบาตชาติว่าการพัฒนาทางอุตสาหกรรมและอำนาจทางทหารจะมีอำนาจเหนือกว่าความต้องการของสันนิบาติชาติ

สันนิบาตชาติมีกำลังทหารไม่เพียงพอ ต้องขึ้นอยู่กับความตั้งใจของสมาชิกสันนิบาตชาติ การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจซึ่งทางสันนิบาตสั่งให้ทำ หรือเพิ่มเติมกำลังทหารให้แก่สันนิบาต ซึ่งส่วนใหญ่สมาชิกไม่เต็มใจที่จะทำ

หลังจากความสำเร็จจำนวนมากและความล้มเหลวเพียงเล็กน้อยของสันนิบาตชาติในช่วงคริสต์ทษวรรษ 1920 สันนิบาตชาติก็ไม่อาจป้องกันความรุนแรงของมหาอำนาจอักษะ ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 ได้เลย เนื่องจากสหรัฐอเมริกาไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความอ่อนแอของกองทัพและความเห็นแก่ตัวซึ่งยังคงดำเนินต่อไปนั้นหมายความว่าสันนิบาตชาติย่อมถึงคราวล่มสลาย

ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่

สืบเนื่องมาจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กของสหรัฐอเมริกาล่มในปี ค.ศ. 1929 ได้ก่อให้เกิดผลกระทบทั่วทั้งโลก กลุ่มประเทศในทวีปยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ เยอรมนี ได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งได้นำไปสู่การตกงาน ความยากจนและการก่อจลาจลไม่สิ้นสุด และความรู้สึกหมดหวัง ก็ได้ทำให้ในเยอรมนี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้รับการเลือกตั้งอย่างถล่มถลายและขึ้นสู่อำนาจในเยอรมนี รวมไปถึงผู้นำเผด็จการอื่น ๆ ในสมัยนั้น

สงครามกลางเมืองยุโรป

ดูบทความหลักที่: สงครามกลางเมืองยุโรป

โรงเรียนบางแห่งได้อธิบายถึงสงครามโลกครั้งที่สองว่าเป็นการทำให้สงครามกลางเมืองยุโรปขยายวงกว้างขึ้นนับตั้งแต่สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ในวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 ซึ่งได้ก่อให้เกิดผลกระทบแก่ทวีปยุโรปไม่มากก็น้อย รวมไปถึง สงครามกลางเมืองสเปนและสงครามกลางเมืองรัสเซีย

ใกล้เคียง

สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่สอง สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สาเหตุไข้หวัด สาเหตุการเกิดหลุมยุบ สาเหตุของโรคตับแข็ง ความสมเหตุสมผลภายใน ความสมเหตุสมผลเชิงสถิติของข้อสรุป ความสมเหตุสมผล (แก้ความกำกวม) ความสมเหตุสมผลทางนิเวศ ความสมเหตุสมผลภายนอก

แหล่งที่มา

WikiPedia: สาเหตุของสงครามโลกครั้งที่สอง http://books.google.com/books?id=u5KgAAAACAAJ&dq=M... http://www.historychannel.com/thcsearch/thc_resour... http://online.wsj.com/article/SB120481455326416671... http://www.american.edu/ted/ice/saar.htm http://www.calvin.edu/academic/cas/gpa/goeb21.htm http://www.uhpress.hawaii.edu/cart/shopcore/?db_na... http://search.japantimes.co.jp/cgi-bin/fb20070311a... http://www.winstonchurchill.org/i4a/pages/index.cf... http://www.worldfuturefund.org/wffmaster/Reading/G... http://www.st-andrews.ac.uk/~pv/munich/doclist.htm...