บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
เจียง ไคเชก (
อักษรโรมัน: Chiang Kai-shek; 31 ตุลาคม ค.ศ. 1887 — 5 เมษายน ค.ศ. 1975) หรือชื่อตาม
ภาษาจีนมาตรฐาน คือ
เจี่ยง จงเจิ้ง (蔣中正) หรือ
เจี่ยง เจี้ยฉือ (蔣介石) เป็นชาวจีนที่เป็นนักการเมืองฝ่ายชาตินิยม นักปฏิวัติ และผู้นำทหารที่ทำหน้าที่เป็น
ผู้นำแห่งสาธารณรัฐจีนในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1928 ถึง ค.ศ. 1975 ครั้งแรกใน
จีนแผ่นดินใหญ่จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1949 ต่อมาที่เกาะ
ไต้หวันจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมเขาเกิดในมณฑลเจ๊เกี๋ยง(
เจ้อเจียง) เจียงเป็นสมาชิก
พรรคก๊กมินตั๋ง(KMT) และเป็นนายทหารระดับยศร้อยโทของ
ดร.ซุน ยัตเซ็นในการปฏิวัติโค่นล้มอำนาจ
รัฐบาลเป่ย์หยางและรวมชาติจีนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ด้วยความช่วยเหลือจากโซเวียตและ
คอมมิวนิสต์(พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC)) เจียงได้จัดตั้งกองทัพใหม่ให้อยู่ภายใต้รัฐบาลชาตินิยมกวางตุ้งของดร.ซุน และหัวหน้า
โรงเรียนการทหารหวงผู่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของ
กองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีน(จากที่เขาขึ้นดำรงตำแหน่งที่เป็นที่รู้จักกันคือ
จอมพลสูงสุด) เขานำ
การกรีฑาทัพขึ้นเหนือ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง 1928 ก่อนที่จะเอาชนะกลุ่มพันธมิตรขุนศึกต่างๆและรวมชาติจีนให้อยู่ภายใต้รัฐบาลชาตินิยมใหม่ ครึ่งทางของการทัพ
ความเป็นพันธมิตรของพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แตกหักกันและเจียงได้ทำ
การปราบปรามคอมมิวนิสต์ภายในพรรค ก่อให้เกิด
สงครามกลางเมืองกับ
พรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งในที่สุดเขาได้ประสบความพ่ายแพ้ในปี ค.ศ. 1949 ในฐานะที่เป็นผู้นำแห่งสาธารณรัฐจีนใน
ทศวรรษหนานจิง เจียงพยายามที่จะรักษาความสมดุลที่ยากลำบากระหว่างการปรับปรุงจีนให้มีความทันสมัย ในขณะเดียวกันก็ทุ่มเททรัพยากรเพื่อปกป้องประเทศชาติจาก
ภัยคุกคามจากญี่ปุ่นที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงได้พยายามหลีกเลี่ยงการทำสงครามกับญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันก็ได้ทำสงครามปราบปรามคอมมิวนิสต์จีนต่อไป เขาได้ถูกจับตัวใน
อุบัติการณ์ซีอานและจำเป็นต้องจัดตั้ง
แนวร่วมต่อต้านญี่ปุ่นกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ภายหลังจาก
เหตุการณ์สะพานมาร์โค โปโลในปี ค.ศ. 1937 เขาได้ระดมพลทหารจีนสำหรับ
สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง เป็นเวลาแปดปีที่เขานำสงครามต่อต้านกับศัตรูที่มีความได้เปรียบที่เหนือกว่ามาก ส่วนใหญ่มาจากเมืองหลวง
ฉงชิ่งในยามสงคราม ในฐานะผู้นำของ
ฝ่ายสัมพันธมิตรที่สำคัญ เจียงได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ
วินสตัน เชอร์ชิล และประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ ใน
การประชุมไคโรเพื่อประชุมหารือเกี่ยวกับการยอมจำนนของญี่ปุ่น ไม่นานหลัง
สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เขาก็ได้เริ่มทำสงครามกลางเมืองอีกครั้งกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำโดย
เหมา เจ๋อตง ฝ่ายชาตินิยมของเจียงส่วนใหญ่ได้ประสบความพ่ายแพ้ในการรบแตกหักไม่กี่ครั้งในปี ค.ศ. 1948ในปี ค.ศ. 1949 รัฐบาลและกองทัพของเจียงได้หลบหนีไปยังไต้หวันซึ่งเจียงได้ประกาศบังคับใช้
กฎอัยการศึกและปราบปรามผู้ที่มีความคิดเห็นต่างทางการเมืองในช่วง
ความน่าสะพรึงสีขาว การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในช่วงการปฏิรูปสังคมและความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ เจียงได้รับชัยชนะการเลือกตั้งถึงห้าครั้งในระยะเวลาหกปีในฐานะ
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีน และเป็นอธิบดีทั่วไปของพรรคก๊กมินตั๋งจนกระทั่งเขาถึงแก่อสัญกรรม สามปีในวาระที่ห้าในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีและเพียงหนึ่งปีก่อนที่เหมาจะถึงแก่อสัญกรรมเช่นกันหนึ่งในประมุขแห่งรัฐที่ไม่ใช่พระมหากษัตริย์ที่ดำรงตำแหน่งที่ยาวนานที่สุดในศตวรรษที่ 20 เจียงเป็นผู้ปกครองที่ไม่ใช่พระมหากษัตริย์ที่ดำรงตำแหน่งที่ยาวนานที่สุดในจีน เป็นเวลายาวนานถึง 46 ปี เช่นเดียวกับเหมา เขาได้ถูกมองว่าเป็นบุคคลที่ได้มีการโต้เถียงมากที่สุด ผู้ที่สนับสนุนเขาต่างได้ยกย่องเขาถึงการมีบทบาทสำคัญในการรวมประเทศจีนให้เป็นหนึ่งและเป็นผู้นำจีนต่อต้านญี่ปุ่น รวมทั้งการต่อต้านการรุกรานของโซเวียต-คอมมิวนิสต์ ผู้กล่าวร้ายและนักวิจารณ์ต่างประณามเขาว่าเป็นเผด็จการที่ด้านหน้าของระบอบ
ลัทธิอำนาจนิยมที่ได้ทำการปราบปรามฝ่ายศัตรูทางการเมืองอย่างไร้ความปราณี