อันตราย ของ เนื้อแดง

เนื้อแดง

ความเห็นพ้องว่าการบริโภคเนื้อแดงมีผลเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจร่วมหลอดเลือดได้เปลี่ยนไปเมื่อเร็ว ๆ นี้งานศึกษาที่แยกแยะผลของเนื้อแปรรูปและเนื้อสดไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อแดงที่ไม่ได้แปรรูปกับโรคหัวใจงานวิเคราะห์อภิมานขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดปี 2010 ซึ่งรวมข้อมูลของคน 1 ล้านคนที่ทานเนื้อพบว่า เนื้อแปรรูปเท่านั้นมีผลลบต่อโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ (CHD)[16][17]งานศึกษาจึงเสนอว่า "ความแตกต่างของเกลือและสารกันเสีย ไม่ใช่ไขมัน อาจอธิบายความเสี่ยงโรคหัวใจและโรคเบาหวานที่สูงกว่าดังที่เห็นกับเนื้อแปรรูป แต่ไม่เห็นกับเนื้อแดงที่ไม่ได้แปรรูป"กลไกที่เสนอว่าทำไมการบริโภคเนื้อแดงจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจร่วมหลอดเลือดรวมทั้งผลของมันต่อคอเลสเตอรอลในเลือด[18],เนื้อแดงมีกรด arachidonic acid[19],มีเหล็กแบบ heme[20],มี homocysteine[21]และมีไขมันอิ่มตัวสูง

งานศึกษาหลายงานได้พบความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อแดงที่ไม่ได้แปรรูปกับการเกิดโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ (CHD) และโรคหลอดเลือดสมองบางประเภทโดยได้ควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่เป็นตัวแปรกวนหลายอย่างแล้ว[22]งานศึกษาในหญิง 84,000 คนเป็นเวลา 26 ปี พบว่า ผู้ที่ทานเนื้อแดงไม่ได้แปรรูปมากที่สุด เสี่ยงโรค CHD สูงขึ้น 13%[22]เช่นเดียวกัน งานศีกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดปี 2012 พบว่า การบริโภคเนื้อแดงที่ไม่ได้แปรรูปปริมาณที่หนึ่งต่อวัน (ประมาณ 42 กรัม/วัน) เพิ่มความเสี่ยงตาย 13%[23]ส่วนเนื้อแดงที่แปรรูปปริมาณเท่ากันเพิ่มความเสี่ยงตาย 20%[23]แม้อัตราทั้งสองจะรวมทั้งโรคมะเร็งและโรคหัวใจร่วมหลอดเลือด (CVD) แต่งานศึกษาก็บ่งว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิต 23,926 ราย ที่ได้ตรวจสอบเมื่อกำลังทำงานศึกษา[23]5,910 รายเสียชีวิตเนื่องกับ CVD[23]การเสียชีวิตสัมพันธ์กับเนื้อแปรรูปและกับเนื้อไม่ได้แปรรูปโดยไม่ต่างกันอย่างสำคัญ[23]

ความต่างกันระหว่างงานวิเคราะห์อภิมานต่าง ๆ จะต้องหาข้อยุติ เพราะแม้งานหนึ่งจะชี้ว่า เนื้อแดงที่ไม่ได้แปรรูปไม่มีผลต่อความเสี่ยงโรค แต่งานศึกษาตามแผนขนาดใหญ่ที่ทำเฉพาะเรื่องต่าง ๆ ก็ยังพบสหสัมพันธ์[23][22]การบริโภคเนื้อแดงที่ไม่ได้แปรรูปมีหลักฐานเบื้องต้นว่าสัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิด 2 ที่สูงขึ้น แต่ความสัมพันธ์ค่อนข้างอ่อนและชัดเจนน้อยกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อแดงที่แปรรูปกับโรคเบาหวาน[24]

งานอื่น ๆ ได้เสนอว่า ความสัมพันธ์อาจเป็นกับไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ และคอเลสเตอรอลในอาหาร ไม่ใช่กับเนื้อแดงโดยตรง[25]งานศึกษาหนึ่งประเมินว่า "การแทนที่เนื้อแดงหนึ่งที่ต่อวันด้วยเมล็ดถั่ว ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ และธัญพืชไม่ขัดสี สัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิด 2 ที่ต่ำกว่า 16-35%"[26]

งานวิเคราะห์อภิมานปี 2012 พบว่า ความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารสูงขึ้นเมื่อทานเนื้อแดงหรือเนื้อแปรรูปมากขึ้น[27]คือเนื้อแดงเองมีสารบางอย่างที่ในสถานการณ์โดยเฉพาะ ๆ จะเกิดสารก่อมะเร็งเช่นสารประกอบ N-nitroso (N-nitroso compound, NOC)[28]

ในปี 2015 สำนักงานวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) สรุปว่า เนื้อแดงน่าจะเป็นสารก่อมะเร็ง (กลุ่ม 2A) สำหรับมนุษย์[29]และรายงานว่า การได้เนื้อแดงมากขึ้นแต่ละ 100 กรัม (จนถึงประมาณ 140 ก.) ต่อวัน[30]เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ 17%และก็ดูเหมือนจะเสี่ยงมะเร็งตับอ่อนและมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้นด้วย แม้ความสัมพันธ์จะไม่ชัดเจนเท่า[31]ให้มองเห็นง่ายขึ้นก็คือ ในสหราชอาณาจักร คน 56 คนจาก 1,000 คนที่ทานเนื้อแดงน้อยที่สุดจะเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ (5.6%) เทียบกับ 66 คนจาก 1,000 คนที่ทานเนื้อแดงมากกว่า (6.6%) คือเสี่ยงมะเร็งมากกว่า 17% (1.17 x 5.6 = 6.6)[32]

งานทบทวนวรรณกรรมปี 2016 รายงานว่า การทานเนื้อแดงมากขึ้นทุก ๆ 100 ก. ต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและมะเร็งเต้านมแต่ละอย่างขึ้น 11%, ความเสี่ยงตายเพราะโรคหัวใจร่วมหลอดเลือด 15%, ความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ 17% และความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากระยะท้าย ๆ 19%[33]

งานศึกษาปี 2018 ยังพบการแพ้เนื้อแดงที่สูงขึ้นในสหรัฐเพราะถูกแมงปรสิต (tick) กัด[34]

เนื้อแปรรูป

ดูสารนิเทศเพิ่มเติมที่: เนื้อแปรรูป

เนื้อแปรรูปโดยมากมีเนื้อแดงอย่างน้อยก็เป็นบางส่วน[29]เพื่อเพิ่มรสชาติหรือเพื่อให้อยู่ได้นาน เนื้อจะหมักเกลือ หมักเกลือ+ไนเตรต (nitrate)+ไนไตรต์ (nitrite)/น้ำตาล ผ่านกระบวนการหมัก รมควัน หรือผ่านกระบวนการอื่น ๆ กลายเป็นเนื้อแปรรูป[29]แต่ไนเตรตและไนไตรต์ที่พบในเนื้อเช่นนี้ (เช่น เบคอน แฮม ไส้กรอกอิตาลี/ซาลามิ ไส้กรอกอเมริกัน/เป็บเปอโรนี ฮอตดอก) อาจเปลี่ยนในร่างกายมนุษย์เป็นไนโตรซามีน (nitrosamine) ที่เป็นสารก่อมะเร็ง ทำให้เซลล์ในลำไส้ใหญ่/ไส้ตรงกลายพันธุ์ โดยก่อเนื้องอกแล้วในที่สุดก็กลายเป็นมะเร็ง[35]

เนื้อไหม้ที่ผิวเพราะทำอาหารด้วยความร้อนสูง

สำนักงานวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) ได้แถลงข่าวในปี 2015 อาศัยการทบทวนงานศึกษากว่า 800 งานที่ทำในช่วง 20 ปี แล้วสรุปว่า เนื้อแปรรูปเป็นสารก่อมะเร็ง (กลุ่ม 1) อย่างชัดเจน และพบว่า เนื้อแปรรูปที่ทานเพิ่มขึ้น 50 กรัมในแต่ละวัน จะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ขึ้น 18% (จนถึงขนาดมากสุดคือ 140 ก.)[30]องค์กรยังพบว่ามันเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารอีกด้วยแต่ยังไม่ชัดเจนเท่า[31]งานทบทวนวรรณกรรมปี 2016 พบว่า การทานเนื้อแปรรูปเพิ่มขึ้น 50 กรัมแต่ละวัน (เช่น เบคอน แฮม ฮอตดอก และไส้กรอก) จะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก 4%, ความเสี่ยงตายเพราะมะเร็ง 8%, มะเร็งเต้านม 9%, มะเร็งลำไส้ใหญ่ 18%, มะเร็งตับอ่อน 19%, โรคหลอดเลือดสมอง 13%, ความเสี่ยงตายเพราะโรคหัวใจร่วมหลอดเลือด 24% และเบาหวาน 32%[33]

การทำอาหาร

การทำเนื้อด้วยความร้อนสูง หรือการรมควันเนื้อ จะสร้างสารประกอบ polycyclic aromatic hydrocarbon (PAH) และ heterocyclic amine (HCA) ที่ก่อมะเร็ง[36]กลุ่มย่อยของ HCA รวมทั้ง amino-dimethylimidazo-quinoxaline (MelQx), amino-dimethylimidazo-quinoxaline (DiMelQx) และ amino-methyl-phenylimidazo-pyridine (PhIP) ซึ่งเกิดโดยมากเพราะทำเนื้อด้วยความร้อนสูงยังพบสารประกอบ Benzo[a]pyrene (B[a]P) ในเนื้อที่ทำด้วยความร้อนสูงมากอีกด้วยดังนั้น การหมักเนื้อแดงสดมีไขมันน้อยในซอสแล้วหุงต้มที่ความร้อนต่ำ จึงน่าจะช่วยลดการสร้างสารประกอบซึ่งก่อมะเร็ง และลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่[37][38]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เนื้อแดง http://ro.uow.edu.au/cgi/viewcontent.cgi?article=1... http://naturalmedicinejournal.com/journal/2010-07/... http://www.tandfonline.com/doi/abs/10.1080/0163558... http://www.thefreedictionary.com/red+meat http://www.thefreedictionary.com/white+meat http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/joim.12... http://www.hsph.harvard.edu/nutritionsource/what-s... http://www.anslab.iastate.edu/Class/AnS460-560/Cla... http://www.oznet.ksu.edu/library/fntr2/mf974.pdf http://www.iarc.fr/en/media-centre/iarcnews/pdf/Mo...