การวินิจฉัย ของ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

A person blowing into a spirometer. Smaller handheld devices are available for office use.

การวินิจฉัย COPD นั้นควรพิจารณาดำเนินการในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ถึง 40 ปีขึ้นไปที่มีอาการเหนื่อย การไอเรื้อรัง มีเสมหะ หรือเป็นไข้หวัดบ่อยในฤดูหนาว และมีประวัติของการได้รับสัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงของโรค[9][10] จากนั้นจึงใช้การวัดปริมาตรอากาศหายใจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยนั้น[9][48]

การวัดปริมาตรอากาศหายใจ

การวัดปริมาตรอากาศหายใจเป็นการวัดปริมาณการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจในปัจจุบันและโดยทั่วไปเป็นการดำเนินการหลังจากการใช้ยาขยายหลอดลม ซึ่งเป็นยาที่ช่วยเปิดทางเดินหายใจ[48] องค์ประกอบหลักสองข้อที่จะมีการตรวจวัดเพื่อการวินิจฉัยโรค คือ ปริมาตรการหายใจออกที่ทำอย่างเต็มกำลังในหนึ่งวินาที (FEV1)ซึ่งเป็นปริมาตรสูงสุดของอากาศที่สามารถหายใจออกมาได้ในวินาทีแรกของการหายใจออก และปริมาตรอากาศที่วัดได้เมื่อหายใจเต็มกำลัง (FVC) ซึ่งเป็นปริมาตรสูงสุดของอากาศที่สามารถหายใจออกมาได้ในการหายใจอย่างเต็มที่หนึ่งครั้ง[49] โดยทั่วไป 75-80% ของค่า FVC จะได้จากวินาทีแรก [49] และค่า FEV1/อัตรา FVC ที่ต่ำกว่า 70% ในผู้ที่มีอาการแสดงของ COPD ได้รับการนิยามว่าคือผู้ที่เป็นโรคดังกล่าว[48] ตามพื้นฐานของการตรวจวัดเหล่านี้ การวัดปริมาตรอากาศหายใจอาจนำไปสู่ความผิดพลาดในการวินิจฉัย COPD ในผู้สูงอายุได้[48] นอกจากนี้ เกณฑ์ของสถาบันแห่งชาติเพื่อความเป็นเลิศด้านการแพทย์ได้กำหนดให้ค่า FEV1 ต้องต่ำกว่า 80% ของค่าคาดคะเน[10]

หลักฐานสำหรับการใช้การวัดปริมาตรอากาศหายใจในกลุ่มผู้ที่ไม่มีอาการแสดงเพื่อการวินิจฉัยอาการแต่เนิ่นๆ นั้นให้ผลที่ไม่แน่นอน และด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำในปัจจุบัน[9][48] ระดับสูงสุดของอากาศที่หายใจออก (อัตราสูงสุดของการหายใจออก) ซึ่งโดยทั่วไปใช้ในผู้ป่วยโรคหอบหืดนั้นไม่มีประสิทธิภาพมากพอสำหรับการการวินิจฉัย COPD[10]

ความรุนแรง

แบบประเมินความเหนื่อย MRC [10]
คะแนนกิจกรรมที่ส่งผลกระทบ
1เฉพาะกิจกรรมที่ต้องออกแรงเท่านั้น
2เมื่อเดินเร็วๆ
3เมื่อเดินตามปกติ
4หลังจากการเดินเพียงไม่กี่นาที
5เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
คะแนนระดับ GOLD[9]
ความรุนแรงFEV1 % ที่คาดคะเน
เล็กน้อย (GOLD 1)≥80
ปานกลาง (GOLD 2)50–79
รุนแรง (GOLD 3)30–49
รุนแรงมาก (GOLD 4)<30 หรือ ความล้มเหลวของระบบทางเดินหายใจแบบเรื้อรัง

มีวิธีการอยู่หลายวิธีในการระบุระดับผลกระทบของ COPD ในแต่ละบุคคล[9] แบบทดสอบBritish Medical Research Councilฉบับที่ได้รับการแก้ไข (mMRC) หรือแบบประเมินการทดสอบ COPD (CAT) นั้นเป็นแบบสอบถามง่ายๆ ที่อาจจะใช้เพื่อระบุความรุนแรงของอาการ [9] คะแนนจากแบบประเมิน CAT อยู่ระหว่าง 0–40 โดยหากคะแนนยิ่งสูง ความรุนแรงของโรคก็ยิ่งสูง [50] การตรวจสมรรถภาพปอดด้วยการวัดปริมาตรอากาศหายใจอาจช่วยระบุความรุนแรงของการมีลมค้างในปอดได้[9] โดยทั่วไปนั้นใช้พื้นฐานของ FEV1 ที่มีการแสดงไว้ในอัตราร้อยละ สำหรับอาการ "ปกติ" ที่มีการคาดหมายตามอายุ เพศ ความสูงและน้ำหนักของแต่ละบุคคล [9] แนวปฏิบัติของทั้งอเมริกาและยุโรปได้แนะนำให้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นฐานการรักษาสำหรับ FEV1[48] แนวปฏิบัติ GOLD แนะนำการแบ่งผู้ป่วยออกเป็นสี่กลุ่มตามพื้นฐานของการประเมินอาการและการมีลมค้างในปอด[9] และควรนำการลดลงของน้ำหนักและความอ่อนแอของกล้ามเนื้อ ตลอดจนการแสดงของโรคอื่นๆ มาใช้ในการพิจารณาด้วย[9]

การทดสอบอื่นๆ

การตรวจเอกซเรย์ทรวงอกและการตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบรูณ์อาจเป็นประโยชน์สำหรับการแยกอาการอื่นๆ ออกในเวลาที่ทำการวินิจฉัย [51] สัญญาณที่เป็นลักษณะเฉพาะจากการเอกซเรย์คือปอดที่โตผิดปกติหรือกะบังลมที่แฟบแบน พื้นที่ของอากาศหลังกระดูกอกเพิ่มขึ้น และตุ่มพุพอง ขณะเดียวกันมันก็ยังสามารถช่วยในการแยกโรคปอดอื่นๆ ออกได้ เช่น ปอดบวม ปอดบวมน้ำ หรือภาวะโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศ[52] การสแกนทรวงอกโดยใช้ความละเอียดสูงด้วยการถ่ายภาพส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์อาจแสดงผลของโรคถุงลมโป่งพองทั่วทั้งปอดได้และอาจเป็นประโยชน์ในการแยกโรคปอดอื่นๆ ออก[2] อย่างไรก็ตามภาวะเหล่านี้จะไม่ส่งกระทบต่อการจัดการโรค เว้นแต่ว่าได้มีการวางแผนการผ่าตัดไว้[2] การวิเคราะห์ก๊าซในหลอดเลือดแดงถูกใช้เพื่อระบุความต้องการของออกซิเจน สิ่งนี้เป็นข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่มี FEV1 ต่ำกว่า 35% จากที่คาดหมายไว้ ผู้ที่มีความอิ่มตัวของออกซิเจนส่วนปลายต่ำกว่า 92% และผู้ที่มีอาการแสดงของโรคเลือดคั่ง[9] ในพื้นที่ที่การพร่องอัลฟ่า วัน-แอนติทริพซินนั้นเป็นภาวะปกติ ผู้ที่เป็นโรค COPD (โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 45 ปีและปอดส่วนล่างได้รับผลกระทบจากโรคถุงลมโป่งพอง) ควรได้รับการพิจารณาให้ได้รับการทดสอบนี้[9]

  • Chest X-ray demonstrating severe COPD. Note the small heart size in comparison to the lungs.
  • A lateral chest x-ray of a person with emphysema. Note the barrel chest and flat diaphragm.
  • Lung bulla as seen on CXR in a person with severe COPD
  • A severe case of bullous emphysema
  • Axial CT image of the lung of a person with end-stage bullous emphysema.

ความแตกต่างในการวินิจฉัย

COPD อาจจำเป็นต้องมีการวินิจฉัยที่แตกต่างจากสาเหตุอื่นๆ ของความเหนื่อย อาทิเช่น โรคหัวใจเลือดคั่ง สิ่งหลุดอุดหลอดเลือดของปอด ปอดบวม หรือภาวะโพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศ ผู้ที่มี COPD หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นโรคหอบหืด[16] ความแตกต่างระหว่างโรคหอบหืดและ COPD นั้น คือพื้นฐานของอาการ ประวัติการสูบบุหรี่และการมีลมค้างในปอดซึ่งสามารถแก้อาการได้ด้วยยาขยายหลอดลมโดยการวัดปริมาตรอากาศหายใจ [53] นอกจากนี้อาการของโรควัณโรคยังอาจมีการแสดงออกของการไอเรื้อรังและควรพิจารณาเรื่องสถานที่ว่าเป็นสถานที่ที่พบโรคนี้ได้ทั่วไปหรือไม่ด้วย[9] อาการที่พบไม่บ่อยที่อาจเกิดขึ้นซึ่งเป็นอาการที่คล้ายกันก็คือการเจริญผิดปกติของหลอดลมและเนื้อปอดและหลอดลมฝอยอักเสบจากการถูกทำลาย [51] การอักเสบเรื้อรังของหลอดลมอาจเกิดขึ้นได้พร้อมกับการไหลของอากาศที่ปกติและในสถานการณ์นี้อาจไม่ถูกจัดว่าเป็น COPD[2]


ใกล้เคียง

โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคปอดอักเสบจาก pneumocystis jirovecii โรคปอดอักเสบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โรคปอดบวม โรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด โรคของปอด โรคอารมณ์สองขั้ว โรคอัลไซเมอร์ โรคจอตามีสารสี โรคออทิซึม

แหล่งที่มา

WikiPedia: โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง http://books.google.ca/books?id=0CXcUnr-0eoC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=1h6vu60L6FcC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=2F-DPG0c5IMC&pg=PT... http://books.google.ca/books?id=2sOJk-yKPpUC&pg=PT... http://books.google.ca/books?id=48gaALnXhcQC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=945lM1g_uQoC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=9bYbE87FbtMC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=D5n6lqqxkNUC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=DiTThQJkc0UC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=H4Sv9XY296oC&pg=PA...