การเปลี่ยนแปลง ของ การทำให้เป็นประชาธิปไตย

พัฒนาการให้เป็นประชาธิปไตยบ่อยครั้งช้า รุนแรง และถอยกลับบ่อย ๆ[30]

กรณีในประวัติศาสตร์

ในประเทศอังกฤษ สงครามกลางเมืองอังกฤษ (พ.ศ. 2185-2194) เป็นสงครามระหว่างพระราชาและรัฐสภาที่ได้รับเลือกตั้งแต่มีลักษณะของคณาธิปไตย[31]ต่อมา ยุครัฐในอารักขา (2196-2202) และเหตุการณ์การฟื้นฟูราชวงศ์อังกฤษ (2203-2231) จึงได้คืนการปกครองแบบอัตตาธิปไตยในปี 2231 ก็เกิดการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ที่ตั้งรัฐสภาที่เข้มแข็ง แล้วผ่านพระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิพื้นฐานของพลเมือง ค.ศ. 1689 ซึ่งบัญญัติสิทธิเสรีภาพของประชาชนบางอย่าง[32]บัญญัติบังคับให้มีการเลือกตั้งเป็นประจำ ตั้งกฎเสรีภาพในการพูดในรัฐสภา และจำกัดอำนาจของพระราชา ซึ่งรับรองว่า โดยไม่เหมือนยุโรปโดยมากในยุคนั้น สมบูรณาญาสิทธิราชย์จะไม่มีชัย[33][34]แต่ต้องรอจนถึงราชบัญญัติการมีตัวแทนของประชาชนปี 2427 (Representation of the People Act 1884) ที่ประชาชนชายส่วนใหญ่จะมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง

การปฏิวัติอเมริกา (2308-2326) ได้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกาจากมุมมองต่าง ๆ มันเป็นชัยชนะทางอุดมคติ เพราะเป็นสาธารณรัฐที่แท้จริงโดยไม่เคยมีผู้เผด็จการสักคนหนึ่งแม้สิทธิการออกเสียงเลือกตั้งจะจำกัดให้ชายผิวขาวอเมริกันผู้มีที่ดินในเบื้องต้น[35]แต่ทาสก็ยังไม่ได้เลิกโดยเฉพาะในรัฐภาคใต้จนกระทั่งการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหลังสงครามกลางเมืองอเมริกา (2404-2408)และชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาก็ไม่ได้สิทธิพลเมืองจนกระทั่งคริสต์ทศวรรษ 1960

การปฏิวัติฝรั่งเศส (2332) ทำให้คนจำนวนมากสามารถออกเสียงเลือกตั้งได้เป็นเวลาสั้น ๆ แต่ก็ตามด้วยสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส (2335-2345) และสงครามนโปเลียน (2346-2358) ที่ยาวนานกว่า 20 ปีการปฏิวัติช่วง French Directory (2338-2342) มีลักษณะทางคณาธิปไตยมากกว่าจักรวรรดิฝรั่งเศสที่หนึ่ง (2347-2358) แล้วตามด้วยการคืนสู่ราชบัลลังก์ของราชวงศ์บูร์บง (2358-2373) ทั้งสองก็กลับคืนการปกครองแบบอัตตาธิปไตยส่วนสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 2 ต่อมา (2391-2395) ก็ได้ให้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไปแก่ชาย แต่แล้วก็ตามมาด้วยจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สอง (2395-2413)ต้องอาศัยสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย (2413-2414) จึงได้ตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 (2413-2483)

จักรวรรดิเยอรมันตั้งขึ้นเมื่อปี 2414แล้วตามด้วยสาธารณรัฐไวมาร์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2ต่อมานาซีเยอรมนีจึงคืนการปกครองแบบอัตตาธิปไตยจนกระทั่งแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2

ราชอาณาจักรอิตาลีซึ่งตั้งขึ้นหลังการรวมเอกราชของอิตาลีในปี 2404 เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมมนูญ ที่พระราชาทรงมีอำนาจค่อนข้างมากต่อมาลัทธิฟาสซิสต์อิตาลีจึงตั้งระบอบเผด็จการขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐอิตาลีดังปัจจุบัน

ยุคเมจิหลังปี 2411 เป็นจุดเริ่มปรับประเทศญี่ปุ่นให้ทันสมัยโดยมีการปฏิรูปทางประชาธิปไตยอย่างจำกัดด้วยต่อมาในยุคไทโช (2455-2469) จึงมีการปฏิรูปเพิ่มขึ้นแต่ยุคโชวะก่อนสงคราม (2469-2488) ที่ตามมาก็พลิกกลับจนกระทั่งยุติสงครามโลกครั้งที่ 2

ตั้งแต่ พ.ศ. 2515

ตามงานศึกษาโดย "ฟรีดอมเฮาส์"[36]ในประเทศ 67 ประเทศที่ระบอบเผด็จการได้ล้มลงตั้งแต่ปี 2515 การต่อต้านของพลเมืองที่ไม่ใช้ความรุนแรงเป็นปัจจัยที่มีกำลังในกรณี 70 เปอร์เซ็นต์โดยไม่ได้เนื่องจากการรุกรานของประเทศอื่น และมีน้อยมากที่เนื่องจากการก่อการกำเริบที่ใช้อาวุธ หรือเนื่องจากการปฏิรูปที่อภิสิทธิชนสมัครใจเริ่มเองแต่อย่างท่วมท้นเนื่องจากปฏิบัติการขององค์กรประชาสังคมเพื่อประชาธิปไตยที่ไม่ใช้วิธีการรุนแรง และเนื่องจากการต่อต้านแบบสันติอื่น ๆ เช่น การนัดหยุดงาน การคว่ำบาตร การขัดขืนเจ้าหน้าที่/กฎหมายอย่างสงบ และการชุมนุมประท้วง[37]

ใกล้เคียง

การทำให้เป็นประชาธิปไตย การทำลายเขื่อนกาคอว์กา การทำงานในสมองกับการเข้าสมาธิ การทำฝนเทียม การทำแผนที่ การทำให้ไว การทำฝันวัยเด็กของคุณให้เป็นจริงได้อย่างแท้จริง การทำเครื่องหมายกางเขน การทำลายล้างวัตถุระเบิด การทำลายป่า

แหล่งที่มา

WikiPedia: การทำให้เป็นประชาธิปไตย http://www.amazon.com/Dawn-Brancati/e/B002FYDWAE/r... http://mocoloco.com/the-democratization-of-design/ http://jcr.sagepub.com/content/60/1/164 http://jcr.sagepub.com/content/60/4/694 http://jcr.sagepub.com/content/early/2015/07/29/00... http://rap.sagepub.com/content/2/4/205316801561336... http://ssrn.com/abstract=1319792 http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/ajps.12... http://www.uni-bielefeld.de/cias/wiki/d_Democratiz... http://projects.iq.harvard.edu/files/pegroup/files...