เมนูนำทาง
ความภูมิใจแห่งตน พัฒนาการในชีวิตประสบการณ์ในชีวิตมีผลต่อพัฒนาการของความภูมิใจในตนอย่างสำคัญ[7]ในชีวิตระยะต้น ๆ พ่อแม่มีอิทธิพลสำคัญต่อความภูมิใจในตนและพิจารณาว่าเป็นสาเหตุของประสบการณ์ทั้งเชิงบวกเชิงลบที่เด็กจะมี[31]ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจากพ่อแม่ช่วยให้เด็กพัฒนาความรู้สึกว่ามีคนห่วงใยและนับถือซึ่งมีผลต่อความภูมิใจในตนเมื่อเด็กโตขึ้น[32]
เด็กประถมที่ภูมิใจในตนสูงมักจะมีพ่อแม่ที่เด็ดขาดแต่เป็นห่วง ช่วยเหลือสนับสนุน ตั้งขอบเขตพฤติกรรมให้แก่เด็ก และให้ออกความเห็นเมื่อตัดสินใจแม้ว่างานศึกษาจะแสดงเพียงแค่ค่าสหสัมพันธ์ระหว่างสไตล์ความเป็นพ่อแม่แบบให้ความอบอุ่น ช่วยเหลือสนับสนุน (โดยหลักคือแบบ authoritative และ permissive) กับเด็กมีความภูมิใจสูง แต่ว่าสไตล์ความเป็นพ่อแม่เช่นนี้สามารถมองได้ว่าเป็นเหตุพัฒนาการทางความภูมิใจในตนของเด็ก[31][33][34][35]ประสบการณ์วัยเด็กที่ทำให้เกิดความภูมิใจรวมทั้งพ่อแม่ฟัง พ่อแม่พูดด้วยดี ๆ ได้รับความเอาใจใส่และความรัก มีการแสดงคุณค่าต่อความสำเร็จ และสามารถยอมรับความผิดพลาดและความล้มเหลวประสบการณ์ที่ทำให้ภูมิใจในตนต่ำรวมทั้ง ถูกด่าว่าอย่างรุนแรง ถูกทารุณกรรมไม่ว่าจะทางกาย ทางเพศ หรือทางอารมณ์ ไม่ได้รับความเอาใจใส่ ถูกหัวเราะเยาะ ถูกล้อ หรือหวังให้เพอร์เฝ็กต์ตลอดเวลา[36]
ในช่วงที่อยู่ในโรงเรียน การเรียนได้ดีจะเป็นตัวช่วยสร้างความภูมิใจในตน[7]เด็กที่เรียนดีตลอดหรือเรียนตกตลอดจะมีผลสำคัญต่อความภูมิใจในตน[37]ประสบการณ์ทางสังคมจะเป็นตัวช่วยความภูมิใจในตนอีกอย่างหนึ่งในขณะที่เติบโตผ่านวัยเรียน เด็กจะเริ่มเข้าใจและรู้จักความแตกต่างของตัวเองกับเพื่อนโดยเปรียบเทียบกับเพื่อน เด็กจะประเมินว่าตนทำได้ดีกว่าหรือแย่กว่าเพื่อนในกิจกรรมต่าง ๆซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาความภูมิใจในตน และมีอิทธิพลต่อความรู้สึกดีชั่วที่มีต่อตัวเอง[38][39]
เมื่อถึงวัยรุ่น อิทธิพลจากเพื่อนจะสำคัญมากยิ่งขึ้นวัยรุ่นประเมินตัวเองโดยความสัมพันธ์กับเพื่อนที่ใกล้ชิด[40]การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อน ๆ สำคัญมากต่อพัฒนาการของความภูมิใจในตนในเด็กเพราะการได้ความยอมรับจากเพื่อนทำให้เกิดความั่นใจและความภูมิใจ เทียบกับการไม่ยอมรับที่ทำให้เหงา ไม่มั่นใจในตน และภูมิใจในตนต่ำ[41]
เด็กวัยรุ่นจะมีความภูมิใจในตนสูงขึ้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงวัยกลางคน[8]แต่จากวัยกลางคนจึงถึงวัยชรา ความภูมิใจจะตกลงแม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าตกน้อยหรือตกมาก[8]เหตุผลที่แปรไปเช่นนี้อาจเป็นเพราะปัญหาสุขภาพ สมรรถภาพทางการรู้คิด และฐานะทางสังคม-เศรษฐกิจในวัยชรา[8]
ไม่พบความแตกต่างกันระหว่างเพศในเรื่องพัฒนาการทางความภูมิใจในตน[8]งานศึกษาตามรุ่นแสดงว่า ไม่มีความแตกต่างกันในวิถีการดำเนินของความภูมิใจตลอดชั่วชีวิตระหว่างคนรุ่นต่าง ๆ เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น การให้เกรดสูงขึ้นในสถาบันศึกษา หรือสื่อทางสังคม (social media)[8]
ความชำนาญสูง การไม่ทำอะไรเสี่ยง ๆ และสุขภาพที่ดีกว่าเป็นตัวพยากรณ์ความภูมิใจในตนที่สูงกว่าในเรื่องบุคลิกภาพ คนที่มีอารมณ์เสถียร คนที่สนใจสิ่งภายนอก และคนที่พิถีพิถัน ภูมิใจในตนสูงกว่า[8]ตัวพยากรณ์เหล่านี้แสดงว่า ความภูมิใจในตนมีลักษณะที่ยั่งยืน (เป็น trait) ที่คงยืนเหมือนกับทั้งบุคลิกภาพและเชาวน์ปัญญา[8]แม้ว่า นี่จะไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถเปลี่ยนได้[8]
ในสหรัฐอเมริกา วัยรุ่นเชื้อสายละตินอเมริกา/สเปนจะมีความภูมิใจในตนที่ต่ำกว่าวัยรุ่นเชื้อสายแอฟริกาและคนขาว แต่จะเพิ่มสูงกว่าเล็กน้อยโดยอายุ 30 ปี[42][43]ส่วนคนเชื้อสายแอฟริกาเพิ่มความภูมิใจในตนอย่างรวดเร็วกว่าในช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่เบื้องต้นเทียบกับคนขาวแต่ว่า ในช่วงวัยชราก็จะประสบการลดความภูมิใจที่รวดเร็วกว่า[8]
ความอับอายอาจมีบทบาทในผู้ที่มีปัญหาความภูมิใจต่ำ[44]ความอับอายจะเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่รู้สึกลดคุณค่าทางสังคม เช่นเมื่อได้การประเมินทางสังคมที่ไม่ดี (เช่น คนวิจารณ์)ซึ่งจะทำให้เกิดสภาพทางจิตใจที่บ่งการลดความภูมิใจในตนและการเพิ่มความอับอาย[45]โดยอาจบรรเทาได้โดยให้เห็นใจ/มีกรุณาต่อตนเอง[46]
มีพัฒนาการการประเมินตัวเอง 4 ระดับโดยสัมพันธ์กับตนจริง ๆ (real self) ตนในอุดมคติ (ideal self) และตนที่ขยาด (dreaded self)[47]คือ
เมนูนำทาง
ความภูมิใจแห่งตน พัฒนาการในชีวิตใกล้เคียง
ความภูมิใจแห่งตน ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ความขัดแย้งระหว่างพม่ากับกะเหรี่ยง ความสนใจต่อสิ่งภายนอก-ความสนใจต่อสิ่งภายใน ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย ความรัก ความลับของนางฟ้า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย ความจำ ความดันโลหิตสูงแหล่งที่มา
WikiPedia: ความภูมิใจแห่งตน http://www.erin.utoronto.ca/~w3psyuli/PReprints/JR... http://ddd.uab.cat/record/142342?ln=en http://www.afterpsychotherapy.com/narcissism-vs-au... http://www.bartleby.com/61/18/S0241800.html http://www.bartleby.com/61/58/S0245800.html http://www.education.com/reference/article/self-es... http://www.monografias.com/trabajos104/como-influy... http://www.nytimes.com/2002/02/03/magazine/the-tro... http://www.psychologytoday.com/articles/201112/the... http://www.scientificamerican.com/article.cfm?id=v...