พระราชมรดก ของ พระเจ้าฌูเอาที่_6_แห่งโปรตุเกส

ภาพอุปมานิทัศน์คุณงามความดีแห่งพระเจ้าฌูเอาที่ 6 วาดโดยดูมิงกุช อังตอนีอู ดึ ซีไกรา ในปี พ.ศ. 2343

ในช่วงเวลาไม่กี่ปีในการประทับที่บราซิลของพระเจ้าฌูเอา พระองค์มีพระบรมราชโองการจัดตั้งกลุ่มสถาบัน โครงการ และบริการหลายอย่าง ซึ่งทำให้ประเทศมีการพัฒนาอย่างกว้างขวางทางด้านเศรษฐกิจ การบริหารราชการ กฎหมาย วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม ศิลปะ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จทั้งหมด และบางอย่างก็ไม่สมบูรณ์หรือไม่จำเป็นโดยสิ้นเชิง ตามที่อีปอลีตู ฌูเซ ดึ กอชตา ได้วิจารณ์อย่างเสียดสีไว้[65] ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ พระองค์ทรงเป็นผู้ก่อตั้งอิงเปรงซาเรฌีอา (สำนักพิมพ์แห่งแรกของประเทศ), สวนพฤกษศาสตร์รีโอเดจาเนโร,[66] คลังสรรพาวุธทหารเรือ, ฟาบรีกาจีปอลโวรา (โรงงานผลิตดินปืน), ฝ่ายดับเพลิงของเมืองรีโอเดจาเนโร, กองเรือพาณิชย์นาวีของบราซิล และโรงพยาบาลการกุศลที่รู้จักกันในนาม "กาซาดุสอิสโปสตุส"[67] พระองค์ยังทรงก่อตั้งแผนการศึกษามากมายในรีโอ, เปร์นัมบูกู, บาเยีย และสถานที่อื่น ๆ โดยมีการเรียนการสอนในวิชาทางศาสนาและเทววิทยาศีลธรรม แคลคูลัสเชิงปริพันธ์ กลศาสตร์ อุทกพลศาสตร์ เคมี เลขคณิต เรขาคณิต ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ พฤกษศาสตร์ เกษตรกรรม และอื่น ๆ พระองค์ยังทรงส่งเสริมให้มีการก่อตั้งสมาคมและสถาบันมากมายเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ วรรณคดี และศิลปะ เช่น ฌุงตาวาซีนีกา (บริหารจัดการวัคซีนไข้ทรพิษ), ราชสมาคมนักอักษรศาสตร์แห่งบาเยีย, สำนักวิทยาศาสตร์และวิจิตรศิลป์, สถาบันวิทยาศาสตร์และศิลปะแห่งรัฐรีโอเดจาเนโร,[68] สำนักกายวิภาคศาสตร์ ศัลยศาสตร์ และแพทยศาสตร์แห่งรีโอเดจาเนโร[69] สถาบันวิชาการปืนใหญ่ การเสริมกำลัง และการออกแบบหลวง,[70] โรงเรียนนายเรือ, โรงเรียนเตรียมทหาร, หอสมุดแห่งชาติบราซิล,[71] พิพิธภัณฑ์หลวง (ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบราซิล),[72] โรงละครหลวงเซาฌูเอา (ปัจจุบันคือโรงละครฌูเอาไกตานู) รวมทั้งทรงเกณฑ์ผู้บรรเลงเดี่ยวที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ และอุปถัมภ์นักดนตรีแห่งโบสถ์หลวงคนอื่น ซึ่งรวมทั้งบาทหลวงโฌเซ เมารีซีอู นักประพันธ์เพลงชั้นนำชาวบราซิลในรัชสมัยของพระองค์[67] ทรงสนับสนุนการมาของคณะมีเซาอาร์ติสชีกาฟรังเซซา เป็นผลให้เกิดการก่อตั้งสำนักวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และงานฝีมือหลวง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสำนักวิจิตรศิลป์แห่งชาติแห่งมหาวิทยาลัยสหพันธ์แห่งรีโอเดจาเนโรในปัจจุบัน ซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อการเริ่มต้นการศึกษาและการผลิตงานศิลปะในบราซิล[73]

ภาพ เจ้าชายผู้สำเร็จราชการทรงตรวจกองทัพที่อาซังบูฌา วาดโดยดูมิงกุช อังตอนีอู ดึ ซีไกรา

นโยบายของพระเจ้าฌูเอานำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง เริ่มต้นด้วยการเปิดท่าเรือและการยกเลิกระบบการค้าผูกขาดของโปรตุเกส ทำให้สหราชอาณาจักรกลายเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มหาศาล ในทางหนึ่ง ผู้ค้าซึ่งมีฐานในบราซิลต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันที่แข็งแกร่งจากต่างชาติ ในทางตรงกันข้าม ก็ได้ส่งเสริมการผลิตสิ่งใหม่ ๆ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกสั่งห้าม ล้มเหลว หรือไม่เคยเกิดขึ้นในบราซิล ในเวลาเดียวกัน พระองค์ทรงก่อตั้งหน่วยงานการบริหารจัดการในระดับสูงอย่างกระทรวงการสงคราม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสมุทรและดินแดนโพ้นทะเล; สภาแห่งชาติและการคลัง สภาทหารสูงสุด หอจดหมายเหตุทางทหาร ทบวงการยุติธรรมและทบวงมโนธรรมและระเบียบ กาซาจีซูปลีกาเซา (สภาสูง) กองกำกับการตำรวจ ธนาคารแห่งแรกของบราซิล[66][74] คณะกรรมการการค้า เกษตรกรรม โรงงาน และการเดินสมุทร[75] และไปรษณีย์กลาง[74] รวมทั้งทรงให้ชาวบราซิลเข้ามามีอำนาจในตำแหน่งบริหารและการจัดการ ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดระหว่างคนพื้นเมืองกับชาวโปรตุเกสลงได้[76] พระองค์ยังทรงสนับสนุนการผลิตทางเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝ้าย ข้าว และอ้อย ทรงเปิดเส้นทางและสนับสนุนการพัฒนาเส้นทางน้ำภายในแผ่นดิน เป็นการกระตุ้นการเคลื่อนไหวของประชาชน สินค้า และผลิตภัณฑ์ระหว่างภูมิภาค[77]

ข้อโต้แย้ง

พระบรมสาทิสลักษณ์โดยจิตรกรที่แตกต่างกันแสดงบุคลิกภาพแทนพระองค์ที่หลากหลาย

ตามรายงานของปีเดรอิราและคอสตา พระมหากษัตริย์แห่งโปรตุเกสจำนวนน้อยที่จะมีการนิยมจินตนาการในพระบรมสาทิสลักษณ์เทียบเท่าพระเจ้าฌูเอาที่ 6 ที่ซึ่งแต่ละพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์แตกต่างกันมาก ๆ "แต่นาน ๆ ครั้งก็เป็นผลดี....มันไม่แปลกที่ซึ่งความยากลำบากในชีวิตสมรสและพระราชวงศ์และการอ้างอิงถึงบุคลิกลักษณะของพระองค์และธรรมเนียมประจำพระองค์เอง การนำมาซึ่งภาพล้อเลียนแบบง่าย ๆ และการเคลื่อนไหวอย่างตรงไปตรงมา ถ้าไม่ใช่ประเพณีที่ตลกขบขัน"[78] กษัตริย์ทรงได้รับความนิยมในการแสดงถึงความขี้เกียจ, ความเขลาและความซุ่มซ่าม ทำให้เชื่อฟังโดยภรรยาที่ปากร้าย การขยะแขยงคนตะกละผู้ซึ่งมักจะมีไก่อบในกระเป๋าเสื้อโค้ตของพระองค์ที่เสวยตลอดเวลาด้วยมือที่เต็มด้วยคราบน้ำมัน[40][79] เรื่องที่เป็นตัวอย่างได้คือภาพยนตร์บราซิลเรื่อง การ์โลตา โคอากีนา - เจ้าหญิงแห่งบราซิล (Carlota Joaquina – Princesa do Brasil) (พ.ศ. 2538)[40] การเขียนล้อเลียนที่รวมด้วยบทวิจารณ์ทางสังคมที่เฉียบคม งานเขียนนั้นได้สร้างผลกระทบสะท้อนกลับอย่างมากมาย แต่ตามรายงานคำวิจารณ์ของโรนัลโด เวนฟาส "มันเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดในหลายรูปแบบ, การเป็นตัวอย่างที่ผิด, ความไม่แน่ชัด, การประดิษฐ์"[80] สำหรับนักประวัติศาสตร์ ลูอิซ คาร์ลอส วิลลัลตา "มันสร้างการโจมตีอย่างกว้าง ๆ ในความรู้ทางประวัติศาสตร์"[81] ในทางกลับกันผู้อำนวยการคาร์ลา คามูราติบอกกล่าวอย่างเจตนา "สร้างเรื่องเล่าแบบภาพยนตร์ที่ซึ่งกำหนดประเภทของนวนิยายทางประวัติศาสตร์ด้วยหน้าที่เกี่ยวกับการสอนและในเวลาเดียวกันจะเสนอผู้ตรวจสอบความรู้ในอดีตและช่วยเหลือในฐานะประชาชน ที่นึกถึงเกี่ยวกับปัจจุบัน....มันไม่ได้เสนอความรู้ทางประวัติศาสตร์ใหม่ ๆ ของผู้ตรวจสอบ ในทางนี้ มันได้นำมาซึ่งผู้ตรวจสอบทางพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมทางโลกีย์มากกว่าเรื่องเล่าที่ส่งผลกระทบสะท้อนในประวัติศาสตร์บราซิล"[82]

การมองภาพแทนอย่างหลากหลายของพระเจ้าฌูเอาในขอบเขตบุคลิกลักษณะที่ทรงมีน้ำหนักมากเกินไป, รูปร่างใหญ่กว่าปกติ, ไม่เป็นระเบียบที่ซึ่งบุคลิกมีภูมิฐานและสง่างาม [83] สำหรับจิตรกรวาดภาพเหมือน นักวิจัย อิสเมเนีย เดอ ลิมา มาร์ตินส์ ได้เขียนไว้ว่า "ถ้าคือข้อตกลงท่ามกลางผู้เขียนทั้งหมด ผู้ซึ่งอาศัยหลักฐานของพวกเขา ผู้ซึ่งใกล้ชิดกับพระองค์สำหรับพระเมตตาและสุภาพ ทั้งหมดนี้เป็นข้อโต้เถียงอย่างรุนแรง ในขณะที่การตรัสตรงๆถึงสีหน้าของพระองค์อย่างรัฐบุรุษ บางคนพิจารณาว่าพระองค์ทรงขี้ขลาดและไม่เหมาะสำหรับการปกครอง ในเหตุการณ์อื่นๆ พระเจ้าฌูเอาที่ 6 ทรงสร้างรอยที่ลบไม่ออกในประวัติศาสตร์ลูโซ-บราซิล ข้อเท็จจริงที่ซึ่งปรากฏทั่วในปัจจุบัน ท่ามกลางบทบาททางประวัติศาสตร์ที่ซี่งยืนกรานเหนือการคาดคะเนของกษัตริย์ ทั้งๆที่การเปลี่ยนแปลงที่ซึ่งฝึกฝนประสบการณ์เหนือเหตุการณ์ในศตวรรษที่ 20"[84]

พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าฌูเอาที่ 6 ในกรุงรีโอเดจาเนโร

ในทางการปกครอง พระเจ้าฌูเอาทรงได้รับแรงสนับสนุนที่แข็งแกร่งเสมอ ที่มีชื่อเสียงคือ โรดริโก เดอ เซาซา โควทินโฮ เคานท์ที่ 1 แห่งลินฮาเรซ, อันโตนิโอ เดอ อเราโจ อี อเซเวโด เคานท์ที่ 1 แห่งบาร์คาและโตมัส อันโตนิโอ เดอ วิลลา โนวา โปรตุเกส ผู้ซึ่งได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้ให้คำปรึกษาในพระราชกรณียกิจของพระเจ้าฌูเอาจำนวนมาก[85] แต่ตามรายงานของจอห์น ลุคค็อก ผู้สังเกตการณ์ที่เชื่อถือได้ในยุคสมัยนั้น "เจ้าชายผู้สำเร็จราชการทรงถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ขาดความกระตือรือร้นหลายครั้ง สำหรับฉัน พระองค์นั้นทรงเป็นผู้มีความเฉียบแหลมอย่างมากและบุคลิกภาพที่แข็งแกร่งมากกว่าคุณลักษณะที่เห็นโดยทั่วไปจากทั้งมิตรและศัตรูของพระองค์ พระองค์ทรงอยู่ในพฤติการณ์แวดล้อมใหม่ ที่ซึ่งทรงได้รับการทดสอบ การยอมรับพวกเขาด้วยตวามอดทน ถ้าทรงถูกยั่งยุ พระองค์จะแสดงพระองค์ด้วยความกระฉับกระเฉงและฉับไว"[86] พระองค์ทรงได้รับการสรรเสริญด้วยบุคลิกแห่งการเป็นกษัตริย์ การยืนยันใหม่ถึงพระเมตตาและความสนพระทัย[87] งานประพันธ์คลาสสิคของโอลิเวียรา ลิมา เรื่อง Dom João VI no Brasil(พ.ศ. 2451) เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีความเชื่อถือได้สำหรับการเริ่มต้นของกระบวนการฟื้นฟูสภาพเดิมขนานใหญ่ของพระเจ้าฌูเอา[79][88] เขาได้ทำการค้นคว้าเอกสารนับไม่ถ้วนในช่วงยุคสมัยนั้นโดยปราศจากการค้นหาบทบรรยายซึ่งไม่น่าพอใจเกี่ยวกับกษัตริย์โดยชาวบราซิลหรือเอกอัครราชทูตและนักการทูตต่างๆที่ได้รับการยอมรับในราชสำนัก ในทางกลับกัน เขาได้พบการบรรยายจำนวนมากที่ซึ่งแต่งแต้มด้วยสีอันเป็นที่ชื่นชอบ ดังเช่น หลักฐานจากแฮนเดอร์สัน กงสุลบริติชและซัมเทอร์ รัฐมนตรีสหรัฐอเมริกา ผู้ซึ่ง"ชื่นชอบอย่างมากที่จะกำหนดพระองค์ให้เป็นกษัตริย์โดยตรง โดยความชอบธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นทรงพบปะกับคณะรัฐมนตรีของพระองค์....การคิดว่าพระองค์ในสถานการณ์นี้ทรงมีความก้าวหน้ามากพอกว่าข้าราชสำนักของพระองค์"[89] เอกสารทางการทูตยังคงยืนยังถึงวิสัยทัศน์ทางการเมืองของพระองค์ที่กว้างไกล ความตั้งพระทัยที่จะให้บราซิลมีความสำคัญในทวีปอเมริกาโดยสามารถเทียบเคียงสหรัฐอเมริกา การรับเอามาของวาทกรรมที่ใกล้เคียงกับหลักการเทพลิขิตของสหรัฐอเมริกา พระองค์ทรงยืนยันในอำนาจอันชอบธรรมของพระองค์โดยปราศจากความรุนแรง มากด้วยพระอารมณ์ที่สามารถชักจูงได้และสุภาพ การจัดการทางการระหว่างประเทศของพระองค์ แม้ว่าในบางครั้งจะไม่ประสบความสำเร็จและค่อนข้างจะนำมาซึ่งความทะเยอทะยานแห่งลัทธิจักรวรรดินิยม แต่ในทางอื่นๆมากมายถือเป็นการมองการณ์ไกลและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ เป็นการแสดงด้วยท่าทางมากมายบรรยายที่ซึ่งยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ในอาณานิคมบราซิล[61][87]

ถึงอย่างไรก็ตาม นายพลแห่งกองทัพฝรั่งเศส ฌอง-อันดอเช ชูโนต์ ได้บรรยายพระองค์ในฐานะ "บุรุษผู้อ่อนแอ หวาดระแวงทุกๆคนและทุกๆสิ่ง ริษยาอำนาจสั่งการของพระองค์แต่ซึ่งไม่สามารถพอในการสร้างความเคารพ พระองค์ถูกปกครองโดยคุณพ่อ (ในที่นี้คือ บาทหลวง) และสามารถดำรงพระองค์ภายใต้การข่มขู่ให้เกรงกลัว" และนักประวัติศาสตร์ชาวบราซิลหลายๆคน เช่น แพนเดีย คาลอเกราส, โตเบียส มอนเตย์โรและลูอิส นอร์ตัน ได้บรรยายพระองค์เปรียบเหมือนสีดำมืดมิด ท่ามกลางชาวโปรตุเกส เช่น โจอาควิม เปดรู เดอ ดอลิเวียรา มาร์ตินส์และราอูล บรานเดา บรรยายว่า พระองค์ทรงถูกพรรณาร่ำไปในฐานะบุคคลที่ตลกล้อเลียนจนกระทั่งอนุรักษนิยมถูกฟื้นคืนในปี พ.ศ. 2469 เมื่อเขาเริ่มต้นที่จะหาผู้ปกป้อง เช่น ฟอร์ทูนาโด เดอ อัลเมดา, อัลเฟรโด ปิเมนตาและวาเลนทิม อเล็กซานเดร[79][90][91] มันเป็นบางอย่างที่ซึ่งจำนวนมากถูกทำให้ไม่จงรักภักดีต่อพระองค์ ที่ซึ่งทรงขึ้นภาษีและการเป็นหนี้ที่แย่ลง,เพิ่มจำนวนตำแหน่งและสิทธิพิเศษสืบทางสายโลหิต ที่ซึ่งไม่ทรงสามารถระงับความขัดแย้งภายในที่เพิ่มขึ้นมากหรือการกำจัดการคอร์รัปชัน และที่ซึ่งเสด็จออกจากบราซิลช่วงระยะใกล้จะล้มละลายเมื่อพระองค์ทำให้ท้องพระคลังว่างเปล่าในการเสด็จกลับโปรตุเกส[40][79][92]

อะไรก็ตามบุคลิกของพระองค์ สำคัญต่อรัชกาลของพระองค์สำหรับช่วยจดจำการโหมกำลังการผลิตในบราซิลและเป็นเอกภาพอย่างแท้จริงที่ซึ่งเป็นชาติที่มิอาจโต้แย้งได้ กิลเบอร์โต เฟรเรยืนยันว่า "พระเจ้าฌูเอาที่ 6 ทรงเป็นบุคคลหนึ่งผู้ซึ่งมีบทบาทมหาศาลในการสถาปนาชาติ.....พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีเลิศในฐานะบุคคลกลาง....ระหว่างประเพณี ที่ซึ่งพระองค์ทำให้เป็นรูปธรรม และนวัตกรรม ที่ซึ่งพระองค์ทรงเปิดรับและยกระดับ ในระหว่างที่ซึ่งสร้างความมั่นใจแก่อนาคตของชาวบราซิล"[93] ในความเห็นของลอเรนติโน โกเมซ "ไม่มียุคสมัยใดในประวัติศาสตร์บราซิลยืนยันแน่นอนอย่างลึกซึ้งและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใน 13 ปีที่ซึ่งราชสำนักโปรตุเกสประทับอยู่ที่รีโอเดจาเนโร" นักวิชาการเช่น โอลิเวียรา ลิมา, มาเรีย โอดิลา ดา ซิลวา ดิเอส, โรเดอริค บาร์แมนและลอเรนติโน ดังที่กล่าวมาก่อนแล้ว เชื่อว่าพระเจ้าฌูเอาไม่เคยคิดเสด็จมาที่อเมริกาและก่อตั้งรัฐบาลกลางที่เข้มแข็ง บางทีคือแผ่นดินใหญ่บราซิลด้วยความแตกต่างเกี่ยวกับดินแดนที่สำคัญที่ซึ่งมีส่วนที่แตกออกมาของชาติที่แตกต่างกัน ซึ่งเกิดขึ้นกับชาติอาณานิคมเพื่อนบ้านอย่างสเปน ความคิดเห็นนี้ถูกร่วมโดยนายพลเรือบริติช ซิดนีย์ สมิธ ผู้บัญชาการกองเรือรบที่ซึ่งคุ้มกันเรือโปรตุเกสให้เดินทางไปยังบราซิล[40][94]

เร็วๆนี้พระราชประวัติได้มีการแยกข้อเท็จจริงออกจากตำนานและโต้ตอบด้วยตำนานเย้ยหยันที่ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลแวดล้อมพระเจ้าฌูเอาและที่ซึ่งขาดแคลนเอกสารมาสนับสนุน[40] ลูเซีย บาสโตสได้เตือนที่ซึ่งแม้กระทั่งวันนี้พวกเราจำเป็นที่จะระมัดระวังในการวางเรื่องที่แน่นอนในบริบทของประวัติศาสตร์ ดังเช่น ข้อถกเถียงในการฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่มีที่ซึ่งแม้ว่าสิ้นเปลืองมหาศาลและการสบประมาท ในเวลานั้นไม่มีการชัดแจ้งในการแบ่งระหว่างการคลังสาธารณะและพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของกษัตริย์ และในตรรกะของยุคสมัยเก่า "พระมหากษัตริย์ทรงเป็นเจ้าของประเทศ....ที่ซึ่งกระจายส่วนของแบบที่ว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้แจกจ่ายความยุติธรรมและการแย่งชิง"[79] ในคำพูดของลีอันโดร โลโยลา "จากการศึกษาวิจัยใหม่ที่ปรากฏออกมา ผู้ซึ่งมีข้อจำกัดของพระองค์ แต่ผู้ซึ่งเผชิญหน้าสถานการณ์ที่เป็นอันตรายโดยสิ้นเชิงและมีชีวิตต่อไป ทั้งๆที่การปกครองประเทศขนาดเล็ก, ยากจน, ทรุดโทรม ดังเช่นโปรตุเกสในจุดเริ่มต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19"[40] ก่อนที่ศัตรูของพระองค์จะสวรรคตที่เซนต์เฮเลนา ศัตรูผู้ทรงอำนาจสูงสุดอย่างนโปเลียน กล่าวถึงพระองค์ว่า "เขาเป็นบุคคลเดียวที่หลอกข้าได้"[95] มาควิสแห่งคาราเวลาสกล่าวสรรเสริญพระองค์ในวุฒิสภาบราซิลในช่วงการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าฌูเอา ได้กล่าวว่า "เราทั้งมวล ณ ที่นี้มีเหตุผลมากมายที่จะกล่าวสรรเสริญระลึกถึงพระเจ้าฌูเอาที่ 6 พวกเราล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สำหรับผลประโยชน์มากมายที่ทรงมอบแก่พวกเรา พระองค์ทรงยกระดับบราซิลให้เป็นราชอาณาจักร ทรงจัดหาสิ่งที่ดีสำหรับพวกเราทั้งมวล ทรงดูแลพวกเราเสมอมาด้วยความรัก และชาวบราซิลทั้งหมดทั้งมวลมีความผูกพันกับพระองค์เสมอ"[96]

ใกล้เคียง

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ

แหล่งที่มา

WikiPedia: พระเจ้าฌูเอาที่_6_แห่งโปรตุเกส http://bndigital.bn.br/djoaovi/cronologia.html http://bndigital.bn.br/redememoria/joaovi.html http://veja.abril.com.br/070600/p_126.html http://veja.abril.com.br/200607/p_114.shtml http://www.correios.com.br/selos/selos_postais/sel... http://www.revistadacultura.com.br:8090/revista/rc... http://www.dichistoriasaude.coc.fiocruz.br/iah/P/v... http://www.dichistoriasaude.coc.fiocruz.br/iah/P/v... http://www.historiacolonial.arquivonacional.gov.br... http://www.historiacolonial.arquivonacional.gov.br...