ประมาณการโดยรัฐบาลเวียดนาม: กำลังพลสูญเสีย 62,000 นาย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 26,000 นาย
[3][4]สงครามจีน–เวียดนาม (
เวียดนาม: Chiến tranh biên giới Việt-Trung;
จีนตัวย่อ: 中越战争;
จีนตัวเต็ม: 中越戰爭;
พินอิน: zhōng-yuè zhànzhēng) หรือรู้จักกันในชื่อ
สงครามอินโดจีนครั้งที่สาม เป็นสงครามชายแดนสั้น ๆ สู้รบกันระหว่าง
สาธารณรัฐประชาชนจีนกับ
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในต้นปี 2522 ประเทศจีนเปิดฉากการรุกเพื่อตอบโต้
การบุกครองและยึดครองกัมพูชาของเวียดนามในต้นปี 2521 (ซึ่งยุติการปกครองของ
เขมรแดงที่จีนหนุนหลัง) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา
เฮนรี คิสซินเจอร์ เขียนว่า ผู้นำจีน
เติ้ง เสี่ยวผิง มองเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นความพยายามของโซเวียตที่จะ "เหยียดหนวดชั่วร้ายของมันมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ ... ดำเนินการขยายอาณาเขตที่นั่น" ซึ่งสะท้อน
ความแตกแยกระหว่างจีน–โซเวียตที่มีมานาน คิสซินเจอร์ยังสังเกตว่า "แม้ว่าการดำเนินการจะมีจุดอ่อน แต่การทัพของจีนสะท้อนการวิเคราะห์ทางยุทธศาสตร์ระยะยาวที่จริงจัง" กำลังจีนเข้าสู่เวียดนามตอนเหนือและยึดหลายนครใกล้ชายแดน วันที่ 6 มีนาคม 2522 ประเทศจีนประกาศว่าประตูสู่กรุงฮานอยได้เปิดออกและว่าภารกิจลงโทษลุล่วงแล้ว ก่อนถอนทหารออกจากประเทศเวียดนาม ทั้งประเทศจีนและเวียดนามต่างอ้างชัยในสงครามอินโดจีนนี้ โดยกำลังเวียดนามประจำอยู่ในกัมพูชาจนถึงปี 2532 อาจกล่าวได้ว่าประเทศจีนไม่บรรลุเป้าหมายในการห้ามมิให้เวียดนามเลิกเข้าไปข้องเกี่ยวในประเทศกัมพูชา ให้หลัง
การล่มสลายของสหภาพโซเวียต จึงได้มีการสะสางชายแดนจีน-เวียดนามแม้ว่าไม่สามารถขัดขวางเวียดนามจากกัมพูชาได้ แต่จีนสามารถแสดงให้เห็นว่าคู่แข่งคอมมิวนิสต์สมัยสงครามเย็น คือสหภาพโซเวียตนั้น ไม่สามารถคุ้มครองพันธมิตรเวียดนามได้ หลังความสัมพันธ์ที่เสื่อมลงระหว่างสหภาพโซเวียตและจีน มีการประจำทหารจีน 1.5 ล้านนายตามชายแดนจีน-โซเวียตเพื่อเตรียมสงครามเต็มขั้นกับโซเวียต