สงครามโก้นบอง–หงสาวดี (
พม่า: ကုန်းဘောင်-ဟံသာဝတီ စစ်;
อังกฤษ: Konbaung–Hanthawaddy War) เป็นสงครามที่สู้กันระหว่าง
ราชอาณาจักรโก้นบองและ
ราชอาณาจักรหงสาวดีใหม่ใน
พม่าตั้งแต่ ค.ศ. 1752 ถึง 1757 เป็นสงครามชุดสุดท้ายในระหว่างโก้นบองอันเป็นกลุ่มผู้ใช้ภาษาพม่าซึ่งอยู่ทางเหนือกับหงสาวดีอันเป็นกลุ่มผู้ใช้ภาษามอญซึ่งอยู่ทางใต้ จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของมอญซึ่งเคยครองภาคใต้มาหลายร้อยปี
[4][5]สงครามนี้เริ่มในเดือนเมษายน ค.ศ. 1752 ในสภาพขบวนการอิสระต่อต้านอำนาจกองทัพหงสาวดีที่เพิ่งยึดอำนาจจาก
ราชอาณาจักรตองอู การต่อต้านดังกล่าวมีผู้นำคือ
พระเจ้าอลองพญาผู้ก่อตั้งราชอาณาจักรโก้นบอง พระองค์สามารถเอาชัยในพื้นที่พม่าตอนบนได้ทั้งหมดเมื่อสิ้น ค.ศ. 1753 หงสาวดีจากภาคใต้จึงรุกรานกลับอย่างเต็มรูปแบบใน ค.ศ. 1754 แต่ไม่สำเร็จ เมื่อเวลาผ่านไป สงครามก็มีลักษณะทางชาติพันธุ์มากขึ้น เพราะเป็นการสู้กันของพม่าจากทางเหนือกับมอญจากทางใต้ กองทัพโก้นบองเข้าสู่พม่าตอนล่างในเดือนมกราคม ค.ศ. 1755 ยึด
ดินดอนสามเหลี่ยมอิรวดีและเมือง
ดะโกนเป็นผลสำเร็จในเดือนพฤษภาคมของปีนั้น เมืองท่า
สิเรียมที่อยู่ในความพิทักษ์ของ
กลุ่มฝรั่งเศสยื้อสงครามออกไปอีก 14 เดือน แต่ถูกตีแตกในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1756 ทำให้ฝรั่งเศสยุติบทบาทในสงครามครั้งนี้ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1757 ฝ่ายโก้นบองยึด
พะโคเมืองหลวงของหงสาวดีไว้ได้ ราชอาณาจักรหงสาวดีที่ตั้งมาได้ 16 ปีจึงล่มสลายลง กองกำลังมอญแห่งหงสาวดีถอยไปตั้งตัวใน
คาบสมุทรตะนาวศรีอยู่หลายปีโดยได้ความช่วยเหลือจาก
กรุงศรีอยุธยา แต่พม่าแห่งโก้นบองยึดคาบสมุทรดังกล่าวคืนจากกรุงศรีอยุธยาและขับไล่มอญออกไปได้ใน ค.ศ. 1765เมื่อสิ้นสงคราม กลุ่มชาติพันธุ์พม่าจากทางเหนือเข้าตั้งรกรากในคาบสมุทรตะนาวศรี และในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 การกลืนและสมรสกันระหว่างชาติพันธุ์ทำให้มอญกลายเป็นชนกลุ่มน้อยไปในที่สุด
[4]