ข้อกล่าวหาและการตัดสิน ของ เรื่องอื้อฉาวการลงทุนแมดอฟฟ์

คดีอาญามีทะเบียนว่า "U.S.A. v. Madoff" 1:08-mJ-02735 U.S. District Court for the Southern District of New York (Brooklyn)ส่วนคดีของ SEC เรียกว่า "Securities and Exchange Commission v. Madoff" 1:08-cv-10791 U.S. District Court for the Southern District of New York (Brooklyn)[146]ส่วนคดีต่อบริษัท Fairfield Greenwich Group และอื่น ๆ คือ 09-118 U.S. District Court for the Southern District of New York (Manhattan)[147]

ในขณะที่กำลังรอคำตัดสิน แมดอฟฟ์ได้พบกับผู้ตรวจราชการของ SEC นาย H. David Kotz ผู้กำลังสืบสวนว่า เจ้าหน้าที่ดูแลควบคุมได้ล้มเหลวที่จะตรวจจับการฉ้อฉลแม้ว่าจะมีสัญญาณเตือนมากมายได้อย่างไร[148]แต่เพราะว่ามีความสงสัยว่านาย Kotz อาจจะทำหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวนอย่างไม่สมควร จึงมีการให้ผู้ตรวจราชการของกรมไปรษณีย์สหรัฐนายเดวิด วิลเลียมส์ ตรวจสอบทบทวนการทำหน้าที่ที่ไม่เหมาะสมของนาย Kotz ด้วย[149]รายงานของนายวิลเลียมส์ได้ตั้งข้อสงสัยต่อความเป็นกลางของนาย Kotz ในการสืบสวนคดีของแมดอฟฟ์ เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับนายมาร์โกโปโลสผู้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับแมดอฟฟ์มานานแล้ว[150][151]แม้ว่าผู้ตรวจสอบจะไม่สามารถกำหนดว่านาย Kotz เริ่มเป็นเพื่อนกับนายมาร์โกโปโลสตั้งแต่เมื่อไร แต่รายงานสรุปว่า จะมีการละเมิดกฎจริยธรรมถ้าความเป็นเพื่อนนั้นเริ่มก่อนหรือเริ่มในระหว่างที่นาย Kotz สืบสวนคดีแมดอฟฟ์[89][152]

อดีตประธานของ SEC ผู้หนึ่งประเมินว่า การฉ้อฉลจริง ๆ อยู่ที่ระหว่าง 10,000-17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 359,846 - 611,739 ล้านบาทต้นปี 2559) โดยไม่รวมเอารายได้ที่ไม่มีจริง ๆ[3]

คำร้องทุกข์คดีอาญา

คำร้องทุกข์ทางกฎหมายอาญาเบื้องต้น (U.S. v. Madoff, 08-MAG-02735[12][153])ประเมินว่านักลงทุนสูญทรัพย์ประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,787,975 ล้านบาทต้นปี 2559) เพราะการฉ้อฉล[154]แม้ว่า The Wall Street Journal จะรายงานว่า "ตัวเลขรวมเอากำไรปลอมที่บริษัทของแมดอฟฟ์รายงานไปยังลูกค้าเป็นเวลาทศวรรษ ๆ (แต่ว่า) ยังไม่ชัดเจนว่า นักลงทุนฝากเงินไว้กับบริษัทเท่าไรจริง ๆ"[155]ในเบื้องต้นเขาถูกโจทข้อหาการฉ้อฉลหลักทรัพย์เพียงกรณีเดียว ที่มีโทษจำคุกถึง 20 ปี และปรับ 5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 179 ล้านบาท)

เอกสารของศาลแสดงว่า บริษัทมีลูกค้า 4,800 รายโดยวันที่ 30 พฤศจิกายน 2551 และรายงานบัญชีที่บอกกับลูกค้าในเดือนนั้นแสดงว่ามียอดรวม 65,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,317,215 ล้านบาท) แต่บริษัทจริง ๆ มีเงินเพียงแค่ส่วนน้อยของยอดนั้น[156]เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐจับกุมแมดอฟฟ์ในวันที่ 11 ธันวาคม 2551 ในฐานะการฉ้อฉลหลักทรัพย์[153]คือ ตามคำร้องทุกข์ ในวันก่อน[157]เขาได้บอกลูกชายทั้งสองของเขาว่า บริษัทเป็น "ธุรกิจพอนซี่ขนาดยักษ์"[158][159]ซึ่งลูกชายต่อมาจึงได้โทรคุยกับเพื่อนทนาย ผู้โทรเรียกแจ้งเจ้าหน้าที่ของรัฐเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาที่อพาร์ทเมนท์ของแมดอฟฟ์กล่าวกับเขาโดยสุภาพว่า "พวกเรามานี่เพื่อถามว่า มีคำอธิบายที่สุจริต (สำหรับเรื่องนี้) บ้างไหม" ซึ่งนักการเงินอายุ 70 ปีก็ตอบว่า "มันไม่มีคำอธิบายสุจริตอื่น"[13][154]คือเขาได้ "จ่ายนักลงทุนด้วยเงินที่ไม่มีจริง ๆ"[160]

ศาลให้ประกันตัวแมดอฟฟ์ในวันเดียวกันโดยใช้หลักทรัพย์ประกันมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 318 ล้านบาท)[158]แมดอฟฟ์และภรรยาต้องสละหนังสือเดินทาง ถูกจำกัดการเดินทาง และต้องกลับบ้านก่อน 7 โมงเย็น โดยเป็นข้อตกลงของการให้ประกัน[161]แมดอฟฟ์ได้รับคำขู่ฆ่า ซึ่งสำนักงานสอบสวนกลางได้รับเรื่องไว้ และ SEC จึงขอให้ศาลจำกัดแมดอฟฟ์ให้อยู่ที่อพาร์ทเมนท์ เพราะกลัวว่า "ไม่ถูกทำร้ายก็หนี"[161][162]เขามีกล้องจับดูอยู่ที่ประตูบ้าน โดยมีอุปกรณ์ส่งสัญญาณไปให้ FBI และภรรยาของเขาต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อรักษาความปลอดภัย[162]

ในวันที่ 5 มกราคม 2552 ผู้ดำเนินคดีร้องให้ศาลยกเลิกการให้ประกันตัว หลังจากที่แมดอฟฟ์และภรรยาละเมิดคำสั่งอายัดทรัพย์ของศาลโดยส่งของมีค่าอาจมีมูลค่าถึง 1 ล้านดอลลาร์ให้กับญาติ รวมทั้งลูกชายและน้องชายนอกจากนั้นแล้ว ยังพบเช็คที่ลงลายเซ็นเรียบร้อยแล้วมีมูลค่าถึง 173 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,363 ล้านบาท) ที่โต๊ะสำนักงานของแมดอฟฟ์หลังจากถูกจับ[163][164]ลูกชายของเขาเป็นคนแจ้งการส่งของมีค่าต่อเจ้าหน้าที่ ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าแมดอฟฟ์ต้องการให้ความร่วมมือ[164]อาทิตย์ต่อมา ศาลปฏิเสธคำขอของรัฐให้ยกเลิกการประกันตัว แต่บังคับให้แมดอฟฟ์ทำรายการสินทรัพย์ส่วนตัว และอนุญาตให้ค้นสิ่งของทางไปรษณีย์[165]

วันที่ 10 มีนาคม 2552 อัยการสูงสุดเขตใต้ของนิวยอร์กส่งคำร้องทุกข์โดยฟ้องแมดอฟฟ์ด้วยข้อหา 11 กระทงต่อศาล[166][167]คือ การฉ้อฉลในการค้าหลักทรัพย์ การฉ้อฉลโดยอาศัยความไว้ใจในฐานะเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางการเงิน การฉ้อฉลผ่านไปรษณีย์ การฉ้อฉลผ่านการสื่อสาร การฟอกเงิน การให้ความเท็จ การเบิกความเท็จ การยื่นเอกสารปลอมให้กับคณะกรรมาธิการหลักทรัพย์และการแลกเปลี่ยน (SEC) การลักทรัพย์จากกองทุนเงินเกษียณของลูกจ้าง[153][168]คำร้องทุกข์แจ้งว่า แมดอฟฟ์ได้ฉ้อฉลลูกค้าเป็นจำนวนเกือบ 65,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการฉ้อฉลแบบพอนซี่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นการฉ้อฉลต่อนักลงทุนที่ใหญ่ที่สุดทำโดยบุคคลคนเดียวอีกด้วย

การให้การ

ในวันที่ 12 มีนาคม 2552 แมดอฟฟ์ให้การสารภาพความผิดทุกกระทง[22]รวมทั้งการฟอกเงิน 3 กระทง โดยผู้ดำเนินคดีหาว่า เขาได้ใช้สำนักงานในลอนดอนที่เป็นอีกบริษัทหนึ่ง เพื่อฟอกเงินกว่า 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,934 ล้านบาท) โดยโอนเงินลูกค้าจากแผนกบริหารทรัพย์สินในนิวยอร์กไปยังลอนดอน แล้วก็โอนกลับมา เพื่อให้ดูเหมือนว่าเขากำลังลงทุนในยุโรปเพื่อลูกค้า[169]เขาไม่ได้ตกลงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ดำเนินคดีเพื่อผ่อนผันการลงโทษ เขาเพียงแต่สารภาพความผิดโดยสละสิทธิ์การดำเนินคดีโดยลูกขุนข้อหาเหล่านั้นมีโทษจำคุกสูงสุด 150 ปี รวมการบังคับให้คืนทรัพย์ และค่าปรับเป็นจำนวน 2 เท่าของกำไรที่ได้หรือการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐประมาณว่า แมดอฟฟ์ต้องคืนทรัพย์ 7,200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 217,145 ล้านบาท)[153][168]ก่อนหน้านั้นเดือนหนึ่ง แมดอฟฟ์ยอมความนอกศาลกับคดีแพ่งของ SEC เขาถูกห้ามไม่ให้ทำการในอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ตลอดชีวิต และตกลงจ่ายค่าปรับในจำนวนที่ไม่ได้เปิดเผย[170]

นักข่าวกำลังรอที่หน้าอาคารที่อยู่ของแมดอฟฟ์เมื่อถูกจำกัดให้อยู่ที่นั่น

ในการให้การก่อนตัดสิน แมดอฟฟ์ยอมรับว่าได้ดำเนินธุรกิจแบบพอนซี่และแสดงความเสียใจต่อการทำผิดของเขา

เขาให้การว่า การฉ้อฉลเริ่มตั้งแต่ต้นคริสต์ทศวรรษ 1990คือเขาต้องการจะสนองความต้องการของลูกค้าที่จะได้ผลกำไรตามที่สัญญา แม้ในช่วงเศรษฐกิจจะตกเขายอมรับว่า ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่ได้ใช้เงินของลูกค้าลงทุนอะไรจริง ๆ อีกเลยเขาเพียงแต่ฝากเงินที่ได้มาในบัญชีธุรกิจที่ธนาคารเขายอมรับว่า เขาได้สร้างรายการบัญชีปลอม ๆ ที่อำพรางโดยการโอนเงินระหว่างประเทศและการทำบัญชีปลอมส่งให้แก่ SECเมื่อลูกค้าต้องการถอนเงิน เขาก็จ่ายออกจากบัญชีธุรกิจของเขา แล้วอ้างว่า ผลกำไรที่ได้มาจากกลยุทธ์การลงทุนแบบ split-strike conversion ที่ไม่เหมือนใครเขากล่าวว่า เขามีเจตนาที่จะเลิกใช้กลเม็ดเช่นนี้ แต่ว่า มันกลายเป็นเรื่องที่ยากและในที่สุดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากหลุมที่ตนขุดไว้ในที่สุด เขาก็ปลงใจว่าในที่สุดเขาจะต้องถูกจับฐานะทำการฉ้อฉล[22]

เหยื่อเพียงแค่ 2 คนจาก 25 คนที่ขอออกเสียงในศาล คัดค้านการให้การสารภาพผิดของแมดอฟฟ์[153][171]และศาลก็ได้ยอมรับการสารภาพผิดของเขา แล้วฝากขังเขาไว้ที่คุก Manhattan Metropolitan Correctional Center จนกระทั่งวันตัดสินโดยศาลกล่าวว่า แมดอฟฟ์ตอนนี้มีโอกาสหนีสูง เพราะเหตุความสูงอายุ ความร่ำรวย และโอกาสถูกจำคุกตลอดชีวิต[172]

ส่วนทนายของเขาอุทธรณ์ขอให้ส่งเขาไปกักที่บริเวณบ้านเพื่อรอการตัดสิน และให้มีเงื่อนไขการให้ประกันแบบเดิม โดยอ้างว่าเขาจะยอมให้ความร่วมมือกับการสืบคดีของรัฐบาลที่ดีกว่า[173]แต่อัยการคัดค้าน[174][175]แล้วในวันที่ 20 มีนาคม 2552 ศาลอุทธรณ์ก็ปฏิเสธคำร้องของแมดอฟฟ์[176]

ในวันที่ 26 มิถุนายน 2552 ศาลสั่งยึดทรัพย์ 170 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,024 ล้านบาท) ส่วนภรรยาจะสละทรัพย์ประมาณ 80 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,835 ล้านบาท) โดยเหลือเงินสดเพียงแค่ 2.5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 89 ล้านบาท)[107]แต่ข้อตกลงนี้ไม่ได้ป้องกัน SEC และทรัสตีปิการด์จากการฟ้องคดีเรียกทรัพย์จากนางแมดอฟฟ์[108]และแม้ว่า แมดอฟฟ์จะได้ร้องขอให้ป้องกันทรัพย์สินจำนวน 70 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,480 ล้านบาท) เพื่อภรรยา โดยอ้างว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฉ้อฉล

การตัดสินและชีวิตในเรือนจำ

ผู้ดำเนินคดีแนะนำให้ตัดสินจำคุกตามโทษสูงสุดที่ 150 ปี และแจ้งแก่ศาลว่า ทรัสตีผู้ติดตามทรัพย์สินคือนายเออร์วิง ปิการ์ด ได้แจ้งว่า "แมดอฟฟ์ไม่ได้ให้ความร่วมมือหรือความช่วยเหลือใด ๆ ที่มีความหมาย"[177][178]ส่วนสำนักงานเรือนจำสหรัฐแนะนำให้ลงโทษ 50 ปี ในขณะที่ทนายของแมดอฟฟ์แนะนำ 12 ปี โดยอ้างว่าแมดอฟฟ์ได้สารภาพความผิด[108]ในวันที่ 29 มิถุนายน ศาลตัดสินให้จำคุก 150 ปี ดังที่แนะนำโดยผู้ดำเนินคดีโดยกล่าวว่า ศาลไม่ได้รับจดหมายขอให้บรรเทาโทษจากเพื่อนหรือญาติโดยให้การถึงการกระทำความดีของแมดอฟฟ์ และว่า "การปราศจากหลักฐานสนับสนุนดังที่ว่าเป็นเรื่องฟ้อง (ว่าแมดอฟฟ์ไม่ได้ทำความดีอะไร)"[179]

นักวิเคราะห์ข่าวให้ข้อสังเกตว่า นี่เป็นเรื่องที่ต่างจากคดีคนทำงานสำนักงานอื่น ๆ ที่มักจะมีชื่อเสียงในเรื่องการกุศลหรือในการให้ความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเหยื่อในคดีและแม้ว่า เหยื่อของแมดอฟฟ์จะรวมองค์กรและมูลนิธิการกุศลเป็นจำนวนหนึ่ง แต่คนคนเดียวที่ขอความเมตตาจากศาลก็คือทนายของจำเลย[180]ศาลได้เรียกการฉ้อฉลนี้ว่า "ไม่มีอะไรเทียบ" และ "เขย่าขวัญ" และกล่าวว่า การลงโทษจะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นทำการฉ้อฉลเช่นเดียวกัน"ในที่นี้เราต้องแสดงให้เห็นว่า การทำผิดของแมดอฟฟ์ร้ายกาจมาก"เหยื่อหลายรายที่เสียทรัพย์สินที่เก็บมาทั้งชีวิต ได้ปรบมือแสดงความพอใจต่อการลงโทษ[181]

ศาลเห็นด้วยกับผู้ดำเนินคดีว่า การฉ้อฉลความจริงเริ่มมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1980เขายังให้ข้อสังเกตว่า อาชญากรรมของแมดอฟฟ์ "ตกกราฟเลย" เพราะว่า ข้อแนะนำการตัดสินโทษของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับการฉ้อฉลกำหนดความเสียหายถึงเพียงแค่ 400 ล้านดอลลาร์ และโทษของแมดอฟฟ์เป็น 162 เท่ายิ่งกว่านั้น[182]ศาลกล่าวว่า "ข้าพเจ้ารู้สึกว่า แมดอฟฟ์ยังไม่ได้ทำสิ่งที่ตนทำได้หรือได้บอกสิ่งที่ตนรู้ทั้งหมด" โดยให้ข้อสังเกตว่า แมดอฟฟ์ไม่ยอมแสดงผู้ร่วมทำผิด ทำให้ผู้ดำเนินคดีลำบากในการดำเนินคดีผู้อื่นศาลไม่พิจารณาคำขอความเมตตาจากทนายจำเลยโดยกล่าวว่า แมดอฟฟ์ได้ให้สมาชิกครอบครัวกู้เงิน และได้โอนเงิน 15 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 540 ล้านบาท) จากบริษัทไปยังบัญชีของภรรยาก่อนที่จะสารภาพผิด[183]

ทรัสตีผู้มีหน้าที่หาเงินมาคืนผู้สูญทรัพย์นายเออร์วิง ปิการ์ด ยังกล่าวด้วยว่า แมดอฟฟ์ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรอย่างสำคัญ ทำให้ยากในการสืบหาทรัพย์สินอดีตอัยการผู้หนึ่งเสนอว่า แมดอฟฟ์ความจริงสามารถได้การตัดสินจำคุกแบบปล่อยตัวโดยมีการคุมความประพฤติ ถ้าได้ร่วมมืออย่างเต็มที่กับผู้สืบสวนคดี แต่ความเก็บเงียบของแมดอฟฟ์แสดงว่ายังมีผู้ร่วมทำผิดอื่น ซึ่งทำให้ศาลตัดสินโดยโทษสูงสุด[184][185]ศาลยังสั่งให้แมดอฟฟ์คืนทรัพย์ 17,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 608,031 ล้านบาทต้นปี 2559) อีกด้วย[186][187][188]

แมดอฟฟ์ได้ขอโทษเหยื่อเมื่อถูกตัดสินว่า "ผมได้ทิ้งมรดกแห่งความอับอายไว้อย่างหนึ่ง ดังที่เหยื่อของผมได้แสดง ต่อครอบครัวและหลาน ๆ ของผม นี่เป็นอะไรที่ผมต้องอยู่กับมันตลอดชีวิตที่เหลือ ผมเสียใจ ... ผมรู้ว่านี่ไม่ได้ช่วยคุณ"[189]

แมดอฟฟ์ถูกจำขังที่คุก Butner Federal Correctional Complex (คุกเข้มงวดชั้นกลาง) ที่อยู่นอกเมืองราลี รัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยมีเลขประจำตัว #61727-054[190]ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 เขาได้ให้สัมภาษณ์จากคุกเป็นครั้งแรกต่อทนายคู่หนึ่ง เพราะว่าพวกเขาขู่ที่จะฟ้องภรรยาของเขาคือนางรูธ โดยเป็นตัวแทนนักลงทุนหลายรายแต่ในการสัมภาษณ์เป็นเวลา 4 1/2 ชม. เขาทำตัวหยิ่งทะนงตน และเมื่อถามถึงจึงจะขอโทษลูกค้าของเขา[191]

ใกล้เคียง

เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน เรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องอื้อฉาวการลงทุนแมดอฟฟ์ เรื่องพิศวง เด็กสาว และเทพลักซ่อน เรื่องฝันปั่นป่วยของผม เรื่องจริงหลังไมค์ของคู่หูยัยนักพากย์ เรื่องอื้อฉาวฟุตบอลไทย พ.ศ. 2560 เรื่องราวอีเหละเขะขะของแม่ลูกแม่มด เรื่องตลก 69 เรื่องเล่าการทรงสร้างในปฐมกาล

แหล่งที่มา

WikiPedia: เรื่องอื้อฉาวการลงทุนแมดอฟฟ์ http://www.theaustralian.news.com.au/business/stor... http://business.smh.com.au/business/madoffs-assets... http://www.cbc.ca/money/story/2009/06/29/madoff-po... http://www.1010wins.com/pages/3547010.php http://news.aol.com/article/did-bernard-madoff-act... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601039&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si...