ลูกค้าที่เสียทรัพย์ ของ เรื่องอื้อฉาวการลงทุนแมดอฟฟ์

ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 ศาลคดีล้มละลายในแมนแฮตตันเปิดเผยรายการลูกค้ายาว 162 หน้าที่มีรายการบัญชีกว่า 13,500 บัญชี[208]แต่ไม่ได้แสดงจำนวนที่ลงทุน[209]แต่ว่า บุคคลที่ลงทุนผ่าน Fairfield Greenwich Group, Ascot Partners, หรือ Chais Investments ไม่ได้รวมอยู่ในรายชื่อ[210]ลูกค้ามีทั้งธนาคาร กองทุนบริหารความเสี่ยง มหาวิทยาลัย และเศรษฐี ซึ่งรวมเงินเป็น 41,000 ล้านดอลลาร์ ตามการนับของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง แต่อาจจะนับผู้ลงทุนบางพวกหลายครั้งผ่านกองทุนที่ส่งทุนให้แมดอฟฟ์อีกที[211]แม้ว่าแมดอฟฟ์จะส่งรายงานให้แก่ SEC ในปี 2551 ว่า แผนกแนะนำทางการเงินของเขามีลูกค้าเพียงแค่ 11-25 รายและมีทรัพย์สินเพียงแค่ 17,100 ล้านดอลลาร์[212]

ลูกค้าที่มีชื่อเสียงรวมทั้งผู้กำกับหนังยอดดังสตีเวน สปีลเบิร์ก ประธานบริหารบริษัทดรีมเวิร์กสแอนิเมชัน เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก ดารานักแสดงเควิน เบคอน และนักแสดงจอห์น มัลโควิช[213]และพิธีรายการโทรทัศน์แลร์รี คิง[214]

ผู้ลงทุนที่ใหญ่ที่สุด

ตามหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal[215]ผู้ลงทุนที่เสียทรัพย์มากที่สุด รวมทั้งกองทุนที่ส่งเงินต่อให้แมดอฟฟ์ คือ

  • Fairfield Greenwich Group (บริษัทบริหารหลักทรัพย์อเมริกัน) 7,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 268,346 ล้านบาทต้นปี 2559)
  • Tremont Capital Management (บริษัทบริหารหลักทรัพย์)[216] 3,300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 118,082 ล้านบาท)
  • ธนาคารสเปน Banco Santander 2,870 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 102,696 ล้านบาท)
  • ธนาคารออสเตรีย Bank Medici 2,100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 75,123 ล้านบาท)
  • Ascot Partners (บริษัทบริหารหลักทรัพย์อเมริกัน) 1,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 64,401 ล้านบาท)
  • Access International Advisors (บริษัทบริหารหลักทรัพย์ฝรั่งเศส) 1,400 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 50,083 ล้านบาท)
  • ธนาคารเนเธอร์แลนด์ Fortis-ABN AMRO 1,350 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 48,294 ล้านบาท)
  • ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 35,773 ล้านบาท)

ทรัพย์ที่มีโอกาสสูญของกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้อาจถึง 21,320 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 762,670 ล้านบาท)

ส่วนกองทุนที่ส่งเงินต่อคือ Thema International Fund โดยวันที่ 30 พฤศจิกายน 2551 มีทรัพย์สินสุทธิกับแมดอฟฟ์ที่ 1,100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 39,350 ล้านบาท)[217][218]ส่วนนักลงทุนอีก 11 รายที่มีโอกาสสูญทรัพย์ระหว่าง 100 ล้าน - 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,577 - 35,773 ล้านบาท) คือ

มีนักลงทุนอีก 23 คนที่มีโอกาสสูญทรัพย์ระหว่าง 500,000 - 100 ล้านดอลล่าร์ (ประมาณ 18 - 3,577 ล้านบาท) โดยมีโอกาสสูญทรัพย์รวมกัน 540 ล้านดอลลาร์ (19,201 ล้านบาท) ที่สุดแล้ว หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal รวมโอกาสสูญทรัพย์รวมกันทั้งสิ้นทุกลุ่ม 26,900 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 956,483 ล้านบาท)

ต่อมานักลงทุนบางท่านเปลี่ยนการประเมินทรัพย์ที่สูญโดยนับเอาแต่ทุนเบื้องต้น เพราะว่ากำไรที่บริษัทรายงานน่าจะเป็นเรื่องฉ้อฉล ยกตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัย Yeshiva University ในนครนิวยอร์ก กล่าวว่า โอกาสสูญทรัพย์ของมหาวิทยาลัยมีเพียงแค่ 14.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 516 ล้านบาท) ไม่ใช่ 110 ล้านดอลลาร์ (3,911 ล้านบาท) ตามที่รายงานในเบื้องต้น เพราะว่าจำนวนที่มากกว่ารวมเอากำไรที่แมดอฟฟ์ได้รายงานต่อมหาวิทยาลัย

การปรับของกรมสรรพากร

มีการประเมินว่า กรมสรรพากรในสหรัฐอาจปรับมูลนิธิที่ลงทุนกับแมดอฟฟ์เป็นจำนวนเงินถึง1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 35,557 ล้านบาท)แม้ว่ามูลนิธิการกุศลปกติจะไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ต่อรัฐบาลกลาง แต่ก็ยังอาจต้องถูกปรับภาษีสรรพสามิต เพราะเหตุไม่ได้ตรวจดูการลงทุนกับแมดอฟฟ์ให้ดี ๆ ไม่สนใจสัญญาณเตือน และไม่กระจายเงินลงทุนให้ดีเบี้ยปรับเริ่มที่ 10% ของจำนวนที่ลงทุน และจะเป็น 25% ถ้าไม่พยายามทวงเอาทรัพย์คืนประธานแผนกต่าง ๆ ผู้อำนวยการ และทรัสตีของมูลนิธิอาจถูกเบี้ยปรับถึง 15% และผู้จัดการแต่ละคนอาจถูกปรับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 711,000 บาท) สำหรับการลงทุนแต่ละอย่าง[219]

ใกล้เคียง

เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน เรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องอื้อฉาวการลงทุนแมดอฟฟ์ เรื่องพิศวง เด็กสาว และเทพลักซ่อน เรื่องฝันปั่นป่วยของผม เรื่องจริงหลังไมค์ของคู่หูยัยนักพากย์ เรื่องอื้อฉาวฟุตบอลไทย พ.ศ. 2560 เรื่องราวอีเหละเขะขะของแม่ลูกแม่มด เรื่องตลก 69 เรื่องเล่าการทรงสร้างในปฐมกาล

แหล่งที่มา

WikiPedia: เรื่องอื้อฉาวการลงทุนแมดอฟฟ์ http://www.theaustralian.news.com.au/business/stor... http://business.smh.com.au/business/madoffs-assets... http://www.cbc.ca/money/story/2009/06/29/madoff-po... http://www.1010wins.com/pages/3547010.php http://news.aol.com/article/did-bernard-madoff-act... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601039&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si...