ผลกระทบ ของ เรื่องอื้อฉาวการลงทุนแมดอฟฟ์

คดีอาญาต่อธนาคาร Aurelia Finance

มีการดำเนินคดีอาญาต่อกรรมการบริษัท 5 คนของธนาคารบริหารหลักทรัพย์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คือ Aurelia Finance ที่สูญทรัพย์ของลูกค้าประมาณ 800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 28,446 ล้านบาท) ทรัพย์สินของกรรมการบริษัทได้ถูกอายัดแล้ว[220][221]

กลุ่มธนาคาร Santander

ลูกค้าในอเมริกาใต้ที่ลงทุนกับแมดอฟฟ์ผ่านธนาคารสเปน Grupo Santander ได้ฟ้องคดีในนามกลุ่มบุคคลต่อธนาคาร Santander ในเมืองไมแอมี รัฐฟลอริดาและธนาคารตกลงที่จะจ่ายให้ลูกค้าเป็นหุ้นบุริมสิทธิของธนาคารมีมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 71,114 ล้านบาท) เท่ากับทุนเริ่มต้นของลูกค้าซึ่งเป็นหุ้นที่แบ่งเงินปันผล 2%[222]โดยมีลูกค้าประมาณ 70% ที่ยอมรับข้อตกลงนี้[223]

ธนาคาร Union Bancaire Privee

ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2552 ธนาคาร UBP ถูกฟ้องในเขตแมนแฮตตัน[224]แต่ว่าแม้ต้วธนาคารเองก็เป็นเหยื่อของแมดอฟฟ์เหมือนกัน และธนาคารก็ได้เสนอในเดือนมีนาคม 2552 ที่จะชดเชยเงินผู้ลงทุนครึ่งหนึ่งจากที่ลงทุนกับแมดอฟฟ์ดั้งเดิม[225]ต่อมาวันที่ 6 ธันวาคม 2553 UBP ประกาศว่าได้ตกลงกับทรัสตีโดยจ่ายเงินอาจจะถึง 500 ล้านดอลลาร์ (17,887 ล้านบาท) เพื่อสางคดีเกี่ยวข้องกับทรัสตี โดยเป็นธนาคารแรกที่ตกลงกับทรัสตี[226]ด้วยการตกลงเช่นนี้ ทรัสตีตกลงที่จะไม่ฟ้องคดีเรียกทรัพย์คืนแบบ clawback ต่อธนาคาร เครือข่ายธนาคาร หรือลูกค้าของธนาคาร[227]

Notz Stucki

ส่วนกองทุนบริหารหลักทรัพย์ในเมืองเจนีวา Notz Stucki's Plaza Fund จะจ่ายเงินจนถึง 103.2 ล้านดอลลาร์ (3,692 ล้านบาท) ให้กับลูกค้าที่ไม่ได้ขอลงทุนกับแมดอฟฟ์โดยเฉพาะ และจะจ่ายเป็นตั๋วแลกเงินออกให้โดยนิติบุคคลต่างหากที่แลกเป็นเงินได้หมดภายใน 5 ปี[228]

ธนาคาร Bank Medici

Bank Medici เป็นธนาคารออสเตรียตั้งโดยเจ้าของผู้พบกับแมดอฟฟ์เมื่อปี 2528 เมื่อยังอยู่ในนครนิวยอร์ก[229]ผลกำไร 90% ของธนาคารมาจากบริษัทของแมดอฟฟ์[230]ในเดือนธันวาคม 2558 ธนาคารรายงานว่า กองทุนสองกองทุนของธนาคารอาจจะสูญทรัพย์เพราะแมดอฟฟ์ต่อมาวันที่ 2 มกราคม 2552 เจ้าหน้าที่ควบคุมธนาคารของประเทศ (FMA) ได้เข้าควบคุมธนาคาร[231]รัฐได้ประมูลขายใบอนุญาตธนาคาร และธนาคารก็กำลังถูกฟ้องโดยลูกค้าทั้งในสหรัฐอเมริกาและในออสเตรีย[232]ผู้สืบสวนคดีได้เริ่มการสืบสวนทางอาญาทั้งต่อธนาคารและเจ้าของ ซึ่งได้ลงทุนทรัพย์กว่า 2,100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 75,123 ล้านบาท) กับแมดอฟฟ์[233]ต่อมาวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 ธนาคารก็ถูกริบใบอนุญาต[234]

Innocence Project

Innocence Project เป็นองค์กรการกุศลที่ได้เงินโดยมากจากมูลนิธิ JEHT Foundation ซึ่งได้ทุนจากผลกำไรที่ได้จากแมดอฟฟ์ต่อมาผู้บริหารเงินทุนจึงต้องปิดองค์กรทั้งสองซึ่งปกติช่วยเหลือบุคคลที่อยู่ในสถานะชีวิตที่ไม่ดี โดยเฉพาะอดีตนักโทษ[235][236]

ธนาคาร Westport National

ในเดือนเมษายน 2553 อัยการสูงสุดของรัฐคอนเนตทิคัตฟ้องคดีธนาคาร Westport National และเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งในฐานะ "เท่ากับช่วยและสนับสนุน" การฉ้อฉลของแมดอฟฟ์โดยต้องการฟ้องเอาเงินคืน 16.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 485 ล้านบาท) ซึ่งรวมค่าธรรมเนียมที่ธนาคารเก็บจากลูกค้าที่ลงทุนกับแมดอฟฟ์โดยมีประมาณ 241 รายที่ได้ลงทุนทรัพย์ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 300 ล้านบาท)แต่ธนาคารไม่ยอมรับผิดโดยประการทั้งปวง[237]

มูลนิธิ Picower

มูลนิธิ Picower ที่จัดตั้งขึ้นในปี 2545 เป็นองค์กรการกุศลแนวหน้าในสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งสถาบันพิเคาเออร์เพื่อการเรียนรู้และความจำ (Picower Institute for Learning and Memory) ที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์, Human Rights First, ห้องสมุดสาธารณะในมหาครนิยอร์ก (New York Public Library) และกองทุนสุขภาพเด็ก (Children's Health Fund)โดยเป็นองค์กรกุศลที่จัดว่าใหญ่เป็นอันดับ 71 ในสหรัฐและมีรายงานว่าได้ลงทุนทรัพย์ 1,000 ล้านดอลลาร์กับแมดอฟฟ์โดยผู้จัดตั้งมูลนิธิคือนายเจฟฟรีย์ พิเคาเออร์ ได้เป็นเพื่อนกับแมดอฟฟ์เป็นเวลากว่า 30 ปีต่อมามูลนิธิ รวมทั้งองค์กรการกุศลที่ลงทุนกับแมดอฟฟ์อื่น ๆ ได้ประกาศในเดือนธันวาคม 2551 ว่า จะยุติการดำเนินงาน[238]

ปีเตอร์ แมดอฟฟ์

ในวันที่ 29 มิถุนายน 2555 ปีเตอร์ให้การสารภาพความผิดในศาลรัฐบาลกลางในข้อหาต่าง ๆ และตกลงยอมรับโทษจำคุก 10 ปีในช่วงการดำเนินคดี อัยการได้แสดงว่า ปีเตอร์ได้เซ็นรายงานการปฏิบัติตามกฎหมายหลาย ๆ อาทิตย์พร้อม ๆ กัน โดยใช้ปากกาและสีปากกาต่าง ๆ กันเพื่อจะให้ดูเหมือนว่าได้เซ็นเอกสารเหล่านั้นในเวลาต่าง ๆ กัน[239]นอกจากนั้นแล้ว ปีเตอร์ยังยอมรับการซ่อนทรัพย์เป็นล้าน ๆ ดอลลาร์จากกรมสรรพากรสหรัฐ (IRS) เพื่อเลี่ยงภาษี และได้นำเงิน 200,000 ดอลลาร์ไปบริจาคเพื่อการกุศลแม้หลังจากที่การฉ้อฉลได้ถูกเปิดโปงแล้ว[240][241]

ศาลมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินทั้งหมดรวมทั้งเงินสด บ้าน รถยนต์ และนาฬิกาโรเล็กซ์และข้อตกลงระงับคดีกับครอบครัวบังคับให้ภรรยาคือนางมาเรียน ลูกสาวคือนางชานา แมดอฟฟ์ สวอนสัน และญาติอื่น ๆ ต้องสละทรัพย์สินต่าง ๆ[242]ในวันที่ 20 ธันวาคม 2555 เขาถูกตัดสินให้จำคุก 10 ปีฐานมีส่วนร่วมกับธุรกิจพอนซี่[243]

การฆ่าตัวตาย

René-Thierry Magon de la Villehuchet

ในวันที่ 23 ธันวาคม 2551 มีการพบศพของผู้จัดตั้งบริษัท Access International Advisors LLC คนหนึ่งคือนาย René-Thierry Magon de la Villehuchet ในสำนักงานของบริษัทในมหานครนิวยอร์ก โดยตัดเส้นเลือดที่ข้อมือซ้าย[244]นายเดอลาวิลเลฮูเชต์ได้ทานยานอนหลับเข้าไปด้วย จึงปรากฏว่าเป็นการฆ่าตัวตาย[245][246]ผู้เสียชีวิตมาจากตระกูลเก่าแก่ฝรั่งเศส และแม้ว่าจะไม่พบจดหมายลาตายที่สำนักงาน แต่ว่าพี่ชายของเขาในฝรั่งเศสก็ได้รับจดหมายไม่นานนักหลังจากพบศพที่เขาได้เขียนถึงความเสียใจและความรู้สึกผิด[244]

สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐและคณะกรรมาธิการหลักทรัพย์และการแลกเปลี่ยน (SEC) ไม่เชื่อว่า นายเดอลาวิลเลฮูเชต์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อฉล[246]นายแฮร์รี่ มาโกโปโลสกล่าวว่า เขาได้พบกับนายเดอลาวิลเลฮูเชต์เมื่อหลายปีก่อนและได้เตือนเขาด้วยว่า แมดอฟฟ์อาจกำลังทำผิดกฎหมาย[247]ในปี 2545 บริษัทได้ลงทุนทรัพย์สินที่จัดการ 540 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 23,256 ล้านบาท) (45%) กับแมดอฟฟ์แต่โดยปี 2551 บริษัทได้ลงทุน 2,250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 74,862 ล้านบาท) (75%) กับแมดอฟฟ์

นอกจากนั้นแล้ว นายเดอลาวิลเลฮูเชต์ยังได้ลงทุนทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดและ 20% ของพี่ชาย กับแมดอฟฟ์[248]พี่ชายแสดงว่า นายเดอลาวิลเลฮูเชต์ไม่ได้รู้จักแมดอฟฟ์โดยตรงแต่รู้จักผ่านเพื่อนผู้ร่วมจัดตั้งบริษัทซึ่งเป็นนายธนาคารชาวฝรั่งเศส[244]

วิลเลียม ฟ็อกซ์ตัน

ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 นายทหารชาวอังกฤษผู้ได้รับเหรียญเกียรติยศนายวิลเลียม ฟ็อกซ์ตัน OBE[249]วัย 65 ปี ได้ยิงตัวตายในสวนสาธารณะในเมืองเซาแทมป์ตัน ประเทศอังกฤษ หลังจากที่สูญทรัพย์สมบัติทั้งหมดเขาได้ลงทุนทรัพย์ของเขากับกองทุนต่าง ๆ[250][251]ของธนาคาร Bank Medici ในประเทศออสเตรียที่ส่งทุนต่อให้แมดอฟฟ์[252]

นายมาร์ก แมดอฟฟ์

ในวันที่ 10 ธันว่าคม 2553 มีการพบศพลูกชายคนโตของแมดอฟฟ์คือมาร์ก สองปีเต็มหลังจากที่พ่อของเขาถูกจับ โดยแขวนคอตายในห้องพักนครนิวยอร์กและปรากฏเป็นการฆ่าตัวตาย แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะไม่พบจดหมายลาตาย[253]มาร์กได้พยายามหางานซื้อขายหุ้นในบริษัทของวอลล์สตรีทอย่างไม่สำเร็จผลหลังจากการฉ้อฉลได้ถูกเปิดโปง มีรายงานว่าเขาเครียดเกี่ยวกับการถูกดำเนินคดีเพราะว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางกำลังสืบสวนเรื่องการฉ้อฉลภาษีนอกจากนั้นแล้ว ทรัสตีคือนายปิการ์ดยังฟ้องคดีต่อสมาชิกครอบครัวของแมดอฟฟ์หลายคนรวมทั้งนายมาร์ก[254]

ในสำนวนดำเนินคดี นายปิการ์ดกล่าวว่า นายมาร์กและญาติอื่น ๆ ของแมดอฟฟ์ได้ผลกำไรที่ไม่ควรเป็นสิบ ๆ ล้านดอลลาร์ ผ่านธุรกรรมการลงทุน "ที่เป็นนิยายหรือแก้เปลี่ยนวันที่ในภายหลัง" และแสดงสัญญาการกู้ยืมเพื่อซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้คืนนายปิการ์ดยังกล่าวด้วยยว่า นายมาร์กอยู่ในฐานะที่ควรจะรู้ถึงการฉ้อฉลของบริษัทบิดา เพราะว่าเป็นผู้อำนวยการแผนกการซื้อขายหุ้น และทำหน้าที่เป็นหัวหน้าบริษัทถ้าบิดาไม่อยู่ และมีใบอนุญาตในการซื้อขายหลักทรัพย์หลายใบกับองค์การควบคุมอุตสาหกรรมการเงิน (Financial Industry Regulatory Authority ตัวย่อ FINRA)แต่ว่า นายมาร์กความจริงทำงานกับแผนกของบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฉ้อฉล และไม่มีการฟ้องคดีว่ามีความผิดใด ๆ[255]

คณะกรรมาธิการหลักทรัพย์และการแลกเปลี่ยน (SEC)

หลังจากการเปิดโปงการฉ้อฉลของแมดอฟฟ์ ผู้ตรวจราชการของคณะกรรมาธิการหลักทรัพย์และการแลกเปลี่ยนได้ทำการตรวจสอบภายในถึงความล้มเหลวขององค์กรในการตรวจพบการฉ้อฉลแม้ว่าจะมีทั้งสัญญาณเตือนและการให้ข้อมูลจากบุคคลอื่น ๆ แล้วเขียนเป็นรายงาน 477 หน้า[256]ว่าองค์กรพลาดสัญญาณเตือนเหล่านั้นได้อย่างไร ได้ชี้ถึงโอกาสที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำ ๆ ที่จะตรวจพบการฉ้อฉล และว่าความพยายามขององค์กรไร้ประสิทธิภาพอย่างไร[257]และโดยตอบสนองต่อคำแนะนำที่ปรากฏในรายงาน เจ้าหน้าที่ขององค์กร 8 คนได้ถูกลงโทษ แต่ไม่มีใครถูกไล่ออก[258]

ธนาคาร JPMorgan Chase

ในวันที่ 7 มกราคม 2557 นิตยสารฟอบส์และสำนักงานข่าวอื่น ๆ รายงานว่า ธนาคาร JPMorgan Chase ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่สุดของสหรัฐอเมริกาและใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก และเป็นที่ฝากเงินของแมดอฟฟ์ รายงานว่าธนาคารตกลงที่จะจ่ายทรัพย์เพื่อระงับคดีเป็นจำนวน 1,700 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 56,253 ล้านบาท)เป็นการระงับการดำเนินคดีทางอาญาทุกอย่างที่สามารถฟ้องธนาคารได้เพราะเหตุของการฉ้อฉลธนาคารได้ตกลงกับอัยการของรัฐบาลกลางเพื่อระงับการฟ้องคดีอาญาสองข้อหาในการไม่ได้แจ้งเรื่องน่าสงสัยคือธนาคารยอมรับว่าไม่ได้ส่งรายงานการกระทำที่น่าสงสัยแม้หลังมีสัญญาณเตือนเกี่ยวกับแมดอฟฟ์ โดยอัยการอ้างว่า ธนาคารไม่มีวิธีการดำเนินงานเพื่อป้องกันการฟอกเงินที่ดีพอ[259][260][261]

การชำระเงิน

ในเดือนพฤศจิกายนปีพ.ศ. 2558 Picard ประกาศว่า 1.42 พันล้านดอลลาร์ได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาสหรัฐอเมริกาให้มอบให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการลงทุนนี้[262]ตามที่ Picard ได้กล่าวว่าการกระจายรายได้แต่ละบุคคลจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1,287 ถึง 200.4 ล้านดอลลาร์[263] Bloomberg Business News รายงานในปีพ.ศ. 2562 ว่านักลงทุนประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ไม่ได้พยายามเรียกร้องเงินสูญหาย นักวิเคราะห์สงสัยว่าฝ่ายต่าง ๆ เหล่านี้ยังคงนิ่งเงียบเพราะการลงทุนของพวกเขามาจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมายเช่นการค้ายาเสพติดหรือการหลีกเลี่ยงภาษีหรือเพราะพวกเขามีหนี้สินทางแพ่งในสหรัฐอเมริกาและไม่ต้องการที่จะพึ่งพาอำนาจศาลของสหรัฐอเมริกา[264]

ใกล้เคียง

เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน เรื่องเล่าเช้านี้ เรื่องอื้อฉาวการลงทุนแมดอฟฟ์ เรื่องพิศวง เด็กสาว และเทพลักซ่อน เรื่องฝันปั่นป่วยของผม เรื่องจริงหลังไมค์ของคู่หูยัยนักพากย์ เรื่องอื้อฉาวฟุตบอลไทย พ.ศ. 2560 เรื่องราวอีเหละเขะขะของแม่ลูกแม่มด เรื่องตลก 69 เรื่องเล่าการทรงสร้างในปฐมกาล

แหล่งที่มา

WikiPedia: เรื่องอื้อฉาวการลงทุนแมดอฟฟ์ http://www.theaustralian.news.com.au/business/stor... http://business.smh.com.au/business/madoffs-assets... http://www.cbc.ca/money/story/2009/06/29/madoff-po... http://www.1010wins.com/pages/3547010.php http://news.aol.com/article/did-bernard-madoff-act... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601039&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si... http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&si...