เรื่องอื้อฉาวการลงทุนแมดอฟฟ์ (
อังกฤษ: Madoff investment Scandal) เกิดเป็นคดีกลฉ้อฉลหุ้นและหลักทรัพย์ใหญ่ที่ค้นพบเมื่อปลายปี 2551 ในเดือนธันวาคมปีนั้น เบอร์นาร์ด แมดอฟฟ์ อดีตประธาน
แนสแด็กและผู้ก่อตั้งบริษัทวอลล์สตรีต บริษัท หลักทรัพย์ลงทุนเบอร์นาร์ด แอล. แมดอฟฟ์ จำกัด (Bernard L. Madoff Investment Securities LLC) โดยยอมรับว่าฝ่ายจัดการความมั่งคั่งของธุรกิจเขาเป็น
การฉ้อฉลแบบพอนซีซับซ้อนแมดอฟฟ์ก่อตั้งบริษัท หลักทรัพย์ลงทุนเบอร์นาร์ด แอล. แมดอฟฟ์ จำกัดในปี 2503 และเป็นประธานบริษัทดังกล่าวจนถูกจับ
[1][2] บริษัทนี้จ้างปีเตอร์ น้องชายของแมดอฟฟ์เป็นผู้อำนวยการจัดการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายกำกับการปฏิบัติงาน (chief compliance officer) จ้างธิดาของปีเตอร์ ชานา แมดอฟฟ์ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับการปฏิบัติงานและผู้รับมอบอำนาจ และบุตรของแมดอฟฟ์ แอนดริวและมาร์ก นับแต่นั้นปีเตอร์ถูกพิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปี และมาร์กแขวนคอฆ่าตัวตายสองปีพอดีหลังจากบิดาถูกจับเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินคดีประเมินขนาดการฉ้อฉลที่ 64,800 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้ตัวเลขที่อยู่ใน
บัญชีของลูกค้า 4,800 ราย ส่วนอดีตประธานองค์กรตรวจสอบและควบคุมของ
รัฐบาลกลางผู้หนึ่งประเมินว่า การฉ้อฉลจริง ๆ อยู่ที่ระหว่าง 10,000-17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่รวมเอารายได้ที่ไม่มีจริง ๆ ที่บันทึกใส่บัญชีของลูกค้า
[3] ซึ่งทำให้
ธุรกิจของแมดอฟฟ์เป็นการฉ้อฉลแบบพอนซี่ที่ใหญ่ที่สุดใน
ประวัติศาสตร์[4] และเป็นการฉ้อฉลต่อนักลงทุนที่ใหญ่ที่สุดทำโดยบุคคลคนเดียวอีกด้วยเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางจับกุมแมดอฟฟ์เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2551 โดยได้รับแจ้งจากบุตรของเขาเอง ในวันที่ 12 มีนาคม 2552 แมดอฟฟ์ให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดอาญากลาง 11 กระทง และยอมรับว่าได้ดำเนินการกลฉ้อฉลแบบพอนซีเอกชนใหญ่สุดในประวัติศาสตร์
[4][5]วันที่ 29 มิถุนายน 2552 เขาถูกพิพากษาลงโทษจำคุก 150 ปี โดยให้ชดใช้คืนเงิน 170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อกล่าวหากลางเดิม แมดอฟฟ์กล่าวว่าธุรกิจของเขามี "หนี้สินประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ" อัยการประมาณขนาดของกลฉ้อฉลไว้ 64,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยอาศัยปริมาณในบัญชีของลูกค้า 4,800 คนของแมดอฟฟ์เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2551 หากไม่นับ
ต้นทุนค่าเสียโอกาสและภาษีที่จ่ายให้กำไรอำพรางนี้ ผู้ลงทุนโดยตรงครึ่งหนึ่งของแมดอฟฟ์ไม่เสียเงิน
[6]พนักงานสอบสวนหาตัวผู้อื่นที่มีส่วนรู้เห็นในกลฉ้อฉลนี้
[7] คณะกรรมการหลักทรัพย์และการแลกเปลี่ยนสหรัฐ (SEC) ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ตรวจสอบแมดอฟฟ์ให้ละเอียดกว่า เพราะมีคำถามเกี่ยวกับธุรกิจของแมดอฟฟ์มาตั้งแต่ปี 2542 แล้ว ธุรกิจของแมดอฟฟ์ซึ่งอยู่ในกระบวนการชำระบัญชี เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องรายใหญ่สุดรายหนึ่งในวอลล์สตรีตและในปี 2551 มีขนาดใหญ่สุดเป็นอันดับ 6
[8]การอายัดทรัพย์สินส่วนบุคคลและธุรกิจของแมดอฟฟ์ก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ทั่วทั้งชุมชนธุรกิจและองค์การการกุศล บีบให้หลายองค์การปิดชั่วคราว
[9][10][11]