กาแฟขี้ชะมด หรือ
กาแฟชะมด (
อินโดนีเซีย: Kopi Luwak,
อังกฤษ: civet coffee) หมายถึงเมล็ดกาแฟที่สัตว์กลุ่ม
ชะมดโดยเฉพาะคือ
อีเห็นข้างลาย (Paradoxurus hermaphroditus) ได้กินและถ่ายออกมาแล้ว
[1] นอกจากนั้นแล้ว ยังหมายถึงเครื่องดื่มกาแฟที่ทำมาจากเมล็ดกาแฟชนิดนี้ โดยที่คนอินโดนีเซียเรียกกาแฟชนิดนี้ว่า Kopi Luwak (โกปิ ลูวะก์) (ซึ่งคำว่า Kupi เป็น
ภาษาอินโดนีเซีย แปลว่า
กาแฟ ส่วนคำว่า Luwak หมายถึง
อีเห็นข้างลาย[1][2]) มีราคาซื้อขายที่สูงมาก เมื่อขายปลีกเป็นกาแฟปรุงสำเร็จถ้วยละ 500-1,500 บาท และขายเป็นเมล็ดกาแฟ กิโลกรัมละ 100,000 บาท (ราคาในประเทศไทย)
[3]ผู้ผลิตกาแฟอ้างว่า วิธีการที่ให้กำเนิดกาแฟนี้ เพิ่มคุณภาพผ่านกลไกสองอย่างคือ การคัดเลือกเมล็ด และการย่อยคือ ชะมดจะเลือกกินเมล็ดกาแฟซึ่งมีคุณภาพที่ดีกว่าและกลไกการย่อยของชะมดอาจจะเพิ่มรสชาติของเมล็ดกาแฟคือ ชะมดจะกินเมล็ดกาแฟพร้อมกับเนื้อเข้าไป และจะเกิดการหมักในทางเดินอาหาร
เอนไซม์ Protease ซึ่งช่วยย่อย
โปรตีนจะซึมเข้าไปในเมล็ด ทำให้เกิด
เพปไทด์ที่สั้นกว่าและจำนวน
กรดอะมิโนอิสระที่มากกว่า
[4] ส่วนเมล็ดจะผ่านระบบทางเดินอาหารของตัวชะมดจนกระทั่งถ่ายออกมาซึ่งชาวไร่จะเก็บและนำผ่านกระบวนการผลิตต่อไปวิธีการผลิตกาแฟดั้งเดิมที่เก็บมูลชะมดในป่า ได้เปลี่ยนไปเป็นกระบวนการขังชะมดไว้ในกรงแล้วบังคับให้กินเมล็ดกาแฟซึ่งได้สร้างปัญหาด้าน
จริยธรรมเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงชะมด เพราะชะมดถูกบังคับให้อยู่ใน "สิ่งแวดล้อมที่น่าสะพรึงกลัว" รวมทั้งการถูกขังแยก อาหารที่ไม่ดี กรงที่เล็ก และอัตราการตายในระดับสูง
[5][6] ในปี ค.ศ. 2013 เจ้าหน้าที่ของ
บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ (BBC) ได้ทำการตรวจสอบไร่กาแฟชะมดใน
เกาะสุมาตรา แล้วได้พบว่ามีการทารุณสัตว์
[7] นอกจากนั้นแล้ว วิธีการเลี้ยงชะมดเป็นฟาร์มยังได้รับคำวิจารณ์จากชาวไร่ที่ใช้วิธีดั้งเดิมอีกด้วย เพราะว่า โดยวิธีนี้ ชะมดจะไม่สามารถเลือกสิ่งที่กินได้ ดังนั้น เมล็ดกาแฟที่ผ่านการผลิตจะมีคุณภาพดีสู้การเก็บจากมูลของชะมดป่าไม่ได้
[8] เจ้าหน้าที่ขององค์กรการกุศล Traffic ซึ่งเป็นองค์กรมีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงความสูญพันธุ์ของสัตว์และพืชที่มีการค้าขาย ได้แจ้งว่าการค้าขายตัวชะมดเพื่อผลิตกาแฟ เป็นความเสี่ยงสำคัญต่อจำนวนชะมดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
[9]กาแฟขี้ชะมดเป็นกาแฟที่แพงที่สุดชนิดหนึ่งในโลกโดยมีราคาขายปลีกนอกประเทศไทยถึง €550 หรือ
US$700 ต่อกิโลกรัม
[10] ใกล้เคียงกับราคาของกาแฟงาดำ (Black Ivory coffee) ซึ่งเป็นกาแฟขี้ช้างผลิตในภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งมีราคาที่ €850 /
US$1100ส่วนราคาที่จ่ายให้กับพ่อค้าคนกลางที่เก็บผลผลิตใน
ประเทศฟิลิปปินส์อยู่ที่ประมาณ
US$20 ต่อกิโลกรัม
[1] ส่วนกาแฟขี้ชะมดเลี้ยง (พิจารณาว่า มีเกรดต่ำ) ใน
ซูเปอร์มาร์เก็ตใน
ประเทศอินโดนีเซียมีราคาเริ่มตั้งแต่
US$100 ต่อกิโลกรัม (ประมาณ 5 เท่าของเมล็ดกาแฟอาราบิก้าคุณภาพสูงที่ปลูกในพื้นที่)การจะซื้อกาแฟขี้ชะมดที่ไม่ได้เลี้ยงเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในอินโดนีเซีย และการจะตรวจว่าเป็นของปลอมหรือไม่ยากยิ่งกว่านั้นเพราะว่า ไม่มีกฎหมายบังคับการใช้ชื่อสินค้าว่า "kopi luwak" และมีแม้แต่ตรากาแฟราคาถูกในพื้นที่ที่ใช้ชื่อว่า "Luwak",ซึ่งขายกาแฟมีราคาน้อยกว่า
US$3 ต่อกิโลกรัม แต่บางครั้งจะมีการขายออนไลน์โดยหลอกว่าเป็นกาแฟขี้ชะมดของแท้การตรวจสอบโดยองค์กรการกุศล People for the Ethical Treatment of Animals (มนุษย์เพื่อการปฏิบัติที่มีจริยธรรมต่อสัตว์) ซึ่งมีสโลแกนว่า "สัตว์ไม่ใช่ของเราเพื่อกิน ใส่ ทดลอง ใช้เพื่อการบันเทิง หรือทำทารุณกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง" พบว่า การฉ้อฉลเป็นเรื่องแพร่หลายในธุรกิจนี้เพราะว่าผู้ผลิตยินดีที่จะติดป้ายกาแฟที่มาจากชะมดเลี้ยง ว่ามาจากชะมดป่า
[11] การตรวจสอบโดย BBC ในปี ค.ศ. 2013 พบผลอย่างเดียวกัน
[7]กาแฟขี้ชะมดโดยมากจะผลิตบน
เกาะสุมาตรา เกาะชวา จังหวัดบาหลี และ
เกาะซูลาเวซี ใน
ประเทศอินโดนีเซียนอกจากนั้นแล้ว ยังมีการเก็บกาแฟจากชะมดป่าหรือชะมดเลี้ยงบนเกาะของ
ประเทศฟิลิปปินส์ (ซึ่งเรียกว่า kape motit ในเขต Cordillera เรียกว่า kape alamid สำหรับผู้ใช้
ภาษาตากาล็อกและ kape melô หรือ kape musang ในเกาะ
มินดาเนา)และใน
ประเทศติมอร์-เลสเต (ซึ่งเรียกว่า kafé-laku)ใน
ประเทศเวียดนาม กาแฟชะมดเรียกว่า cà phê Chồn ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Weasel coffee ซึ่งในที่ที่นิยม อาจจะผลิตโดยใช้สารเคมีส่วนในประเทศไทย เริ่มปรากฏไร่ผลิตกาแฟขี้ชะมดที่จังหวัด
กาญจนบุรี[3] ชุมพร ชลบุรี[12] ตราดและ
เชียงราย[13]