ผล ของ ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน

เกี่ยวกับการเงิน

ความลำเอียงเพื่อยืนยันอาจนำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากเกินไป โดยไม่ใส่ใจในหลักฐานว่ายุทธวิธีของตนจะทำให้ขาดทุน[97][98] ในงานวิจัยตลาดหลักทรัพย์เลือกตั้ง (จุดประสงค์เพื่อจะพยากรณ์ว่าใครจะได้รับเลือกตั้ง) นักลงทุนจะทำกำไรได้ดีกว่าถ้าพยายามฝืนความเอนเอียงยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่ประเมินผลการอภิปรายของผู้รับสมัครเลือกตั้งอย่างเป็นกลาง ๆ ไม่ใช่ตามแนวพรรคของตน มีโอกาสที่จะได้กำไรมากกว่า[99] เพื่อที่จะต่อต้านความเอนเอียงเพื่อยืนยัน นักลงทุนสามารถลองเปลี่ยนทัศนคติไปในแนวตรงกันข้ามเพื่อที่จะพัฒนาเหตุผลในทางความคิด[100] เทคนิคหนึ่งให้นักลงทุนจินตนาการว่า การลงทุนของตนเองจะล้มเหลวแล้วให้ถามตนเองว่า ทำไมเหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้น[97]

เกี่ยวกับสุขภาพกายและใจ

นักจิตวิทยา เรย์มอนด์ นิกเกอร์สัน โทษความลำเอียงเพื่อยืนยันว่าเป็นเหตุของวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่ไร้ผลที่ใช้มาเป็นศตวรรษก่อนที่จะเริ่มวิธีการแพทย์แบบวิทยาศาสตร์[101] คือ ถ้าคนไข้ฟื้นตัวขึ้น ผู้ปฏิบัติการทางแพทย์ก็เก็บคะแนนว่าการรักษามีผลแทนที่จะหาคำอธิบายอื่น ๆ เป็นต้นว่า โรคนั้นได้ดำเนินไปถึงที่สุดโดยธรรมชาติแล้ว[101] การรับข้อมูลแบบเอนเอียงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของความดึงดูดใจของการแพทย์ทางเลือก ที่ผู้สนับสนุนมีความพอใจต่อหลักฐานโดยเรื่องเล่าที่แสดงผลดีของการรักษาแบบทางเลือก แต่ปฏิบัติต่อหลักฐานทางวิทยาศาสตร์โดยใช้มาตรฐานการประเมินที่สูงกว่า[102][103][104]

การบำบัดโดยประชาน (Cognitive therapy) เป็นวิธีการที่พัฒนาโดยจิตแพทย์ อารอน เบ็ก ในต้นคริสต์ทศวรรษ 1960 และได้กลายมาเป็นวิธีบำบัดรักษาที่นิยม[105] ตามความคิดของเบ็ก การประมวลข้อมูลแบบเอนเอียงเป็นองค์ประกอบของภาวะซึมเศร้า[106] เขาจึงสอนให้คนไข้พิจารณาชีวิตของตนอย่างเป็นกลาง ๆไม่ให้เลือกคิดแต่ในส่วนที่ไม่ดี[61] โรคกลัวและโรคคิดว่าตนป่วย มีความสัมพันธ์กับความลำเอียงเพื่อยืนยันข้อมูลที่น่ากลัว[107]

เกี่ยวกับการเมืองและกฎหมาย

คดีจำลองเปิดโอกาสให้นักวิจัยตรวจสอบความเอนเอียงเพื่อยืนยันในสถานการณ์เสมือนจริง

นิกเกอร์สันเสนอว่า การคิดหาเหตุผลในระบบการเมืองและระบบศาลบางครั้งมีความเอนเอียงแบบไม่รู้ตัว ไปในข้อสรุปที่ผู้พิพากศา ลูกขุน หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ถึงความตัดสินใจแล้ว[108] เนื่องจากว่า หลักฐานในคดีที่มีลูกขุนอาจจะมีความซับซ้อนและลูกขุนบ่อยครั้งลงเอยทำการตัดสินใจตั้งแต่ต้น ๆ ในการฟังคดีในศาลจึงสามารถสรุปอย่างสมควรว่า จะเกิดความเห็นที่สุดโต่งเพิ่มขึ้นในการว่าคดีที่เหลือ คำพยากรณ์ว่า ลูกขุนจะมีความเห็นสุดโต่งเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นจริงในงานทดลองด้วยคดีจำลอง[109][110] ความเอนเอียงเพื่อยืนยันมีอิทธิพลในกระบวนการยุติธรรมของคดีอาญาทั้งระบบไต่สวนและระบบกล่าวหา[111]

ความเอนเอียงเพื่อยืนยันเป็นองค์ในการให้กำเนิดการต่อสู้หรือทำให้การต่อสู้กันยาวนานยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่การอภิปรายที่เกิดอารมณ์สูงจนกระทั่งถึงศึกสงครามโดยตีความหมายอย่างเอนเอียงว่าหลักฐานสนับสนุนเหตุผลฝ่ายตน แต่ละฝ่ายอาจจะมีความมั่นใจมากเกินไปว่าจุดยืนฝ่ายตนดีกว่า[112] ในนัยตรงกันข้าม ความเอนเอียงเพื่อยืนยันอาจมีผลเป็นการไม่ใส่ใจหรือตีความหมายผิดซึ่งนิมิตว่าความขัดแย้งหรือการสงครามกำลังจะเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น นักจิตวิทยาสต๊วร์ต ซัธเธอร์แลนด์และโทมัส กิดา ต่างเสนอว่า พลเรือเอกสหรัฐฮัสแบนด์ กิมเมล มีความเอนเอียงเพื่อยืนยันเมื่อตัดความสำคัญของหลักฐานว่า ประเทศญี่ปุ่นจะโจมตีท่าเรือเพิร์ล[72][113]

ในงานวิจัยเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองเป็นเวลา 2 ทศวรรษ เท็ทล็อกได้พบว่า โดยรวม ๆ แล้ว คำพยากรณ์ของผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นไม่แม่นเกินความบังเอิญ คือ เท็ทล็อกแบ่งพวกนักเชี่ยวชาญออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่ม "สุนัขจิ้งจอก" ที่มีสมมติฐานหลายอย่าง และกลุ่ม "เฮดจ์ฮอก" ที่หัวรั้นมากกว่าโดยทั่ว ๆ ไปคำพยากรณ์ของกลุ่มเฮดจ์ฮอกจะแม่นน้อยกว่าเท็ทล็อกโทษความล้มเหลวของผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนี้ว่าเกี่ยวกับความลำเอียงเพื่อยืนยัน ซึ่งโดยเฉพาะก็คือ ความไม่สามารถที่จะใช้ข้อมูลใหม่ ๆ ที่ขัดแย้งกับทฤษฎีของตน[114]

ในคดีฆาตกรรมปี ค.ศ. 2013 ของนายตำรวจรัฐอินดีแอนาเดวิด แคมม์ ฝ่ายผู้ต้องหาเสนอว่า แคมม์ถูกโจทก์ว่าฆ่าภรรยาและลูกทั้งสองของตนเพราะเหตุแห่งความลำเอียงเพื่อยืนยันของผู้สอบสวนคดีเท่านั้น[115] คือ แคมม์ถูกจับ 3 วันหลังจากฆาตกรรมโดยอาศัยหลักฐานที่ผิดพลาดแม้ว่าจะพบภายหลังว่า หลักฐานที่ให้ในการออกหมายจับล้วนแต่ผิดพลาดหรือเชื่อถือไม่ได้ แต่ว่าฝ่ายโจทก์ก็ไม่ยอมถอนการฟ้อง[116][117] นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการพบเสื้อแขนยาวในที่เกิดเหตุที่ภายหลังพบว่ามีดีเอ็นเอของผู้กระทำผิดคดีอาญาอีกคนหนึ่ง แถมเสื้อยังมีชื่อเล่นในคุกและเลขนักโทษของเขาบนเสื้ออีกด้วย[118] และเจ้าหน้าที่สอบสวนคดีได้สืบหาดีเอ็นเอของแคมม์บนเสื้อ แต่ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานอื่น ๆ ที่มีบนเสื้อ ไม่ได้เช็คดีเอ็นเออื่นผ่านระบบฐานข้อมูลของสำนักงานสอบสวนกลางจนกระทั่ง 5 ปีให้หลังจากเหตุเกิด[119][120] หลังจากพบผู้ต้องสงสัยคนที่สอง ฝ่ายโจทก์กลับกล่าวหาผู้ต้องสงสัยทั้งสองว่ารวมหัวกันในการฆาตกรรม แม้ว่าจะไม่ได้พบหลักฐานอะไร ๆ ที่เชื่อมชายทั้งสอง[121][122] แต่สุดท้ายนายตำรวจแคมม์ก็หลุดจากคดี[123]

เรื่องเหนือธรรมชาติ

องค์ประกอบอย่างหนึ่งที่จูงใจคนให้เชื่อหมอดูทั้งหลายก็คือ คนฟังมีความลำเอียงเพื่อยืนยันโดยทำสิ่งที่หมอดูพูดให้เข้ากับชีวิตของตน[124] คือ เพราะว่ามีการกล่าวคำที่ไม่ชัดเจนเป็นจำนวนมากในการดูหมอแต่ละครั้ง หมอดูให้โอกาสแก่คนฟังเพื่อที่จะหาเรื่องที่เข้ากันกับตนนี้เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งของการดูหมอแบบอ่านใจคน (cold reading) ที่หมอดูสามารถกล่าวคำที่ตรงกับผู้ฟังอย่างน่าอัศจรรย์ใจโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไร ๆ ของคนฟังมาก่อนเลย[124]

นักตรวจสอบเจมส์ แรนดี้ (ผู้มีชื่อเสียงในการแสดงเรื่องเหนือธรรมชาติว่าไม่เป็นจริงหรือเป็นเรื่องหลอกลวง) เปรียบเทียบบันทึกการดูหมอกับสิ่งที่คนให้ดูบอกว่า หมอบอกว่าอะไร แล้วพบว่า ผู้ให้ดูมีความทรงจำแบบเลือกสรรในระดับสูงในข้อความที่ถูก (แต่จำไม่ได้ถึงข้อความที่ผิด)[125]

โดยใช้เป็นตัวอย่างที่เด่นเกี่ยวกับความเอนเอียงในโลกจริง ๆ นิกเกอร์สันกล่าวถึงความเชื่อเกี่ยวกับพีระมิดที่มักหาความหมายในสัดส่วนต่าง ๆ ชองพีระมิดชาวอียิปต์[126] คือ มีขนาดต่าง ๆ มากมายที่วัดได้ในพีรามิดหนึ่ง ๆ เช่นมหาพีระมิดแห่งกีซา และมีวิธีมากมายที่จะรวมหรือดัดแปลงขนาดต่าง ๆ เหล่านั้น ดังนั้น จึงเกือบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนที่เสาะหาดูเลขต่าง ๆ เหล่านี้โดยเลือก จะพบตัวเลขที่ตรงกับเลขอะไรอย่างหนึ่งที่เป็นความจริง เช่นขนาดของโลก[126]

ในวิทยาศาสตร์

ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งในการหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ก็คือการเสาะหาหลักฐานที่พิสูจน์ความผิดและหลักฐานที่ยืนยันความถูกต้องของสมมติฐาน[127] แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ในประวัติวิทยาศาสตร์ ที่นักวิทยาศาสตร์ต่อต้านการค้นพบใหม่ ๆ โดยตีความหมายแบบเลือกและไม่สนใจในข้อมูลที่คัดค้านความคิดที่มีอยู่ก่อน[127] งานวิจัยได้พบว่า งานประเมินคุณภาพของงานวิจัยวิทยาศาสตร์มีจุดอ่อนโดยเฉพาะต่อความเอนเอียงเพื่อยืนยันคือ ได้พบว่า มีหลายครั้งหลายคราวที่นักวิทยาศาสตร์ให้คะแนนกับงานวิจัยที่พบผลที่เข้ากับความเชื่อฝ่ายตนดีกว่างานวิจัยที่พบผลที่ไม่เข้ากัน[78][128][129] อย่างไรก็ดี ถ้าสมมุติว่า คำถามที่ต้องการจะหาคำตอบนั้นมีความสำคัญ การออกแบบการทดลองก็ใช้ได้ และข้อมูลที่ได้มีการพรรณนาไว้อย่างชัดเจนและสมบูรณ์ ผลงานนั้นก็ควรจะมีความสำคัญกับวงการวิทยาศาสตร์และไม่ควรจะเกิดการพิจารณาตัดสินโดยไม่ใช้หลักฐานอย่างเป็นกลาง ๆ ไม่ว่าผลจะเข้ากันกับพยากรณ์ของทฤษฎีปัจจุบันหรือไม่[129]

ในวงการวิจัยวิทยาศาสตร์ ความเอนเอียงเพื่อยืนยันสามารถผดุงชีวิตของทฤษฎีหรือโปรแกรมงานวิจัยไว้ แม้ว่าจะมีเหตุผลที่ไม่พอเพียง หรือแม้แต่มีเหตุผลที่คัดค้าน[72][130] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาขาปรจิตวิทยา (parapsychology) ได้รับอิทธิพลจากความเอนเอียงนี้เป็นอย่างยิ่ง[131]

ความเอนเอียงเพื่อยืนยันในนักวิจัยสามารถมีผลต่อข้อมูลหลักฐานที่รับการรายงาน ข้อมูลที่ไม่เข้ากับความคาดหวังของนักวิจัยอาจจะมีการทิ้งไปโดยอ้างว่า เชื่อถือไม่ได้ ซึ่งนำไปสู่ความเอนเอียงที่เรียกว่า ความเอนเอียงในการตีพิมพ์ เพื่อที่จะต่อต้านความโน้มน้าวเช่นนี้ การฝึกหัดนักวิทยาศาสตร์ต้องสอนวิธีป้องกันความเอนเอียง[132] ยกตัวอย่างเช่น งานทดลองควรจะเป็นการทดลองแบบมีกลุ่มควบคุมและเลือกผู้รับการทดลองแบบสุ่ม (randomized controlled trial) และมีการปริทัศน์ของงานทั้งระบบ (systematic review) เพื่อที่จะลดความเอนเอียงต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด[132][133] นอกจากนั้นแล้ว กระบวนการปริทัศน์ของผู้ชำนาญในสาขาเดียวกัน (peer review) เชื่อกันว่าช่วยลดความเอนเอียงในส่วนบุคคลด้วย[134] ถึงแม้ว่า กระบวนการปริทัศน์เองก็ยังอาจจะมีความเอนเอียงอะไรบางอย่างได้[129][135]

ดังนั้น ความลำเอียงเพื่อยืนยันอาจจะก่อความเสียหายให้กับกระบวนการประเมินผลที่ควรเป็นกลาง ๆ เมื่อมีผลงานทดลองที่ไม่สอดคล้องกับความคิดที่เคยมีมาก่อน เนื่องจากว่า บุคคลที่มีความเอนเอียงอาจจะมองว่า หลักฐานที่คัดค้านไม่มีน้ำหนักและไม่ให้การพิจารณาอย่างเป็นจริงเป็นจังเพื่อที่จะแก้ความคิดเห็นฝ่ายตน[128] ดังนั้น ผู้ที่ค้นพบหลักการวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ มักประสบแรงต่อต้านจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และงานวิจัยที่แสดงผลที่ไม่สอดคล้องกับความคิดที่มีอยู่มักได้รับการปริทัศน์ที่รุนแรง[136]

ในความรู้สึกเกี่ยวกับตน

นักสังคมจิตวิทยาได้ระบุถึงความโน้มน้าวสองอย่างที่มนุษย์สืบหาและตีความหมายข้อมูลเกี่ยวกับตนเองคือ การยืนยันตน (Self-verification) เป็นแรงกระตุ้นที่จะยืนยันภาพพจน์ของตน และการยกตน (self-enhancement) เป็นแรงกระตุ้นที่จะหาคำชมแรงกระตุ้นทั้งสองเกิดจากความเอนเอียงเพื่อยืนยัน[137] ในงานทดลองที่ผู้ร่วมการทดลองได้รับคำวิจารณ์ที่ขัดแย้งกับภาพพจน์ของตนเอง พวกเขามักไม่ค่อยใส่ใจหรือจะระลึกคำวิจารณ์เหล่านั้นไม่ได้เมื่อเทียบกับคำชม[138][139][140] พวกเขาจะลดแรงกระทบของข้อมูลเช่นนั้นโดยกล่าวว่า เชื่อถือไม่ได้[138][141][142] งานทดลองคล้าย ๆ กันพบความชอบใจในคำชม และคนที่กล่าวคำชม มากกว่าคำวิจารณ์ (และคนวิจารณ์)[137]

ใกล้เคียง

ความเจ็บปวด ความเสียวสุดยอดทางเพศ ความเท่าเทียมทางเพศ ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน ความเอนเอียงโดยการมองในแง่ดี ความเหนือกว่าเทียม ความเครียด (จิตวิทยา) ความเสี่ยงมหันตภัยทั่วโลก ความเอนเอียงรับใช้ตนเอง ความเป็นมาของตัวละครในเพชรพระอุมา

แหล่งที่มา

WikiPedia: ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน http://hosted.xamai.ca/confbias/ http://www.amazon.com/Emerging-Perspectives-Judgme... http://www.amazon.com/Handbook-Social-Psychology-S... http://www.boston.com/bostonglobe/ideas/articles/2... http://books.google.com/books?id=0SYVAAAAYAAJ&pg=P... http://web.mac.com/kstanovich/Site/YUP_Reviews_fil... http://www.myfoxal.com/story/23395758/camm-trial-9... http://www.scientificamerican.com/article.cfm?id=t... http://skepdic.com/confirmbias.html http://www.skepdic.com/backfireeffect.html