เบื้องต้น ของ พระเจ้าชาลส์ที่_2_แห่งอังกฤษ

พระเจ้าชาลส์ที่ 2 เมื่อยังทรงพระเยาว์ทรงยืนข้างพระเจ้าชาลส์ที่ 1 พระราชบิดา พระนางเฮนเรียตตา มาเรีย พระราชมารดาทรงอุ้มดยุกแห่งยอร์ก พระอนุชาสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 2 เมื่อทรงเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์โดย วิลเลียม ดอบสัน ราว ค.ศ. 1642 หรือ ค.ศ. 1643

พระเจ้าชาลส์ สจวตพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งสกอตแลนด์และไอร์แลนด์และพระนางอ็องเรียต มารี เสด็จพระราชสมภพที่พระราชวังเซนต์เจมส์เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1630 และทรงรับบับติศมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนโดยบิชอปวิลเลียม ลอด จากแองกลิคันผู้ขณะดำรงตำแหน่งเป็นบิชอปแห่งลอนดอน และทรงได้รับการเลี้ยงดูโดยแมรี แซกวิลล์ เคาน์เตสแห่งดอร์เซตผู้เป็นโปรเตสแตนต์ แต่ทรงมีพ่อแม่ทูลหัวเป็นโรมันคาทอลิกที่เป็นพระประยูรญาติทางพระมารดา ที่รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศสและพระนางมารี เด เมดีชีพระราชมารดาของพระเจ้าหลุยส์[2] พระองค์ทรงได้รับตำแหน่งดยุกแห่งคอร์นวอลล์และดยุกแห่งรอธซี เมื่อประสูติในฐานะที่เป็นพระราชโอรสองค์โตของพระมหากษัตริย์ เมื่อมีพระชนมายุได้ 8 พรรษาก็ทรงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นเจ้าชายแห่งเวลส์แต่มิได้มีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ[3]

ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1640 เมื่อยังทรงพระเยาว์ พระราชบิดาทรงต่อสู้กับกองทัพของฝ่ายรัฐสภาและพิวริตันในสงครามกลางเมืองอังกฤษ เจ้าชายชาลส์ทรงติดตามพระราชบิดาในยุทธการที่เอจฮิลล์ เมื่อมีพระชนมายุได้ 14 พรรษาก็ทรงเข้าร่วมในการรณรงค์ใน ค.ศ. 1645 และทรงได้รับแต่งตั้งแต่ในนามให้เป็นผู้บังคับบัญชาทหารแห่งเวสต์คันทรี[4] ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 1646 พระราชบิดาก็พ่ายแพ้สงคราม เจ้าชายชาลส์จึงเสด็จหนีจากอังกฤษเพื่อความปลอดภัย โดยเสด็จไปหมู่เกาะซิลลีย์ก่อนที่จะเสด็จต่อไปเจอร์ซีย์ และในที่สุดก็ไปถึงฝรั่งเศสเพื่อไปสมทบกับพระราชมารดาประทับลี้ภัยอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว พร้อมกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุได้ 8 พรรษา[5]

ในปี ค.ศ. 1648 ระหว่างสงครามกลางเมืองอังกฤษครั้งที่ 2 เจ้าชายชาลส์ก็ทรงย้ายไปเฮกในเนเธอร์แลนด์ไปประทับกับเจ้าหญิงแมรีสจ๊วต (Mary Stuart) และวิลเลียมที่ 2 เจ้าชายแห่งออเรนจ์ พระสวามีเพราะทรงเชื่อว่าทั้งสองพระองค์อาจจะทรงสนับสนุนฝ่ายนิยมกษัตริย์มากกว่าพระญาติทางฝรั่งเศส[6] เมื่อทรงพยายามยกกองทัพไปช่วยพระราชบิดาแต่กองทัพภายใต้การนำของพระองค์ไปถึงสกอตแลนด์ไม่ทันที่จะสมทบกับกองกำลัง “Engagers” ที่สนับสนุนพระราชบิดาที่นำโดยเจมส์ แฮมิลตัน ดยุกที่ 1 แห่งแฮมิลตัน ก่อนที่จะพ่ายแพ้ในยุทธการที่เพรสตันในปี ค.ศ. 1648[7]ระหว่างที่ประทับอยู่ที่กรุงเฮกเจ้าชายชาลส์ทรงมีความสัมพันธ์กับลูซี วอลเตอร์อยู่พักหนึ่ง ผู้ต่อมาถึงกับอ้างว่าได้เจ้าชายชาลส์ทรงแต่งงานอย่างลับ ๆ ด้วย[8] ชาลส์มีพระโอรสกับลูซี วอลเตอร์คนหนึ่งคือเจมส์ ครอฟต์ส (ต่อมาเป็นเจมส์ สกอตต์ ดยุกที่ 1แห่งมอนมัธ ผู้ต่อมากลายมามีบทบาทสำคัญในทางการเมืองของอังกฤษ)

พระเจ้าชาลส์ที่ 1 พระราชบิดาของพระองค์ ทรงถูกจับกุมในปี ค.ศ. 1647 ทรงหลบหนีจากการคุมขังได้แต่ก็มาทรงถูกจับอีกครั้งหนึ่งในปี ค.ศ. 1648 แม้ว่าเจ้าชายชาลส์จะทรงพยายามหาทางช่วยทางการทูตในการปลดปล่อยพระองค์แต่ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดพระเจ้าชาลส์ที่ 1 ก็ทรงถูกปลงพระชนม์ในข้อหากบฏต่อแผ่นดินเมื่อวันอังคารที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1649 หลังจากนั้นอังกฤษก็เข้าสู่สมัยสาธารณรัฐ

ใกล้เคียง

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ

แหล่งที่มา

WikiPedia: พระเจ้าชาลส์ที่_2_แห่งอังกฤษ http://www.hbc.com/hbcheritage/history/ http://www.oxforddnb.com/public/themes/95/95647.ht... http://www.oxforddnb.com/view/article/5144 //doi.org/10.1093%2Fref:odnb%2F5144 http://www.gutenberg.org/etext/17221 http://www.british-history.ac.uk/report.asp?compid... http://www.british-history.ac.uk/report.asp?compid... http://www.british-history.ac.uk/report.aspx?compi... http://www.bl.uk/learning/histcitizen/trading/bomb... http://www.royal.gov.uk/HistoryoftheMonarchy/Kings...