ทัศนะของศาสนาอื่น ของ มุฮัมมัด

ชาวคริสต์ในยุคกลาง

ในเอกสารที่กล่าวถึงมุฮัมมัดช่วงแรกจากไบเซนไทน์ อธิบายว่าทั้งชาวยิวและชาวคริสต์มองมุฮัมมัดว่าเป็นศาสดาจอมปลอม[203]

รายงานจากโฮสเซน นัสร์ ในวรรณกรรมของชาวยุโรปช่วงแรกไม่ค่อยมองมุฮัมมัดในแง่ดี โดยพวกเขามองท่านตามมุมมองทางศาสนาคริสต์ หนึ่งในนั้นได้กล่าวถึงมุฮัมมัดว่า เป็นบุคคลที่ล่อลวงชาวซาราเซ็นให้อยู่ภายใต้อำนาจที่อยู่ภาบใต้หน้ากากทางศาสนา[13] และมักล้อเลียนมุฮัมัมดว่า เป็นบุคคลที่มุสลิมเคารพสักการะ[13]

ในช่วงหลัง มุฮัมมัดถูกมองเป็นพวกนอกศาสนา: ในศตวรรษที่ 13 บรูเนตโต ลาตินี กล่าวถึงท่านในหนังสือ Li livres dou tresor ไว้ว่าท่านเคยเป็นบาทหลวงและคาร์ดินัลมาก่อน[13] และใน ดีวีนากอมเมเดีย ของดันเต อาลีกีเอรี อธิบายว่ามุฮัมมัดกับอะลีอยู่ในนรก"[13]

การยกย่องของชาวยุโรป

มุฮัมมัดใน La vie de Mahomet โดย M. Prideaux (1699) ท่านถือดาบและพระจันทร์เสี้ยวในขณะที่เหยียบบนลูกโลก, ไม้กางเขน และบัญญัติ 10 ประการ

หลังจากการปฏิรูปศาสนาแล้ว มุฮัมมัดยังถูกมองแบบเดิม (แง่ลบ)[13][204] กีโยม โปสแตล (Guillaume Postel) เป็นคนแรกที่นำเสนอมุฮัมมัดในแง่บวก ในตอนที่เขาโต้เถียงว่ามุฮัมมัดควรเป็นศาสดาในศาสนาคริสต์[13][205] ก็อทฟรีท วิลเฮ็ล์ม ไลบ์นิทซ์ยกย่องมุฮัมมัดเพราะ "ท่านไม่ได้แบ่งแยกจากศาสนาดั้งเดิม" อ็องรี เดอ โบแล็งวีแลร์ (Henri de Boulainvilliers) กล่าวในหนังสือ Vie de Mahomed ไว้ว่ามุฮัมมัดเป็นผู้นำทางการเมืองและผู้สร้างกฎหมาย เขากล่าวว่าท่านเป็นศาสดาที่พระเจ้าส่งมาเพื่อปลดปล่อยและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับความเป็นเอกภาพของพระเจ้าตั้งแต่อินเดียถึงสเปน[206] ฌ็อง-ฌัก รูโซ กล่าวไว้ในหนังสือ เดอะโซเชียลดิสคอนแทร็ก (1762) ว่า "ปัดตำนานอันโหดร้ายของมุฮัมมัดในฐานะผู้หลอกลวงและคนโกงทิ้งไปเสีย จงนำเสนอท่านในฐานะปราชญ์ผู้รอบรู้ที่รวมอำนาจทางศาสนาและการเมือง"[206] โกลด์-เอ็มมานูเอล เดอ ปาสโตเรต กล่าวไว้ในหนังสือ โซโรอัสเตอร์, ขงจื๊อ และมุฮัมมัด โดยกล่าวถึงชายทั้งสามคนว่าเป็น "ชายผู้ยิ่งใหญ่", "ผู้สร้างกฎหมายที่ดีที่สุดองจักรวาล" และเปรียบเทียบอาชีพของพวกท่านในฐานะผู้ปฏิรูปศาสนากับผู้บัญญัติกฎหมาย[206] จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ชื่นชมมุฮัมมัดกับอิสลาม[207] และกล่าวถึงท่านว่าเป็นผู้ออกแบบกฎหมายและชายผู้ยิ่งใหญ่[208][209] ทอมัส คาร์ลีลย์ได้กล่าวถึงท่านในหนังสือ ออนฮีโรส์, ฮีโร-เวิรชิพ, แอนด์เดอะฮีโรอิกอินฮิสทรี (1840) ไว้ว่า "[เป็น] จิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ที่เงียบสงบ; [...] ไม่มีใครทำได้ เว้นแต่ ผู้ที่ทำอย่างจริงจัง".[210] การตีความของคาร์ลีลย์เป็นที่ยอมรับโดยนักวิชาการมุสลิม[211]

ศาสนาบาไฮ

พระบะฮาอุลลอฮ์ ศาสดาของศาสนาบาไฮ กล่าวถึงนบีมุฮัมมัดว่าเป็นผู้เผยพระวจนะที่พระเป็นเจ้าทรงส่งมาเพื่อทำหน้าที่นำพาและให้ความรู้แก่มนุษย์ในยุคสมัยหนึ่ง เช่นเดียวกับผู้เผยพระวจนะท่านอื่น ๆ คือ พระกฤษณะ โมเสส ซาราธุสตรา พระพุทธเจ้า พระเยซู พระบาบ[212] โดยบาฮาอุลลออ์อ้างว่าตนเองคือผู้เผยพระวจนะที่พระเจ้าส่งมาในยุคปัจจุบัน เป็นนบีอีซาผู้กลับมาบนโลกอีกครั้งตามที่นบีมุฮัมมัดทำนายไว้ในคัมภีร์หะดีษ นอกจากนี้ยังอ้างว่าตนเองคือฮุซัยน์ อิบน์ อะลี ผู้กลับมาตามที่ชาวชีอะฮ์รอคอย[213]

ลัทธิอนุตตรธรรม

ลัทธิอนุตตรธรรมถือว่าอนุตตรธรรมเป็นรากเหง้าของทุกศาสนารวมทั้งศาสนาอิสลาม โดยนบีมุฮัมมัดเป็นศาสดาองค์หนึ่งที่พระแม่องค์ธรรมทรงส่งมาเพื่อโปรดเวไนยในช่วงธรรมกาลยุคแดง เช่นเดียวกับพระโคตมพุทธเจ้าและพระเยซู และยุคแดงได้สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) ปัจจุบันจึงเป็นธรรมกาลยุคขาวซึ่งมีลู่ จงอี เป็นผู้ปกครอง[214]

พระโอวาทพระอนุตตรธรรมมารดาสิบบัญญัติ (อักษรจีน: 皇母訓子十誡‏) ซึ่งเป็นคัมภีร์เล่มหนึ่งของลัทธิอนุตตรธรรม อ้างว่านบีมุฮัมมัดได้มาประทับทรงในกระบะทราย แล้วประกาศว่าการไปละหมาดที่มัสยิดนั้นเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า เพราะไม่ได้ช่วยให้เข้าถึงสัจธรรม การปฏิบัติตามอัลกุรอานก็ไม่อาจช่วยให้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ แต่ต้องเข้ารับธรรมะจากวิสุทธิอาจารย์ (อักษรจีน: 明師) เท่านั้นจึงจะพบหนทางกลับสวรรค์[215][216]

คำวิจารณ์

ดูบทความหลักที่: คำวิจารณ์ต่อมุฮัมมัด

การวิจารณ์มุฮัมมัดเริ่มขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 รายงานจาก The Jewish Encyclopedia (1906) มุฮัมมัดถูกกล่าวว่าเป็นผู้สอนเอกเทวนิยม โดยชนเผ่ายิวในอาระเบียว่าเป็นผู้ไม่รับประกันทั้งในรายงานคัมภีร์, บุคคล และโจมตีความเชื่อของชาวยิว.[217] รายงานจากนักวิจารณ์สมัยใหม่อย่างนอร์แมน สติลล์แมน (1979), แอนดรูว์ จี. บอสตอม (2008) และอิบน์วัรร็อก (นามแฝง, 2007) มุฮัมมัดถูกวิจารณ์ว่าเป็นผู้อ้างตนเองว่าเป็น "ศาสดาองค์สุดท้าย" โดยไม่แสดงปาฏิหาริย์หรือแสดงคุณลักษณะที่มีในคัมภีร์ฮีบรู เพื่อแยกศาสดาที่แท้จริงซึ่งถูกเลือกโดยพระยาห์เวห์ออกจากศาสดาจอมปลอม; ด้วยเหตุผลนี้ พวกเขาได้ให้ชื่อเล่นท่านว่า ฮา-เมชักกาฮ์ (ฮีบรู: מְשֻׁגָּע‬‎ ha-Meshuggah แปลว่า "คนบ้า" หรือ "ผู้ถูกสะกดจิต")[218][219][220]

ในช่วงยุคมืดและยุคกลาง นักคิดศาสนาคริสต์ทั้งฝั่งตะวันตกและไบแซนไทน์ ได้กล่าวถึงมุฮัมมัดว่าเป็นผู้นำทางที่ผิด, ผู้น่าสังเวช, ศาสดาจอมปลอม และแม้แต่ศัตรูของพระคริสต์ เพราะท่านถูกมองจากโลกคริสเตียนในฐานะพวกนอกรีต หรือถูกครอบงำโดยปีศาจ ตัวอย่างเช่น ทอมัส อไควนัส ได้วิจารณ์มุฮัมมัดว่า ท่านต้องการที่จะเสวยสุขในโลกหน้า[221][222][223][224][225][221][222]

ผู้เคร่งศาสนา[226][227]และฆราวาสสมัยใหม่[228][229][230][231] ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการอ้างตัวเป็นศาสดาของมุฮัมมัด, ศีลธรรม, การครอบครองทาส,[232][233][234] การรักษาศัตรู, การแต่งงานกับสตรีหลายคน[235] และเรื่องหลักคำสอนของท่าน มุฮัมมัดมักถูกวิจารณ์ถึงการไร้ความปราณี (เช่นในช่วงที่บุกรุกต่อชนเผ่าในมะดีนะฮ์[236][237]) และการแต่งงานกับอาอิชะฮ์ โดยอายุของเธอถูกรายงานว่าอยู่ในช่วงระหว่าง 6 และ 19 ปี[238][239][240]

ใกล้เคียง

มุฮัมมัด มุฮัมมัด เศาะลาห์ มุฮัมมัด บิน รอชิด อาล มักตูม มุฮัมมัด ซัยยิด ฏ็อนฏอวี มุฮัมมัด อัลบุคอรี มุฮัมมัด บิน ซัลมาน มุฮัมมัด อิบน์ อับดุลวะฮ์ฮาบ มุฮัมมัด อุมัร มุฮัมมัด อัลอิดรีซี มุฮัมมัด อับดุฮ์

แหล่งที่มา

WikiPedia: มุฮัมมัด //www.amazon.com/dp/B000BWQ7N6 http://bahai-library.com/buck_eschatology_globaliz... http://referenceworks.brillonline.com/entries/ency... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/396226/M... http://www.britannica.com/eb/article-9105853/Muham... http://www.islamhouse.com/p/51772 http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub... http://jewishencyclopedia.com/articles/10918-moham... http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Section... http://www.nybooks.com/articles/archives/1988/jan/...