พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ เป็น
พระราชพงศาวดารไทยซึ่ง
หลวงประเสริฐอักษรนิติ์ (แพ ตาละลักษมณ์) พบต้นฉบับที่บ้านราษฎรแห่งหนึ่งและนำมาให้
หอพระสมุดวชิรญาณใน พ.ศ. 2450 หอพระสมุดจึงตั้งชื่อว่า ฉบับหลวงประเสริฐ ให้เป็นเกียรติแก่ผู้พบ
[9]บานแผนกของพงศาวดารกล่าวว่า พงศาวดารนี้เกิดจากการที่มีรับสั่งใน จ.ศ. 1042 (พ.ศ. 2223) ให้คัดจดหมายเหตุต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
[1] และนักประวัติศาสตร์เห็นว่า ผู้มีรับสั่ง คือ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่ง
กรุงศรีอยุธยา เพราะปีที่ระบุไว้ตรงกับรัชสมัยของพระองค์
[4][5][6][7] นอกจากนี้ พงศาวดารไม่ได้เอ่ยถึงผู้แต่ง แต่นักประวัติศาสตร์ชาวตะวันตกบางคนเชื่อว่า เป็นผลงานของโหรหลวงที่มีบรรดาศักดิ์ว่า "โหราธิบดี"
[2][3]เนื้อหาของพงศาวดารว่าด้วยเหตุการณ์เกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่การสร้างพระพุทธรูป
เจ้าพแนงเชีงใน จ.ศ. 686 (พ.ศ. 1867) ตามด้วยการสถาปนากรุงศรีอยุธยาใน จ.ศ. 712 (พ.ศ. 1893) มาจนค้างที่รัชกาล
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชคราวที่ทรงยกทัพไปอังวะใน จ.ศ. 966 (พ.ศ. 2147) ต้นฉบับมีเนื้อหาเท่านี้ แต่
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเชื่อว่า น่าจะมีต่อ จึงทรงเพียรหา กระทั่งทรงได้ฉบับคัดลอกในสมัย
กรุงธนบุรีมาเมื่อ พ.ศ. 2456 ซึ่งมีเนื้อหาเท่ากัน จึงทรงเห็นว่า เนื้อหาที่เหลือคงสูญหายมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีเป็นอย่างน้อยแล้ว
[8]พงศาวดารนี้เป็นที่เชื่อถือด้านความแม่นยำ
[4][10][11] เหตุการณ์และวันเวลาที่ระบุไว้สอดคล้องกับเอกสารต่างประเทศ
[12] ทั้งให้ข้อมูลที่ไม่ปรากฏในพงศาวดารสมัยหลัง
[10] นอกจากนี้ ยังเขียนโดยใช้ศิลปะทางภาษาน้อยที่สุด และหลีกเลี่ยงการแทรกความคิดความรู้สึกส่วนตัวของผู้แต่งลงไป
[11] อย่างไรก็ดี เนื้อหาที่เขียนแบบย่อ ๆ ไม่ลงรายละเอียด และไม่พรรณนาเหตุการณ์ให้สัมพันธ์กันนั้น ถูกวิจารณ์ว่า เข้าใจยาก
[11] และแทบไม่เป็นประโยชน์ต่อนักประวัติศาสตร์ที่พยายามจำลองภาพในอดีตของไทย
[13]