ข้อแตกต่างของพระราชประวัติในหลักฐานลายลักษณ์อื่น ของ พระเจ้าฟ้างุ้ม

ใบลานขุนบูรมฉบับวัดโพทะลาม บ้านม่วงเหนือ เมืองปากลาย แขวงไซยะบูลี ระบุพระราชประวัติพระเจ้าฟ้างุ้มช่วงต้นว่าเมื่อท้าวผีฟ้าเจริญพระชนม์มีพระราชโอรส ๖ องค์ คือฟ้าโง่มหรือฟ้างุ่มมีแข่ว (พระทนต์) ในครรภ์พระราชมารดา ฟ้าเงี้ยว ฟ้ายาน ฟ้าคานคำ ฟ้าก่ำ และฟ้าเขียว ท้าวผีฟ้าเล่นชู้กับนางนักสนมพระราชบิดาคือท้าวคำผง (พระยาคำผง) ท้าวคำผงขับขุนผีฟ้าหนีจากเมืองซวาล้านช้างส่งไปเลยหลี่ผี ท้าวฟ้าโง่มทราบว่าปู่ขับพระบิดาตนหนีจากเมืองก็หนีไปกับพระบิดาถึงเมืองอินทปัฐนครหลวง ๒ พ่อลูกได้บรรทมอยู่ใต้กระดี (กุฏิ) เถรเจ้าขวับตน ๑ พระกุมารฟ้าโง่มบรรทมเสียงกรนไพเราะดั่งเสียงดนตรีมหาเถรเจ้าจึงทำนายทายว่าท้าวผู้นี้จะได้เป็นท้าวพระยามีชื่อลือชาปรากฏในภายหน้า ความลือถึงพระยาแกกะราช (พระยาแกรก) ซึ่งเสวยราชย์เมืองอินทปัฐนครหลวง พระยาแกกะราชจึงนำราชกุมารฟ้าโง่มไปอุปฐากตน พระยาเห็นพระกุมารรู้หลักนักปราชญ์ดีนักจึงยกพระราชธิดาแก่พระกุมารแล้วกล่าวกับลูกเขือย (ลูกเขย) ว่า "...ดูฮาเจ้ากุมานกูพ่อจักให้เจ้าเมือเป็นพระยาในเมืองซวาล้านซ้างพุ้ร ก็หากเป็นเมืองปู่เมืองตาเจ้าแลยังจักเมือบ่จา..." พระองค์ตรัสตอบว่า "...ผิมหาราซเจ้าจักให้ผู้ข้าเมือแท้ให้ลิพนมหุรลโยทาแก่ผู้ข้าก็จักเมือแล..." พระยาแกกะราชจึงแต่งพลช้างม้าแก่เจ้าฟ้าโง่มขึ้นมาเมืองติโคดตบอง ทรงใช้คนไปหาพระยาติโคดตบองว่าให้พระยาสารนคอรเจ้าเมืองแต่งรี้พลให้พระองค์ โดยชี้แจงว่าพระองค์เป็นเชื้อท้าวพระยาสืบราชวงศ์มาแต่เมืองล้านซ้าง หากอาว (พระยาสารนคร) พร้อมด้วยพระองค์ก็ดีไป หากไม้พร้อมด้วยก็ให้รบกัน[65]

พงษาวดารล้านช้าง (ตามถ้อยคำในฉบับเดิม) บริเฉทที่ ๒ ระบุพระราชประวัติเป็นเนื้อความสั้น ๆ ว่าท้าวผีฟ้าเล่นชู้กับนางคำนันสนมพระราชบิดาคือพระยาคำผง จึงถูกขับหนีจากเขตเมืองลาวทั้งหมดเป็นเหตุให้ท้าวผีฟ้าไม่ได้เป็นกษัตริย์แทนพระราชบิดา สันนิษฐานว่าพระเจ้าฟ้างุ้มพระโอรสท้าวผีฟ้าคงถูกขับพร้อมพระราชบิดา พระเจ้าฟ้างุ้มทรงประสูติในปีฮวายสี จ.ศ. ๖๗๘ ในปีก่าใซ้ จ.ศ. ๗๑๕ พระชนม์ ๓๗ พรรษาจึงเสวยราชย์เป็นกษัตริย์นครเชียงดงเชียงทองแทนพระราชอัยกา ครั้งเสวยราชย์ ๓ ปี ใน จ.ศ. ๗๑๘ ทรงประสูติพระราชโอรสพระนามว่าท้าวอุ่นเฮือน (อุ่นเรือน) หมอดูทำนายว่าพระราชโอรสจะเอาชนะพระองค์จึงโปรดฯ ให้ฝูงข้อยเลี้ยงนำไปไหลน้ำตามคำพยากรณ์ แต่ปรากฏช่อธงกั้นกางราชกุมารไปจึงมีคนนำเรื่องไปเล่าแก่หอหลวง หอหลวงให้นำพระราชกุมารมาเลี้ยงไว้ในเรือน ครั้นพระเจ้าฟ้างุ้มครองราชย์ ๔ ปีก็กระทำผิดทุจริตละธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาที่พระมหาเถระเจ้าปาสมันต์ผู้เป็นอาจารย์ซึ่งมาจากพระนครหลวงเคยสั่งสอน เสนาอำมาตย์พร้อมกันขับพระองค์หนีจากเมืองลาวในปีก่าเป้า ทรงเสด็จไปประทับอยู่กับพระยาคำที่เมืองน่านและเสด็จสวรรคตเมื่อพระชนม์ ๕๘ พรรษาในปีกาบยี่ จ.ศ. ๗๓๖ ณ เมืองน่าน เมื่อท้าวอุ่นเฮือนพระราชโอรสพระชนม์ ๑๗ พรรษาก็ราชาภิเศกเป็นกษัตริย์แทนพระเจ้าฟ้างุ้มพระราชบิดา[66]

ส่วนพงษาวดารเมืองหลวงพระบาง ตามฉบับที่มีอยู่ในศาลาลูกขุนระบุต่างไปว่า จ.ศ. ๖๗๘ ปีเถาะ อัฐศก พระยาสุวรรณคำผงพระราชอัยกาของพระเจ้าฟ้างุ้มเสวยราชย์เป็นกษัตริย์เมืองศรีสัตนาคนหุตล้านช้างฮ่มขาว ทรงมีพระราชโอรสพระนามขุนยักษ์ฟ้าซึ่งทำชู้กับภรรยาตนจึงถูกไล่ออกจากบ้านเมือง ขุนยักษ์ฟ้าพาภรรยากับพระโอรสคือท้าวฟ้างุ้มไปประทับที่เมืองอินทปัตนคร ท้าวฟ้างุ้มได้นางคำยักษ์พระราชธิดาพระยาศรีจุลราชเจ้าเมืองอินทปัตนครเป็นภรรยา ต่อมาเจ้าเมืองอินทปัตนครให้ท้าวฟ้างุ้มเกณฑ์ทัพยกไปเมืองศรีสัตนาคนหุตฯ ฝ่ายท้าวคำย่อ (คำยอ) พระราชโอรสเจ้าเมืองพวนซึ่งทำชู้กับภรรยาพระราชบิดาเกรงพระราชบิดาประหารจึงหนีมาพึ่งท้าวฟ้างุ้มแล้วขอกองทัพไปตีเมืองพวนโดยสัญญาว่าหากตีได้จะยอมเป็นเมืองขึ้น ท้าวฟ้างุ้มยกทัพตีเมืองพวนโดยยิงปืนใหญ่น้อยสู้รบกันจนทัพเมืองพวนแพ้แตกกระจาย ทรงตั้งท้าวคำย่อเป็นพระยาคำย่อเจ้าเมืองพวนแล้วร่วมกันยกทัพกลับมาเมืองศรีสัตนาคนหุตฯ แต่งคนถือหนังสือถึงพระยาสุวรรณคำผงพระราชอัยกาว่าจะขอราชสมบัติ พระยาสุวรรณคำผงเกณฑ์ทัพออกรบแต่สู้ทัพพระราชนัดดาไม่ได้จึงผูกพระศอสวรรคตท้าวฟ้างุ้มจึงได้เสวยราชย์แทนเป็นพระยาฟ้างุ้ม หัวเมืองใดขัดแข็งทรงยกทัพไปตีเป็นเมืองขึ้นได้หลายเมือง ฝ่ายเมืองไผ่หนามปลูกก่อไผ่เป็นระเนียดยิงปืนเท่าใดก็ทำลายไม่ได้ พระยาฟ้างุ้มให้ทหารทำกระสุนปืนด้วยทองคำยิงเข้าไปในเมืองแล้วเลิกทัพกลับ ราษฎรเมืองไผ่หนามก็พากันถางกอไผ่เก็บกระสุนส่วนพระองค์ยกทัพกลับเข้าตีอีกครั้งก็ไม่แพ้ชนะจนเจ้าเมืองไผ่หนามยอมเป็นทางไมตรี พระองค์จึงเฉลิมพระนามพระยาเภาเจ้าเมืองไผ่หนามเป็นพระยาเวียงคำตามเหตุที่ทำกระสุนปืนทองคำยิงเข้าเมือง ต่อมาเจ้าเมืองอินทปัตนครให้พระยาฟ้างุ้มบุตรเขยเสด็จไปเมืองอินทปัตนครแล้วพระราชทานโอวาทไม่ให้ยกทัพเที่ยวตีนานาประเทศ โปรดฯ ให้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมพร้อมรับเบญจศีลในพระวิหารพระบางแล้วยกเขตแดนเมืองอินทปัตนครตั้งแต่หลี่ผี (ลี่ผี) ถึงเมืองศรีสัตนาคนหุตฯ แก่พระยาฟ้างุ้ม พระยาฟ้างุ้มขออัญเชิญพระบางไปประดิษฐานที่เมืองศรีสัตนาคนหุตฯ ครั้นอัญเชิญถึงเมืองเวียงคำพระยาเวียงคำขอพระบางไว้สักการบูชาส่วนพระองค์พาไพร่พลขึ้นไปเมืองศรีสัตนาคนหุตฯ พระยาฟ้างุ้มมีพระราชโอรสองค์หนึ่งพระนามท้าวอุ่นเฮือน ภายหลังพระองค์ไม่ตั้งอยู่ในสัตย์ธรรมข่มเหงภรรยาท้าวพระยามาเป็นภรรยาตน ท้าวพระยาพร้อมกันขับไล่ออกจากเมืองทรงเสด็จหนีไปพึ่งพระยาคำตันที่เมืองน่าน รวมเวลาครองราชย์ ๔๑ พรรษา พระชนม์ได้ ๗๐ พรรษาทรงสวรรคต ณ เมืองน่าน ต่อมา จ.ศ. ๗๓๕ ปีชวด เบญจศก ท้าวพระยาพร้อมกันยกท้าวอุ่นเฮือนพระราชโอรสขึ้นเสวยราชย์แทนเฉลิมพระนามว่าพระยาสามแสนไทยไตรภูวนารถธิบดีศรีสัตนาคนหุตล้านช้างฮ่มขาว[67]

ใกล้เคียง

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ