ความขัดแย้งเกี่ยวกับสิทธิในราชบัลลังก์ ของ สงครามดอกกุหลาบ

พระเจ้าเฮนรีที่ 4พระเจ้าเฮนรีที่ 5

ความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์แลงแคสเตอร์และราชวงศ์ยอร์กเริ่มขึ้นเมื่อพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ถูกโค่นราชบัลลังก์โดยเฮนรี โบลลิงโบรก ดยุกแห่งแลงแคสเตอร์ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องกันในปี ค.ศ. 1399 ก่อนหน้านั้นรัฐบาลของพระเจ้าริชาร์ดก็ไม่เป็นที่นิยมของประชาชนและขุนนางอยู่แล้ว ความตั้งใจแรกของเฮนรี โบลลิงโบรกเมื่อเดินทางกลับมาจากการลี้ภัยก็เพื่อที่จะมาอ้างสิทธิในการเป็นดยุกแห่งแลงแคสเตอร์ของตนเอง แต่เมื่อมาถึงโบลลิงโบรคก็ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางส่วนใหญ่ให้ทำการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง โบลลิงโบรกจึงทำการโค่นราชบัลลังก์และราชาภิเษกเป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 4

ถ้าว่ากันตามลำดับการสืบสันตติวงศ์กันแล้วในฐานะที่เป็นลูกของจอห์นแห่งกอนต์ ดยุกที่ 1 แห่งแลงแคสเตอร์ (พระราชโอรสพระองค์ที่สามในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ) โบลลิงโบรคก็แทบจะไม่มีสิทธิในการสืบราชบัลลังก์ ตามธรรมเนียมแล้วราชบัลลังก์ควรจะผ่านไปทางผู้สืบสายที่เป็นชายของไลโอเนลแห่งแอนต์เวิร์ป ดยุกที่ 1 แห่งแคลเรนซ์ พระราชโอรสพระองค์ที่สองในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 และตามความเป็นจริงแล้วพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 เองผู้ไม่มีพระราชโอรสธิดาก็ได้ทรงประกาศให้โรเจอร์ มอร์ติเมอร์ เอิร์ลที่ 4 แห่งมาร์ช หลานของไลโอเนลแห่งแอนต์เวิร์ปเป็น “รัชทายาท” แต่โรเจอร์ มอร์ติเมอร์มาเสียชีวิตเสียก่อนในปีก่อนหน้านั้น ฉะนั้นเอ็ดมันด์ มอร์ติเมอร์ เอิร์ลที่ 5 แห่งมาร์ช บุตรของโรเจอร์ก็ควรจะมีสิทธิต่อจากบิดา แต่ก็ไม่มีขุนนางผู้ใดที่สนับสนุนการอ้างสิทธิของเอ็ดมันด์ มอร์ติเมอร์

เมื่อยึดราชบัลลังก์ได้แล้ว เพียงสองสามปีหลังจากนั้นพระเจ้าเฮนรีที่ 4 ก็ต้องเผชิญกับการปฏิวัติต่อต้านหลายครั้งในเวลส์ เชสเตอร์ และนอร์ธัมเบอร์แลนด์ ที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่ก่อการปฏิวัติต่างก็ใช้ข้ออ้างของสิทธิในการครองราชบัลลังก์ของเอ็ดมันด์ มอร์ติเมอร์เป็นเครื่องบังหน้า โบลลิงโบรคสามารถปราบปรามผู้แข็งข้อกลุ่มต่าง ๆ ได้แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก

พระเจ้าเฮนรีที่ 4 เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1413 พระราชโอรสพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ขึ้นครองราชบัลลังก์ต่อมา พระเจ้าเฮนรีที่ 5 ทรงเป็นนักการทหารผู้มีความสามารถและทรงได้รับความสำเร็จในยุทธการในสงครามร้อยปีในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผลทำให้เป็นกษัตริย์ที่เป็นที่นิยมและช่วยในการสร้างความมั่นคงของราชวงศ์แลงคาสเตอร์ในการครองราชบัลลังก์อังกฤษ

ระหว่างรัชสมัยอันสั้นพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ก็ทรงประสบการคิดร้ายต่อพระองค์ครั้งหนึ่งในการคบคิดเซาท์แธมตัน (Southampton Plot) ที่นำโดยริชาร์ดแห่งโคนิสเบิร์ก เอิร์ลแห่งเคมบริดจ์ที่ 3 (Richard of Conisburgh, 3rd Earl of Cambridge) บุตรชายของเอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก พระราชโอรสองค์ที่ 5 ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แต่การคบคิดไม่ประสบความสำเร็จ เอิร์ลแห่งเคมบริดจ์ถูกประหารชีวิตในปี ค.ศ. 1415 ในข้อหากบฏต่อแผ่นดิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการรณรงค์ที่นำไปสู่ยุทธการอาแฌงคูร์ต (Battle of Agincourt) ภรรยาของเอิร์ลแห่งเคมบริดจ์แอนน์ เดอ มอร์ติเมอร์ ก็มีสิทธิในการอ้างสิทธิในราชบัลลังก์เพราะเป็นลูกสาวของโรเจอร์ มอร์ติเมอร์ เอิร์ลแห่งมาร์ชที่ 4 ซึ่งเท่ากับสืบเชื้อสายมาจากไลโอเนลแห่งอันท์เวิร์พ เอ็ดมันด์พี่ของแอนน์เป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อเฮนรีเสียชีวิตโดยไม่มีบุตรฉะนั้นสิทธิของเอ็ดมันด์จึงผ่านต่อมายังแอนน์

ริชาร์ด ลูกของเอิร์ลแห่งเคมบริดจ์และแอนน์ เดอ มอร์ติเมอร์เพิ่งมีอายุได้ 4 ปีเมื่อบิดาถูกประหารชีวิต ตำแหน่งดยุกแห่งยอร์กจึงตกมาเป็นของริชาร์ดจากพี่ชายคนโตของเอิร์ลแห่งเคมบริดจ์เอ็ดเวิร์ดแห่งนอริช ดยุกที่ 2 แห่งยอร์ก (Edward of Norwich, 2nd Duke of York) ผู้เสียชีวิตในการต่อสู้เคียงข้างกับพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ในยุทธการที่อาแซ็งกูร์ แม้ว่าทรัพย์สินของเอิร์ลแห่งเคมบริดจ์จะถูกริบ แต่ต่อมาพระเจ้าเฮนรีพระราชทานพระราชานุญาตให้ริชาร์ดได้รับบรรดาศักดิ์และพระราชทานดินแดนที่เป็นของลุงที่เสียชีวิตไปโดยไม่มีบุตร พระเจ้าเฮนรีผู้มีพระอนุชาสามพระองค์และทรงเป็นผู้มีพระสุขภาพพลานามัยดีไม่มีเหตุผลใดใดที่จะต้องทรงวิตกถึงความมั่นคงของราชวงศ์แลงคาสเตอร์ในการครองราชบัลลังก์ แต่หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์แล้วพระราชโอรสองค์เดียวที่มีก็เป็นผู้นำผู้ไม่มีประสิทธิภาพ และพระอนุชาก็ไม่มีบุตรธิดาที่มีสิทธิซึ่งทำให้เหลือแต่ลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของตระกูลโบฟอร์ทที่อาจจะเป็นรัชทายาทได้ ฉะนั้นการอ้างสิทธิของริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์กจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ และในที่สุดราชบัลลังก์ก็เปลี่ยนมือไปเป็นของราชวงศ์ยอร์ก

ใกล้เคียง

สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามเวียดนาม สงครามกลางเมืองอเมริกา สงครามแปซิฟิก สงครามเกาหลี สงครามอ่าว สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สงครามครูเสด สงครามกัมพูชา–เวียดนาม