พ.ศ. 2503-2512
Coronado CV-990
- 24 สิงหาคม พ.ศ. 2502 รัฐบาลไทยดำเนินการให้ บริษัท เดินอากาศไทย จำกัด (อังกฤษ: Thai Airways Company Limited; ชื่อย่อ: บดท.; TAC) กับ สายการบินสแกนดิเนเวียน (อังกฤษ: Scandinavian Airlines System; ชื่อย่อ: SAS) ทำสัญญาร่วมทุนระหว่างกัน เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2502 จากนั้นในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2503 บริษัท การบินไทย จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นด้วยทุนประเดิม 2 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ โดยมีเที่ยวบินปฐมฤกษ์ไปยังฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ปีเดียวกัน
[2]- พ.ศ. 2512 - เปลี่ยนไปใช้ฝูงบินไอพ่นทั้งหมดในการให้บริการ โดยมีเส้นทางการบินครอบคลุมเมืองสำคัญในเอเชีย เป็นจำนวนมากกว่าสายการบินอื่น ทั้งเริ่มเผยแพร่วัฒนธรรม และรณรงค์การท่องเที่ยวประเทศไทย แก่ชาวต่างชาติทั่วโลก
พ.ศ. 2513-2522
B747-200 ประจำการลำแรก 2 พฤศจิกายน ปี 2522
- พ.ศ. 2513 - ในโอกาสที่ร่วมมือกันก่อตั้งการบินไทยมาครบรอบ 10 ปี บดท.กับเอสเอเอส ลงนามต่อสัญญาร่วมทุนระหว่างกันออกไปอีก 7 ปี และยังจัดซื้อเครื่องบิน ดีซี 9-41 และ ดีซี 8-33 มาให้บริการเพิ่ม เนื่องจากมีสมรรถภาพที่ดี และยังประหยัดพลังงานกว่ารุ่นที่ใช้อยู่ ทั้งนี้ยังเริ่มจัดรายการท่องเที่ยวขึ้นเป็นพิเศษ ภายใต้ชื่อ รอยัลออร์คิดฮอลิเดย์ (Royal Orchid Holiday) โดยลูกค้าสามารถเลือกวันเดินทางและรายการท่องเที่ยวตามความต้องการได้ในราคาพิเศษ รวมทั้งการเดินทางเป็นหมู่คณะด้วย
- พ.ศ. 2514 - เปิดเส้นทางบินข้ามทวีปเป็นครั้งแรกจากกรุงเทพฯ แวะลงที่ สิงคโปร์ สิ้นสุดที่ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ในวันที่ 1 เมษายน และเปิดให้บริการอาคารคลังสินค้าหลังใหม่ ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าเข้าและออกเป็นจำนวน 2,000 ตันในปีแรก
- พ.ศ. 2515 - วันที่ 3 มิถุนายน ทำการบินข้ามไปยังทวีปยุโรปเป็นครั้งแรก ไปยังกรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก[3] โดยเปิดศูนย์ฝึกอบรมนักบินแห่งใหม่ พร้อมติดตั้งเครื่องฝึกบินจำลองแบบ ดีซี 8-33 ซึ่งมีระบบควบคุมอัตโนมัติ เป็นเครื่องแรกของประเทศ นอกจากนี้ยังเปิดภัตตาคารการบินไทย ภายในท่าอากาศยานกรุงเทพ เพื่อให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้เข้าใช้บริการ
- พ.ศ. 2516 - เปิดจุดบินใหม่กรุงเทพไป แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ในวันที่ 2 มิถุนายน และลอนดอน สหราชอาณาจักร ในวันที่ 6 มิถุนายน ทั้งเปิดให้บริการ ร้านค้าปลอดภาษี (Duty-Free Shop) ภายในท่าอากาศยานกรุงเทพ เพื่อส่งเสริมศักยภาพให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชีย
- พ.ศ. 2517 - วันที่ 16 เมษายน เปิดเส้นทางบินไปยังกรุงโรม อิตาลี ทั้งเริ่มใช้การสำรองที่นั่งด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วมากขึ้นแก่ผู้โดยสาร โดยการบินไทยนับเป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยสมัยนั้นแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีพนักงานทั้งในและต่างประเทศ รวมกว่า 3,000 คน
- พ.ศ. 2518 - เปลี่ยนแปลงภาพตราสัญลักษณ์ใหม่ จากตุ๊กตารำไทยให้เป็นรูปแบบสากลมากยิ่งขึ้น โดยว่าจ้างให้วอลเตอร์ แลนเดอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทด์ บริษัทโฆษณาระดับโลกเป็นผู้ออกแบบ เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึง ความงามทางธรรมชาติและอารยธรรมไทย โดยใช้สีม่วง สีชมพู และสีทองเป็นสื่อ ทั้งยังเปิดเส้นทางบินไปยัง กรุงเทพ ไป กรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 3 เมษายน กรุงเทพไป กรุงเอเธนส์ กรีซ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน และกรุงเทพไป กรุงปารีส ฝรั่งเศส ในวันที่ 4 พฤศจิกายน
- พ.ศ. 2520 - หลังจากครบสัญญาร่วมทุนเป็นระยะเวลา 17 ปี กระทรวงการคลังก็ซื้อหุ้นคืนจากเอสเอเอส ส่งผลให้การบินไทยตกเป็นของประเทศไทยอย่างสมบูรณ์ โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ เปิดเส้นทางบินใหม่ไป คูเวตซิตี คูเวต[4] ในวันที่ 3 พฤศจิกายน การบินไทยมีเครื่องบินเป็นของบริษัทเองลำแรกได้แก่ HS-TMC เครื่องบินแบบ DC-10-30 ประจำการลำแรก 3 มีนาคม
ต่อมาในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2520 เอสเอเอสคืนหุ้นให้เดินอากาศไทย หลังจากครบระยะเวลาตามสัญญาร่วมทุน แล้วโอนให้แก่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ตามมติคณะรัฐมนตรี พนักงานคนแรกได้แก่ กัปตัน พร้อม ณ ถลาง อีกทั้งยังเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของการบินไทยในปี พ.ศ. 2522 - 2523 อีกด้วย
- พ.ศ. 2521 - จัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ 300-บี 4 ขนาด 223 ที่นั่ง เครื่องบินมาในปี 2522 เพิ่มจากแบบ ดีซี 10-30 เข้าประจำการฝูงบิน เพื่อให้บริการในเที่ยวบินระยะไกล ทั้งสามารถขนส่งผู้โดยสารและสินค้าได้มากขึ้น เปิดเส้นทางบินใหม่ไป มานามา บาห์เรน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน
[5]- พ.ศ. 2522 - จัดซื้อที่ดิน 26 ไร่ ริมถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นการรวมหน่วยงานภายในของการบินไทย ให้อยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งรับเครื่องบินแบบโบอิง 747-200 ขนาด 371 ที่นั่ง จำนวน 2 ลำในวันที่ 2 พฤศจิกายน และวันที่ 15 ธันวาคม[6]ทะเบียน HS-TGA HS-TGB เพื่อให้สามารถบินตรงถึงจุดบินต่างๆ ในทวีปยุโรปโดยไม่ต้องพักเครื่อง และยังจัดซื้อเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ 300 เพื่อใช้บินภายในทวีปเอเชีย จำนวน 4 ลำด้วย เปิดเส้นทางบินไป ดาห์ราน ซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 4 เมษายน
พ.ศ. 2523-2532
B747-300 HS-TGD ประจำ 16 ธันวาคม 2530
บีเออี 146-300 ของการบินไทยประจำการลำแรก 23 มิถุนายน 2532 ในรูปเป็นลำที่สอง HS-TBM
- พ.ศ. 2523 - เปิดเส้นทางบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกกรุงเทพแวะโตเกียวแวะนครซีแอตเทิลปลายทางนครลอสแอนเจลิส ในวันที่ 30 มีนาคม ด้วยฝูงบินโบอิง 747-200 หรือจัมโบ้เจ็ท นับเป็นจุดบินแรกในสหรัฐอเมริกาและทวีปอเมริกาเหนือ ก่อนเลิกบินเส้นทางนี้ในวันที่ 31 ธันวาคม และยังเพิ่มเส้นทางบินเมลเบิร์น ในวันที่ 4 เมษายน นูเมีย ประเทศนิวแคลิโดเนีย ในวันที่ 2 พฤศจิกายน รับเครื่องบินแบบโบอิง 747-200 ขนาด 371 ที่นั่ง จำนวน 2 ลำ[7]ทะเบียน HS-TGC HS-TGF
- พ.ศ. 2524 - เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,100 ล้านบาท เปิดเส้นทางบิน กรุงเทพฯ-กว่างโจวของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 2 เมษายน เปิดเส้นทางบินกรุงเทพแวะคูเวตปลายทางแฟรงเฟิร์ต เที่ยวบิน TG920 และเปิดเส้นทางบินกรุงเทพแวะเดลีปลายทางปารีส เที่ยวบิน TG932 เปิดเส้นทางบิน กรุงเทพแวะโตเกียวแวะซีแอตเทิลปลายทางแดลลัส ในวันที่ 1 มกราคม ในเที่ยวบินที่ TG740[8]
- พ.ศ. 2525 - การบินไทยผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากการลดค่าเงินบาท โดยมีผลกำไรก่อนหักภาษีเป็นมูลค่า 26.3 ล้านบาท เป็นผลมาจากการปรับฝูงบิน รวมถึงความร่วมมือกับสายการบินอื่น ในเส้นทางบินที่สำคัญ การบินไทยเปิดเส้นทาง กรุงเทพไปเพิร์ทในวันที่ 31 มีนาคม และกรุงเทพไปบริสเบนในวันที่ 2 เมษายน
- พ.ศ. 2526 - เริ่มการให้บริการในชั้นธุรกิจ (Royal Executive Class) โดยแบ่งห้องโดยสารออกเป็นสัดส่วน ปรับปรุงเบาะนั่งให้ตัวใหญ่ขึ้น ขยายเท้าแขนให้มากขึ้น รวมทั้งเปิดบริการห้องรับรองพิเศษก่อนขึ้นเครื่อง นอกจากนั้นยังร่วมลงทุนกับ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (BAFS), โรงแรมรอยัลออร์คิด และโรงแรมแอร์พอร์ต เปิดเส้นทางบิน กรุงเทพฯ-ปักกิ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 29 มีนาคม
- พ.ศ. 2527 - เริ่มเส้นทางบินผ่านในประเทศอีกสองเส้นทางคือ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่-สิงคโปร์ กับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-สิงคโปร์ โดยก่อนหน้านี้มีเส้นทางแรกคือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-ฮ่องกง มาก่อนแล้ว เปิดเส้นทางบินกรุงเทพไปมัสกัต ในวันที่ 7 มิถุนายน 2527 และ กรุงเทพ-ซูริก ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2527
- พ.ศ. 2528 - เปิดศูนย์ซ่อมอากาศยานแห่งใหม่ ในบริเวณท่าอากาศยานกรุงเทพ เพื่อเพิ่มศักยภาพการซ่อมบำรุง เครื่องบินลำตัวกว้างด้วยตนเองภายในประเทศ แทนการส่งไปซ่อมต่างประเทศ ซึ่งในช่วงแรกเปิดทำการ 2 โรงซ่อม ซึ่งสามารถรองรับเครื่องบินโบอิง 747-200 พร้อมกัน และสร้างโรงซ่อมที่ 3 ในเวลาต่อมา ซึ่งสายการบินสแกนดิเนเวียน เข้ามาช่วยเหลือการจัดสร้าง ซึ่งสามารถซ่อมโบอิง 747 2 ลำ และเครื่องบินลำตัวแคบ 1 ลำ พร้อมกันในคราวเดียว และเปิดอาคารคลังสินค้าขนาดใหญ่ ติดอันดับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยพื้นที่ 43,000 ตารางเมตร เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณสินค้า ทั้งของการบินไทย กับอีก 28 สายการบิน ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เปิดเส้นทางบินไปเวียงจันทน์ ในวันที่ 4 เมษายน ไปบันดาร์เซอรีเบอกาวัน ในวันที่ 5 เมษายน กรุงเทพแวะซูริกปลายทางไคโร ในวันที่ 29 ตุลาคม เที่ยวบินที่ TG960 และไปริยาด ในวันที่ 30 ตุลาคม เที่ยวบินที่ TG509
- พ.ศ. 2529 - เพิ่มเส้นทางบินไปยังกรุงสต็อกโฮล์มของสวีเดน ในวันที่ 30 ตุลาคม และดึสเซิลดอร์ฟ ในวันที่ 30 ตุลาคม รวมถึงเปิดให้บริการภัตตาคารการบินไทย สาขาอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ ภายในท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ นับเป็นสาขาแรกนอกท่าอากาศยานกรุงเทพ
- พ.ศ. 2530 - เพิ่มเส้นทางบินไปยังกรุงมาดริดของสเปน ในวันที่ 5 ธันวาคม และเมืองออกแลนด์ของนิวซีแลนด์ ในวันที่ 5 ธันวาคม พร้อมทั้งย้ายการให้บริการแก่ผู้โดยสารทั้งหมด ไปยังอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และภายในประเทศหลังใหม่ทั้งสอง นับเป็นร้อยละ 80 ของการให้บริการทั้งหมดของการบินไทย นอกจากนั้น ยังร่วมรณรงค์ปีส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยด้วย
รับเครื่องบินแบบโบอิง 747-300 จำนวน 2 ลำ[9]ทะเบียน HS-TGD รับวันที่ 16 ธันวาคม HS-TGE รับวันที่ 3 ธันวาคม เป็นเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดของการบินไทย
วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2531 เดินอากาศไทยซึ่งดำเนินธุรกิจสายการบินภายในประเทศ ก็รวมกิจการเข้ากับการบินไทย เพื่อให้สายการบินแห่งชาติเป็นหนึ่งเดียว ตามมติคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ จากนั้นในวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2534 การบินไทยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามมติคณะรัฐมนตรี และจดทะเบียนแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัดมหาชน เมื่อปี พ.ศ. 2537[12]
- พ.ศ. 2532 - สำนักงานใหญ่ก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งโครงการ และเริ่มจัดรายการบัตรโดยสารราคาพิเศษชื่อ Discover Thailand เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทย เนื่องในปีศิลปหัตถกรรมไทย รวมถึงพัฒนาทัวร์เอื้องหลวงให้หลากหลายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเปิดครัวการบินไทยแห่งใหม่ โดยมีกำลังการผลิตอาหารมากกว่า 20,000 สำรับต่อวัน ซึ่งมีความทันสมัยและขนาดใหญ่ติดอันดับในเอเชีย รับเครื่องบินแบบ BAe146-300 2 ลำทะเบียน HS-TBL และ HS-TBM
พ.ศ. 2533-2542
B747-400 HS-TGA ประจำการ 2พฤศจิกายน ปี 2533
McDonnell Douglas MD-11 HS-TMD ประจำการ 27 มิถุนายน ปี 2534
- พ.ศ. 2533
- ครบรอบ 30 ปีการบินไทย ผลประกอบการก่อนหักภาษี ได้รับกำไร 6,753.6 ล้านบาท ถือเป็นลำดับรองจากจุดสูงสุดของผลกำไรตลอดกาบ และให้บริการผู้โดยสารสูงสุดตลอดมาที่ 8.3 ล้านคน ทั้งนี้ ยังจัดซื้อเครื่องบินโบอิง 747-400 ลำแรก ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในขณะนั้น
- 27 มีนาคม – เปิดเส้นทางบินไปเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
- 30 มีนาคม – เปิดเส้นทางบินไปมิวนิก ประเทศเยอรมัน
- 29 ตุลาคม – เปิดเส้นทางบินไปเกาสฺยง
- 2 พฤศจิกายน – รับเครื่องบินแบบ B747-400 ลำแรก ในวันที่ เป็นเครื่องที่ทันสมัยที่สุดของการบินไทยในปีนั้น
- 16 พฤศจิกายน – เปิดเส้นทางบินไปเกาะลังกาวี
- พ.ศ. 2534
- ร่วมเป็นสมาชิกระบบสำรองที่นั่งเบ็ดเสร็จ อะมาดิอุส (Amadeus) ซึ่งเชื่อมโยงกับอีก 98 สายการบิน และผู้แทนการท่องเที่ยวทั่วโลก 47,500 ราย ครอบคลุมทั่วโลกด้วยระบบอินเทอร์เน็ต
- 1 กรกฏาคม – เปิดเส้นทางบินใหม่จากกรุงเทพแวะโซลปลายทางลอสแอนเจลิส ในเที่ยวบิน TG770 [13]
- 4 ตุลาคม – เปิดเส้นทางบินไป บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
- 30 ตุลาคม – เปิดเส้นทางบินไป โกตากีนาบาลู ในวันที่ 30 ตุลาคม
- เปิดเส้นทาง โตเกียวไปภูเก็ต ในเที่ยวบินที่ TG647
- การบินไทยเริ่มกระบวนการแปรรูปบริษัท ด้วยการนำหุ้นเข้าจำหน่ายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยขณะนั้นคือ 100 ล้านหุ้น โดยมีผู้ลงทุนซื้อหุ้นจำนวน 256,000 คน และสามารถระดมทุนเป็นจำนวน 14,000 ล้านบาท รับเครื่องบินแบบ McDonnell Douglas MD-11 2 ลำ HS-TMD วันที่ 27 มิถุนายน HS-TME วันที่15 กรกฎาคม
- พ.ศ. 2535
- 30 มีนาคม – เปิดเส้นทางบินไปคุนหมิง
- 31 มีนาคม – เปิดเส้นทางบินไปกวม
- การบินไทยเปิดเส้นทางบินแวะกรุงโรมสิ้นสุดที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน[14] ในวันที่ 3 กรกฎาคม การบินไทยเปิดเส้นทางบินไป ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 26 ตุลาคม[15]รับเครื่องบินแบบ McDonnell Douglas MD-11 2 ลำ HS-TMF วันที่ 2 กรกฎาคม HS-TMG วันที่ 31 กรกฎาคม การบินไทยซื้อเครื่อง HS-TVA แบบ Canadair Challenger-601-3A-ER สำหรับฝึกนักบินและเช่าเหมาลำ รับเมื่อ 25 พฤษภาคม ในปีนี้เปิดเส้นทางบิน ฮ่องกงไปโตเกียว เที่ยวบิน TG642
- พ.ศ. 2536 – รับบริการผู้โดยสารจำนวนมากกว่า 10 ล้านคน และเปิดรับสมัครรอยัลออร์คิดพลัส รายการสะสมจำนวนไมล์บิน โดยมีผู้เข้าเป็นสมาชิกจำนวน 200,000 คนจาก 115 ประเทศภายในปีแรก การบินไทยเปิดเส้นทางบินไป เซี่ยงไฮ้ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน การบินไทยเปิดเส้นทางบินไป ดูไบ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน
- พ.ศ. 2537 – จดทะเบียนเป็น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งเพิ่มเส้นทางบินไปยัง ลาฮอร์ของปากีสถาน ในวันที่ 1 กรกฎาคม และ อิสตันบูล ในวันที่ 31 ตุลาคม
- พ.ศ. 2538 – ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเชิงปฏิบัติการ เชิงบริการลูกค้า เชิงจัดการและเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาการบริหารธุรกิจจากต่างประเทศ และประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ของการบินไทย เพื่อสร้างสรรแนวทางและเป้าหมายร่วมกัน มีใจความว่า The First Choice Carrier. Smooth as Silk. First Time. Every Time.
- พ.ศ. 2539
- พ.ศ. 2540
- 30 มีนาคม – เปิดเส้นทางบินไป กรุงเทพแวะเกาะบาหลีปลางทางสุราบายา เที่ยวบินที่ TG435
- 14 พฤษภาคม – การบินไทยร่วมกับสายการบินลุฟต์ฮันซา, แอร์แคนาดา, เอสเอเอส, และยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ก่อตั้งพันธมิตรการบินแห่งแรกและใหญ่ที่สุด สตาร์อัลไลแอนซ์ ขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจการบินดำเนินไปด้วยความเข้มแข็งยิ่งขึ้น จากนั้นจึงเริ่มขยายที่หมายการบินใหม่ไปยัง เฉิงตู, ปูซาน, เชนไน, เซียะเหมิน, มิลาน, มอสโก, อิสลามาบาด, ไฮเดอราบัด และ ออสโล
พ.ศ. 2543–2552
ตราสัญลักษณ์ของการบินไทย (2548-ปัจจุบัน)
A340-541 ประจำการลำแรก 6 เมษายน ปี 2548 ในรูปคือ HS-TLB เป็นลำที่สอง
A340-642 HS-TNA ประจำการ 29 มิถุนายน ปี 2548
A330-343X HS-TEN ประจำการ 1 เมษายน พ.ศ. 2552
เปิดเส้นทางบินใหม่ไปยัง มุมไบ ประเทศอินเดีย ในวันที่ 30 ตุลาคม
- พ.ศ. 2545 – เปิดเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพไปเฉิงตู ในวันที่ 2 มกราคม เซี่ยเหมิน ในวันที่ 29 ตุลาคม ปูซาน ในวันที่ 31 มีนาคม บาห์เรน ในวันที่30 พฤศจิกายน อาบูดาบี ในวันที่ 30 พฤศจิกายน จิตตะกอง ในวันที่ 11 ธันวาคม และกลับมาบินกรุงคูเวตซิตีของคูเวต ในวันที่ 31 มีนาคม การบินไทยเปิดเส้นทางบินกรุงเทพแวะเอเธนส์ไปเจนีวา ในวันที่ 29 ตุลาคม เที่ยวบิน TG946 อีกครั้งหนึ่งส่วนผลประกอบการมีกำไรสูงสุดนับแต่ก่อตั้ง และเป็นปีที่ 38 ติดต่อกัน
ในวันที่ 29 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2545 การบินไทยเปิดเส้นทางบินใหม่กรุงเทพ แวะกรุงเอเธนส์ ไปกรุงเจนีวา
- พ.ศ. 2546 – ให้บริการเลือกเที่ยวบิน สำรองที่นั่ง ออกบัตรโดยสาร เช็กอิน ฯลฯ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตด้วยตนเอง ภายใต้ชื่อรอยัล อี-เซอร์วิส และเริ่มการประมูลจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auction) เพื่อความโปร่งใสถูกต้อง มีธรรมาภิบาล และยังลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย การบินไทยเปิดเส้นทางบินกรุงเทพแวะซูริกไปเจนีวา ในวันที่ 31 มีนาคม เที่ยวบิน TG972[18]การบินไทยเปิดเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพไปเชนไน ในวันที่ 26 ตุลาคม และ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน เปิดเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพไปหลวงพระบาง การบินไทยเปิดเส้นทางเมลเบิร์นไปภูเก็ตในวันที่ 27 ตุลาคม ในเที่ยวบินที่ TG980[19]
- พ.ศ. 2547 – ลงนามในสัญญาร่วมกับ ห้างหุ้นส่วนอินเตอร์แบรนด์ เพื่อปรับปรุงเอกลักษณ์ของการบินไทย ภายใต้กลยุทธ์พัฒนาเอกลักษณ์และบริการ รวมทั้งเปิดบริการลูกค้าสัมพันธ์ชั้นพิเศษ (Premium Customer Service) สำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ และถือหุ้นร้อยละ 39 เพื่อร่วมทุนเปิดนกแอร์ (อังกฤษ: Nok Air) สายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airlines)การบินไทยเปิดเส้นทางบินกรุงเทพ ไป บังคาลอร์ ในวันที่ 29 มีนาคม จิ่งหง ในวันที่ 31 มีนาคม มิลาน ประเทศอิตาลี ในวันที่ 4 พฤษภาคม
- พ.ศ. 2548
- เปิดตราสัญลักษณ์รูปแบบใหม่ ซึ่งพัฒนาขึ้นจากตราแบบเดิม สะท้อนเอกลักษณ์ไทยตามแนวคิดใหม่ของบริษัทคือ High Trust, World Class and Thai Touch พร้อมทั้งเปลี่ยนเแปลงเครื่องแบบพนักงานประชาสัมพันธ์ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและภาคพื้น และเปิดจุดบินตรงไปยังมหานครนิวยอร์ก เที่ยวบิน TG790 ในวันที่ 1 พฤษภาคม และนครลอสแอนเจลิส เที่ยวบิน TG794 ของสหรัฐอเมริกา บนเครื่องบินแบบ A340-541 ในวันที่ 2 ธันวาคม การบินไทยเปิดเส้นทางไปยังกรุงมอสโกของรัสเซีย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน เปิดเส้นทางบินไปยัง อิสลามาบาด ในวันที่ 2 พฤศจิกายน นอกจากนั้น ยังลงนามสัญญาทำรหัส กับสายการบินนิวซีแลนด์ และแอร์มาดากัสการ์ด้วย
- รับเครื่องบินแบบ A340-541 ลำแรก ในวันที่ 6 เมษายน ทะเบียน HS-TLA A340-642 ในวันที่ 29 มิถุนายน ทะเบียน HS-TNA[20]
- การบินไทยได้เปิดเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ – นิวยอร์ก ด้วยเครื่องบินแบบ แอร์บัส เอ 340-500 ถือเป็นเที่ยวบินตรงเส้นทางแรกสู่สหรัฐอเมริกา ต่อมาได้เปลี่ยนเที่ยวบินตรงไปยังลอสแอนเจลิสแทน แต่เนื่องด้วยเครื่องบินรุ่นนี้ใช้น้ำมันมากจึงได้ระงับไปในปี พ.ศ. 2551 แม้จะมีผู้โดยสารจองที่นั่งกว่าร้อยละ 80 ก็ตาม
- พ.ศ. 2550 – ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศเต็มรูปแบบ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว โดยยังให้บริการที่ท่าอากาศยานดอนเมือง สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศตามนโยบายรัฐบาล และเปิดจุดบินใหม่กรุงเทพแวะพุทธคยาไปพาราณสีของอินเดียในเที่ยวบินที่ TG8820 เป็นเที่ยวบินที่บินตามฤดูกาลไม่ใช่เส้นทางประจำ นอกจากนี้ ยังเปิดจุดบริการเช็กอินแก่ผู้โดยสารภายในประเทศ (THAI City Air Terminal) ที่สถานีลาดพร้าวของรถไฟฟ้ามหานครด้วย
[21]
- พ.ศ. 2552 – เริ่มเส้นทางบินไปยังกรุงออสโลของนอร์เวย์ ในวันที่ 15 มิถุนายน เที่ยวบินที่ TG954 เป็นจุดบินระหว่างประเทศที่ 59 ซึ่งการบินไทยเปิดทำการบินใน 34 ประเทศ เพื่อให้บริการผู้โดยสารครอบคลุมทั่วโลก รับเครื่องบินแบบใหม่ A330-343X ลำแรกทะเบียน HS-TEN ประจำการ 1 เมษายน พ.ศ. 2552
การบินไทยปรับเปลี่ยนเส้นทาง TG921 แฟรงเฟิร์ตแวะกรุงเทพไปภูเก็ต TG923 แฟรงเฟิร์ตแวะกรุงเทพไปเชียงใหม่ โดยเปลี่ยนให้ทั้งสองเที่ยวบินสิ้นสุดที่กรุงเทพ
พ.ศ. 2553–2562
A380-841 HS-TUA ประจำการลำแรก 26 กันยายน พ.ศ. 2555
B777-300ER HS-TKU ประจำการลำแรก 21 มกราคม พ.ศ. 2557
Boeing 787-8 Dreamliner เช่ามาประจำการลำแรก 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ในรูปเป็นลำที่หก HS-TQF
A350-900 XWB ประจำการลำแรก 1 กันยายน 2559 ในรูปเป็น HS-THB
- พ.ศ. 2553 –
- ครบรอบ 50 ปี การบินไทย โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 มีการดำเนินธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์ Mission TG 100 ระยะ 5 ปี ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี และเปิดเส้นทางบินใหม่ที่กรุงโตเกียว (ท่าอากาศยานฮาเนดะ) ในวันที่ 31 ตุลาคม ของญี่ปุ่น ซึ่งการบินไทยเคยบินมาก่อนหน้านี้แล้ว
- 28 มีนาคม การบินไทยยกเลิกเที่ยวบิน มะนิลาไปโอซาก้า
- 2 มิถุนายน การบินไทยเปิดเส้นทางบินใหม่ไปท่าอากาศยานนานาชาติโออาร์ แทมโบ เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ หลังหยุดบินไปช่วงหนึ่ง
- เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี การบินไทย ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ผู้อำนวยการใหญ่ ในขณะนั้น ได้ตั้งเป้าหมายในอนาคตของการบินไทย โดยสร้างแผนงานในการนำฝูงบินใหม่ มาทดแทนฝูงบินเก่า และปรับปรุงการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น โดยวางแผนซื้อเครื่องบินแบบ โบอิงค์ 787 และ แอร์บัส เอ350 รวมไปถึงการนำเครื่องบินแบบ โบอิงค์ 747 และ 777 มาปรับปรุงห้องโดยสารใหม่อีกด้วย
- พ.ศ. 2554
- 17 พฤศจิกายน – การบินไทยเปิดเส้นทางบินไปบรัสเซลส์
- 11 พฤศจิกายน – การบินไทยเปิดเส้นทางบินโคเปนฮาเกนแวะภูเก็ตปลายทางกรุงเทพ ในเที่ยวบินที่ TG953 และบินเที่ยวบิน TG947 เอเธนส์มากรุงเทพ เที่ยวบินสุดท้ายวันที่ 10 พฤศจิกายน และยกเลิกเส้นทางดังกล่าว
- 3 กุมภาพันธ์ – การบินไทยจัดเที่ยวบินพิเศษ TG8830 จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปกลับท่าอากาศยานนานาชาติไคโร[22]
- พ.ศ. 2556
- 1 กันยายน – ยกเลิกเที่ยวบินเที่ยวฮ่องกงสู่ไทเป[24]
- การบินไทยเปิดเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำไปสามเมืองในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ได้แก่โทะยะมะ[25]เมืองโคมัตสึ จังหวัดอิชิกะวะ ท่าอากาศยานฮิโระชิมะ
- 24 กันยายน – คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ บมจ.การบินไทย ดำเนินโครงการลงทุนจัดตั้งสายการบินไทยสมายล์ โดยจัดตั้ง บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด เป็นบริษัทย่อยในเครือของ บมจ.การบินไทย ซึ่ง บมจ.การบินไทย ถือหุ้นร้อยละ 100 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สายการบินไทยสมายล์เป็นสายการบินภูมิภาค มีเครือข่ายการเชื่อมต่อผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจาก บมจ.การบินไทยในขณะนั้นมีกระทรวงการคลังถือหุ้นร้อยละ 51.03 และมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ จึงทำให้บริษัท ไทยสมายล์มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจด้วย[26]
- 28 ตุลาคม – การบินไทยทำการบินลงที่ท่าอากาศยานแมนเชสเตอร์ เป็นครั้งแรกเนื่องจากสภาพอากาศที่ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ไม่สามารถลงจอดได้[27]
- 3 ธันวาคม – การบินไทยเปิดเส้นทางบินใหม่กรุงเทพไปท่าอากาศยานเซ็นได เที่ยวบิน TG680 นับเป็นครั้งแรกที่มีเครื่องบินของการบินไทยบินประจำที่เมืองเช็นได การบินไทยปลดเครื่องแบบ ATR72-201 ที่ให้สายการบินนกแอร์เช่า
- พ.ศ. 2557
- เปิดให้บริการ THAI Sky Connect (บริการ Wi-Fi) บนเครื่องบิน[28];และเปิดเส้นทางบินใหม่ไป ฉงชิ่ง ในวันที่ 1 ตุลาคม ในเที่ยวบิน TG684 และ รับมอบเครื่องบินแบบใหม่ โบอิง 787 ดรีมไลเนอร์ ลำแรกของประเทศไทย ทะเบียน HS-TQA นามพระราชทาน "องครักษ์" รับมอบเครื่องบินแบบ B777-300ER ทะเบียน HS-TKU ถือเป็นเครื่องบินแบบ B777-300ER ลำแรกที่การบินไทยเป็นเจ้าของ และรับเครื่อง Boeing 787-8 Dreamliner ที่เช่ามาจากบริษัท AerCap
- 31 กรกฎาคม – การบินไทยบินด้วย แอร์บัส เอ 300-600 เป็นครั้งสุดท้าย[29]และปลดเครื่องบินรุ่นนี้ออกจากฝูงบิน
และบินตรงจากท่าอากาศยานเซ็นไดมากรุงเทพเที่ยวสุดท้าย วันที่ 18 เมษายน ก่อนยกเลิกเส้นทางดังกล่าว - 31 ธันวาคม – การบินไทยทำการบินด้วยเครื่องบิน 102 ลำ รวมการบินไทยสมายล์
- พ.ศ. 2559
- การบินไทยยกเลิกสามเที่ยวบินระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับท่าอากาศยานบรัสเซลส์ในระหว่างวันที่ 24–29 มีนาคม โดยย้ายไปลงท่าอากาศยานลีแยฌแทนในระหว่างวันที่ 31 มีนาคม – 7 เมษายน[33]การบินไทยเปิดเส้นทางบินไป เตหะราน
- 1 ตุลาคม – การบินไทยรับเครื่องบินแบบ A350-900 2 ลำในปีนี้ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2559 การบินไทย TG327 บินไป คยา เที่ยวสุดท้ายก่อนให้การบินไทยสมายล์บินเส้นทางนี้ และการบินไทยบินเที่ยวบิน กรุงเทพ-เชียงใหม่-คุนหมิง ในเที่ยวบิน TG612 เป็นเที่ยวสุดท้ายในวันที่ 27 ตุลาคม โดยเปลี่ยนเส้นทางบินเป็น กรุงเทพ-คุนหมิง แทน ในปีนี้การบินไทยเปิดเส้นทางบินใหม่ TG926 กรุงเทพแวะภูเก็ตปลายทางแฟรงก์เฟิร์ต และ TG927 แฟรงก์เฟิร์ตแวะภูเก็ตปลายทางกรุงเทพ ในวันที่ 16 พฤศจิกายน การบินไทยเปิดเส้นทางบินเส้นทาง โคเปนฮาเกนแวะภูเก็ตปลายทางกรุงเทพ เที่ยวบิน TG953 อีกครั้งในวันที่ 9 ธันวาคม และ สต็อกโฮล์มแวะภูเก็ตปลายทางกรุงเทพ เที่ยวบิน TG963 เปิดอีกครั้งในวันที่ 10 ธันวาคม
- 15 ธันวาคม – การบินไทยเปิดเส้นทางบินกรุงเทพไปท่าอากาศยานนานาชาติโดโมเดโดโว ประเทศรัสเซีย เที่ยวบิน TG974 อีกครั้งหนึ่ง
- พ.ศ. 2561
- 28 กุมภาพันธ์ – การบินไทยยกเลิกเที่ยวบินไปยังเตหะราน
- 3 พฤษภาคม – การบินไทยเลิกการบินลงจอดที่ราวัลปินดี โดยเปลี่ยนไปลงจอดที่อิสลามาบาด
- 1 กรกฎาคม – การบินไทยสมายล์ปรับเส้นทางบินกรุงเทพ-ภูเก็ต-กว่างโชว โดยเปลี่ยนเป็น กรุงเทพ-กว่างโชว ณ วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561 การบินไทยทำการบินด้วยเครื่องบิน 104 ลำ รวมการบินไทยสมายล์ สูงที่สุดนับตั้งแต่ทำกิจการของการบินไทย ก่อนที่จะยกเลิก และทำการปลด โบอิง 737-4D7 ออกจากฝูงบินในวันดังกล่าว วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2561 การบินไทย ยกเลิกเที่ยวบิน จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไป ท่าอากาศยานสมุย[35]การบินไทยดำเนินธุรกิจโดยมีเที่ยวบินระหว่างต่างประเทศน้อยที่สุด กล่าวคือ โชล ไทเปไปโซล-อินช็อน การาจีไปมัสกัต ทั้งหมดเป็นเที่ยวบินไปกลับระหว่างต่างประเทศ เส้นทางภายในประเทศเหลือเพียง 3 เส้นทางได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และ กระบี่ การบินไทย ยกเลิกเที่ยวบิน TG608/TG609 ภูเก็ตไปกลับฮ่องกง โดยบินเที่ยวสุดท้ายวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2561
- พ.ศ. 2562
พ.ศ. 2563 : โควิด-19 และการฟื้นฟูกิจการ
ก่อนยื่นฟื้นฟูกิจการ
- พ.ศ. 2563
- 23 เมษายน – สำนักข่าวนิกเกอิของญี่ปุ่นรายงานว่า การบินไทยอาจเป็นสายการบินแห่งชาติรายแรกของโลกที่จะล้มละลายท่ามกลางสถานการณ์การระบาดทั่วของโรค COVID-19 เนื่องจากปัญหาขาดสภาพคล่องซึ่งสะสมมาตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติ โดยบริษัทเตรียมขอเงินช่วยเหลือจากกระทรวงการคลัง 70,000 ล้านบาท[36] ทั้งนี้ผลดำเนินงานของบริษัทย้อนหลัง 3 ปีพบขาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยปี พ.ศ. 2562 ขาดทุน 12,017 ล้านบาท ปี พ.ศ. 2561 ขาดทุน 11,569 ล้านบาท และปี พ.ศ. 2560 ขาดทุน 2,072 ล้านบาท ด้านสำนักบริหารหนี้สาธารณะรายงานว่า ณ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 บริษัทมีหนี้สะสม 1.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ในประเทศ 101,511 ล้านบาท และหนี้ต่างประเทศ 47,209 ล้านบาท[37] แม้ว่ากระทรวงการคลังจะออกเงินกู้วงเงิน 50,000 ล้านบาทที่กระทรวงการคลังค้ำประกันให้ แต่จำนวนดังกล่าวน่าจะทำให้บริษัทคงสภาพคล่องไปได้ถึงสิ้นปี พ.ศ. 2563 เท่านั้น[38]
- 18 พฤษภาคม – ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้การบินไทยฟื้นฟูกิจการ และได้มีการเสนอคณะรัฐมนตรีในวันรุ่งขึ้น[39]
- 19 พฤษภาคม – คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 โดยยื่นคำขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ซึ่งมีผลให้การบินไทยในฐานะลูกหนี้สามารถหยุดพักชำระหนี้ได้โดยอัตโนมัติ เพื่อเริ่มต้นขั้นตอนเจรจาเจ้าหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยจะมีการดำเนินการรวมทั้งหมด 10 ขั้นตอน[40]
- 25 พฤษภาคม –
- บมจ.การบินไทย ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ (จำนวน 1,113,931,061 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 51.03 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระทั้งหมดของบริษัทฯ) ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทฯ ลงต่ำกว่าร้อยลง 50 ของจำนวนจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระทั้งหมดของบริษัทฯ แล้ว โดยจำหน่ายหุ้นร้อยละ 3.17 ให้แก่กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 แต่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (ร้อยละ 47.86) ทั้งนี้ ภายหลังการลดสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าว ทำให้การบินไทยพ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง[41][42]
- คณะกรรมการบริษัทการบินไทยฯ มีมติแต่งตั้งให้พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, บุญทักษ์ หวังเจริญ, ไพรินทร์ ชูโชติถาวร และปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ แทนกรรมการเดิม[43]
ยื่นฟื้นฟูกิจการ
- พ.ศ. 2563
- 26 พฤษภาคม –
- 27 พฤษภาคม – ศาลล้มละลายกลางรับคำร้องขอฟื้นฟูการบินไทย และนัดไต่สวนครั้งแรกในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 09:00 น. ซึ่งทำให้การบินไทยอยู่ในภาวะหยุดจ่ายหนี้ทุกรายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483[44]
- 14 กันยายน – ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้การบินไทยดำเนินการฟื้นฟูกิจการตามที่บริษัทร้องขอ และได้เห็นสมควรให้บริษัท อีวาย คอร์ปอเรทแอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด รวมถึงกรรมการบริษัทอีก 6 คน ประกอบด้วย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน, นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, นายบุญทักษ์ หวังเจริญ, นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และชาญศิลป์ ตรีนุชกร เป็นผู้ดำเนินการฟื้นฟูกิจการตามที่การบินไทยเสนอ
- 5 พฤศจิกายน การบินไทยประกาศขายเครื่องบินเพิ่มเติม 22 ลำ ประกอบด้วย B777-200 6 ลำ (HS-TJA, HS-TJB, HS-TJC, HS-TJD, HS-TJG, HS-TJH) / B777-300 6 ลำ (HS-TKA, HS-TKB, HS-TKC, HS-TKD, HS-TKE, HS-TKF) / B747-400 10 ลำ (HS-TGA, HS-TGB, HS-TGF, HS-TGG, HS-TGO, HS-TGP, HS-TGW, HS-TGX, HS-TGY, HS-TGZ) ถือเป็นการปลดประจำการฝูงบิน Boeing 747 และในรุ่น Boeing 777 เหลือเพียงรุ่น ER (Extended Range) เท่านั้น ทำให้จำนวนเครื่องบินในฝูงบินการบินไทยเหลือเพียง 61 ลำ (ไม่นับรวม Thai Smile)