ลำดับเหตุการณ์ ของ สงครามกลางเมืองซีเรีย

การก่อการกำเริบของประชาชน (มีนาคม–กรกฎาคม 2554)

ภาพเด็กชายที่เสียชีวิตในการควบคุมของรัฐบาลซีเรีย[153] ตามตัวมีกระดูกหัก แผลกระสุนปืน รอยไหม้และอวัยวะเพศถูกตัด[154]

การประท้วงเริ่มต้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2554 เมื่อผู้ประท้วงเดินขบวนในเมืองหลวงดามัสกัส เรียกร้องการปฏิรูปประชาธิปไตยและการปล่อยตัวนักโทษการเมือง กำลังความมั่นคงตอบโต้โดยการเปิดฉากยิงใส่ผู้ประท้วง[155] การประท้วงดังกล่าวมีสาเหตุจากการที่รัฐบาลจับกุมเด็กชายกับเพื่อนฐานเขียนกราฟิตี "ประชานต้องการให้รัฐบาลล่มสลาย" ในนครดัรอา (Daraa)[155][156] เด็กชายผู้นั้นชื่อ ฮัมซา อัลคาตีป (Hamza al-Khateeb) วัย 13 ปี ถูกทรมานและฆ่า[157] วันที่ 20 มีนาคม ผู้ประท้วงเผาสำนักงานใหญ่พรรคบะอัษและ "อาคารอื่น" เหตุปะทะให้หลังนั้นทำให้ตำรวจเสียชีวิตเจ็ดนาย[158] และผู้ประท้วงเสียชีวิต 15 คน[159] สิบวันถัดมา ประธานาธิบดีบัชชาร อัลอะซัดกล่าวสุนทรพจน์โทษ "ผู้สมคบต่างด้าว" ที่ผลักดันโฆษณาชวนเชื่ออิสราเอลให้เกิดการประท้วง[160]

จนถึงวันที่ 7 เมษายน ผู้ประท้วงเรียกร้องการปฏิรูปประชาธิปไตย การปล่อยตัวนักโทษการเมือง การเพิ่มเสรีภาพ การเลิกกฎหมายฉุกเฉินและการยุติการฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็นสำคัญ หลังวันที่ 8 เมษายน การเน้นคำขวัญการเดินขบวนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นการเรียกร้องให้ล้มรัฐบาลอะซัดแทน การประท้วงลุกลาม ในวันที่ 8 เมษายน เกิดการประท้วงพร้อมกันในสิบนคร ครั้นวันที่ 22 เมษายน เกิดการประท้วงในยี่สิบนคร เมื่อถึงปลายเดือนพฤษภาคม 2554 มีพลเรือนเสียชีวิต 1,000 คน[161] และทหารและตำรวจ 150 นาย[162] และมีผู้ถูกควบคุมตัวอีกหลายพันคน[163] ซึ่งในจำนวนนี้มีนักศึกษา นักกิจกรรมเสรีนิยมและผู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนรวมอยู่ด้วย[164]

เกิดการขัดขืนด้วยอาวุธอย่างสำคัญต่อฝ่ายความมั่นคงของรัฐในวันที่ 4 มิถุนายน 2554 ในจิซร์ อัล-ชูกูร์ (Jisr al-Shughur) รายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันอ้างว่ากำลังความมั่นคงส่วนหนึ่งในจิซร์แปรพักตร์หลังตำรวจลับและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองประหารชีวิตทหารที่ปฏิเสธคำสั่งยิงพลเรือน[165] ต่อมา ผู้ประท้วงในประเทศซีเรียจับอาวุธมากขึ้น และทหารแปรพักตร์มากขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้ประท้วง

การก่อการกำเริบด้วยอาวุธช่วงต้น (กรกฎาคม 2554–เมษายน 2555)

นายทหารใน FSA ประกาศการก่อตั้งสาขาของ FSA ในตัลริฟอัต (Tell Rifaat) ทางเหนือของอะเลปโป เมื่อ 31 กรกฎาคม 2555

ระยะการก่อการกำเริบช่วงต้นของสงครามกลางเมืองซีเรียกินเวลาตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม 2554 ถึงเมษายน 2555 และสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของทหารอาสาสมัครฝ่ายค้านติดอาวุธทั่วประเทศซีเรียและจุดเริ่มต้นของการกบฏด้วยอาวุธต่อรัฐบาลสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย การตั้งกองทัพซีเรียเสรี (FSA) เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 เป็นสัญลักษณ์จุดเริ่มต้นของการก่อการกำเริบ เมื่อกลุ่มนายทหารแปรพักตร์ประกาศสถาปนากำลังทหารฝ่ายค้านจัดระเบียบครั้งแรก โดยมีเป้าหมายเพื่อกำจัดบัชชาร อัลอะซัดและรัฐบาลจากอำนาจ

สงครามระยะนี้มีการก่อการกำเริบของประชาชนในขั้นต้นมีลักษณะหลายประการของสงครามกลางเมือง จากผู้สังเกตการณ์ภายนอกหลายกลุ่ม รวมทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เมื่อฝ่ายที่ติดอาวุธมีการจัดระเบียบดีขึ้นและเริ่มดำเนินการโจมตีตอบโต้การปราบปรามการเดินขบวนและผู้แปรพักตร์ของรัฐบาลซีเรียเป็นผลสำเร็จ[166]

คณะผู้แทนเฝ้าสังเกตของสันนิบาตอาหรับ ซึ่งเริ่มมีขึ้นในเดือนธันวาคม 2554 ยุติด้วยความล้มเหลวในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 เมื่อกำลังพรรคบะอัษซีเรียและทหารอาสาสมัครฝ่ายค้านยังคงรบพุ่งกันทั่วประเทศและรัฐบาลพรรคบะอัษซีเรียกีดกันมิให้ผู้สังเกตการณ์ต่างชาติเที่ยวชมสมรภูมิที่กำลังรบกันอยู่รวมทั้งที่มั่นของฝ่ายค้านที่ถูกล้อม

ต้นปี 2555 โคฟี อันนันปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แทนพิเศษซีเรียร่วมของสหประชาชาติและสันนิบาติอาหรับ แผนสันติภาพของเขาจัดให้มีการหยุดยิง แต่แม้ระหว่างมีการเจรจาแผนดังกล่าว ฝ่ายกบฏและรัฐบาลซีเรียยังต่อสู้กันอยู่แม้หลังแผนสันติภาพนี้[167] การหยุดยิงที่สหประชาชาติสนับสนุนมีโคฟี อันนัน ผู้แทนพิเศษ เป็นนายหน้าและมีประกาศในกลางเดือนเมษายน 2555

การหยุดยิงและการเพิ่มระดับ (เมษายน 2555–ธันวาคม 2556)

การเพิ่มระดับปี 2555–56 ของสงครามกลางเมืองซีเรียเป็นระยะที่สามของสงครามกลางเมืองซีเรีย ซึ่งค่อย ๆ เพิ่มระดับจากความพยายามหยุดยิงที่มีสหประชาชาติเป็นสื่อกลางระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2555 แต่เสื่อมลงเป็นความรุนแรงมูลวิวัติ เพิ่มระดับความขัดแย้งดังกล่าวเป็นสงครามกลางเมืองเต็มรูป

ซากรถถังที่ถูกทำลายบนถนนในอะเลปโป เดือนตุลาคม 2555

ให้หลังการสังหารหมู่ฮูลา (Houla) เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2555 ซึ่งมีผู้ถูกประหารชีวิตโดยรวบรัด 108 คน และคำขาดของ FSA ต่อรัฐบาลพรรคบะอัษซีเรีย การหยุดยิงหมดสภาพโดยปฏิบัติเมื่อ FSA เริ่มการบุกทั่วประเทศต่อทหารฝ่ายรัฐบาล วันที่ 12 กรกฎาคม 2555 สหประชาชาติประกาศอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่าประเทศซีเรียอยู่ในสภาพสงครามกลางเมือง[168] ความขัดแย้งเริ่มเคลื่อนสู่สองนครใหญ่สุด คือ ดามัสกัสและอะเลปโป

หลังการหยุดยิงเดือนตุลาคม 2555 ล้มเหลว ระหว่างฤดูหนาวปี 2555–56 และต้นฤดูใบไม้ผลิปี 2556 ฝ่ายกบฏยังคงรุกคืบทุกแนวรบ วันที่ 11 มกราคม 2556 กลุ่มอิสลามรวมทั้งแนวร่วมอัลนุสเราะเข้าควบคุมฐานทัพอากาศ Taftanaz ในเขตผู้ว่าการอิดลิปได้อย่างสมบูรณ์หลังการสู้รบหลายสัปดาห์ กลางเดือนมกราคม 2556 เมื่อมีการปะทะใหม่ระหว่างกบฏและกำลังเคิร์ดในเราะอัลอัย (Ras al-Ayn) กำลัง YPG เริ่มขับไล่ทหารรัฐบาลออกจากพื้นที่อุดมด้วยน้ำมันในอัลฮะซะกะฮ์ (Hassakeh)[169] วันที่ 6 มีนาคม 2556 ฝ่ายกบฏยึดนครอัรร็อกเกาะฮ์ ทำให้เป็นเมืองเอกของเขตผู้ว่าการแห่งแรกที่รัฐบาลอะซัดเสีย

สุดท้ายการรุกของฝ่ายกบฏถูกหยุดยั้งในเดือนเมษายน 2556 เมื่อกองทัพอาหรับซีเรียสามารถจัดระเบียบใหม่และเริ่มการบุก ในวันที่ 17 เมษายน 2556 กำลังรัฐบาลพรรคบะอัษทะลวงแนวล้อมหกเดือนของฝ่ายกบฏใน Wadi al-Deif ใกล้อิดลิป มีรายงานการสู้รบอย่างหนักรอบเมืองบะบู Babuleen หลังทหารรัฐบาลพยายามเข้าควบคุมทางหลวงหลักซึ่งมุ่งสู่อะเลปโป การเจาะวงล้อมดังกล่าวยังทำให้กำลังพรรคบะอัษส่งกำลังบำรุงต่อฐานทัพหลักสองแห่งในพื้นที่ซึ่งต้องอาศัยการส่งทางอากาศประปราย[170] ในเดือนเมษายน 2556 กำลังรัฐบาลและฮิซบุลลอฮ์ซึ่งมีความพัวพันในการสู้รบมากขึ้นเรื่อย ๆ เปิดฉากการบุกเพื่อยึดพื้นที่ใกล้อัลกุสซัยร (al-Qusayr) วันที่ 21 เมษายน กำลังนิยมอะซัดยึดเมือง Burhaniya, Saqraja และ al-Radwaniya ใกล้ชายแดนเลบานอน[171]

ศพผู้เสียชีวิตจากการโจมตีเคมีที่กูตา

ทว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2556 สถานการณ์กลายเป็นเสมอ โดยการสู้รบในทุกแนวรบระหว่างกลุ่มแยกต่าง ๆ ดำเนินต่อโดยสูญเสียรี้พลไปเป็นจำนวนมากแต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงดินแดนที่สำคัญ วันที่ 28 มิถุนายน 2556 กำลังกบฏยึดด่านตรวจทหารสำคัญในนครดัรอา[172] ไม่นาน กลุ่มแยกฝ่ายค้านซีเรียประกาศสงครามต่อรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ซึ่งกลายมาครอบงำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วทั้งเขตสงครามโดยฆ่าไม่เลือกไม่ว่าภักดีต่ออะซัดหรือฝ่ายกบฏ มีการรุกใหญ่เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2556 เมื่อฝ่ายกบฏยึดฐานทัพอากาศเมนาจฮ์ (Menagh) หลังการล้อมนาน 10 เดือน วันที่ 21 สิงาหคม เกิดการโจมตีเคมีขึ้นในเขตกูตา (Ghouta) ชานกรุงดามัสกัส ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายพันคน และเสียชีวิตหลายร้อยคนในที่มั่นที่ฝ่ายค้านถือครองอยู่ การโจมตีดังกล่าวมีขึ้นก่อนรัฐบาลส่งกำลังทหารเข้าสู่พื้นที่ซึ่งเป็นที่กำเนิดของฝ่ายค้าน[173] การโจมตีดังกล่าวซึ่งส่วนใหญ่ถือว่ามาจากกำลังอะซัดทำให้ประชาคมนานาชาติมุ่งปลดอาวุธเคมีจากกองทัพอาหรับซีเรีย

การต่อสู้ระหว่าง ISIL กับกลุ่มกบฏอื่น (มกราคม–มีนาคม 2557)

ความตึงเครียดระหว่างกำลังกบฏสายกลางและ ISIS มีสูงตั้งแต่ ISIS ยึดเมืองชายแดนอะซัซ (Azaz) จากกำลังกองทัพซีเรียเสรีเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2556[174] ความขัดแย้งเหนืออะซัซกลับมาอีกในต้นเดือนตุลาคม[175] และในปลายเดือนพฤศจิกายน ISIS ยึดเมืองชายแดนอัตมะฮ์ (Atme) จากกองทัพซีเรียเสรี[176] วันที่ 3 มกราคม 2557 กองทัพมุญาฮีดีน กองทัพซีเรียเสรีและแนวร่วมอิสลามเปิดฉากการบุกต่อ ISIS ในเขตผู้ว่าการอเลปโปและอิดลิบ โฆษกฝ่ายกบฏกล่าวว่า กบฏโจมตี ISIS ใน 80% ของหมู่บ้านที่ ISIS ถือครองอยู่ในอิดลิบและ 65% ของหมู่บ้านในอะเลปโป[177]

วันที่ 6 มกราคม กบฏฝ่ายค้านจัดการขับกำลัง ISIS ออกจากนครรักกา ที่มั่นใหญ่สุดของ ISIS และเมืองหลวงของเขตผู้ว่าการอัรร็อกเกาะฮ์[178] วันที่ 8 มกราคม กบฏฝ่ายค้านขับกำลัง ISIS ส่วนใหญ่ออกจากนครอะเลปโป อย่างไรก็ดี กำลังเสริม ISIS จากเขตผู้ว่าการดัยรุซซูรจัดการยึดคืนหลายย่านของนครอัรร็อกเกาะฮ์[179] เมื่อถึงกลางเดือนมกราคม ISIS ยึดนครอัรร็อกเกาะฮ์คืนได้ทั้งหมด ส่วน ISIS ขับไล่นักรบ ISIS จากนครอะเลปโปและหมู่บ้านที่อยู่ทางตะวันตกของนคร

วันที่ 29 มกราคม อากาศยานตุรกีใกล้ชายแดนยิงใส่ขบวนรถ ISIS ใกล้จังหวัดอะเลปโป ฆ่านักรบ ISIS 11 คนและเอมีร์ 1 คน[180] ปลายเดือนมกราคม มีการยืนยันว่ากบฏลอบฆ่า Haji Bakr รองผู้บัญชาการของ ISIS ซึ่งเป็นประธานสภาทหารของอัลกออิดะฮ์และอดีตนายทหารในกองทัพของซัดดัม ฮุสเซน[181] เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ แนวร่วมอัลนุสเราะเข้าร่วมรบสนับสนุนกำลังกบฏและขับ ISIS ออกจากเขตผู้ว่าการดัยรุซซูร[182] เมื่อถึงเดือนมีนาคม กำลัง ISIS ถอนทัพสมบูรณ์จากเขตผู้ว่าการอิดลิบ[183] วันที่ 4 มีนาคม ISIS ถอยจากเมืองชายแดน Azaz และหมู่บ้านใก้เคียง โดยเลือกประชุมกำลังรอบรักกาเพื่อเตรียมยกระดับการสู้รบกับอัลนุสเราะแทน[184]

การบุกของรัฐบาลและการเลือกตั้งประธานาธิบดี (มีนาคม–มิถุนายน 2557)

วันที่ 4 มีนาคม กองทัพซีเรียเข้าควบคุมซาเฮล (Sahel) ในภูมิภาค Qalamoun[185] วันที่ 8 มีนาคม กำลังรัฐบาลยึดซาราในเขตผู้ว่าการฮอมส์ ขัดขวางเส้นทางกำลังบำรุงของกบฏจากเลบานอนยิ่งขึ้น[186] วันที่ 11 มีนาคม กำลังรัฐบาลและฮิซบุลลอฮ์เข้าควบคุมภูมิภาค Rima Farms ที่เผชิญหน้า Yabrud โดยตรง[187] วันที่ 18 มีนาคม อิสราเอลยิงปืนใหญ่ใส่ฐานทัพกองทัพซีเรีย หลังทหารสี่นายได้รับบาดเจ็บจากระเบิดข้างถนนขณะลาดตระเวนที่สูงโกลัน[188]

วันที่ 19 มีนาคม กองทัพซีเรียยึด Ras al-Ain ใกล้ Yabrud หลังการสู้รบสองวัน และ al-Husn ในเขตผู้ว่าการฮอมส์ ขณะกบฏในเขตผู้ว่าการดารายึดเรือนจำดาราและปล่อยผู้จำขังหลายร้อยคน[189][190] วันที่ 20 มีนาคม กองทัพซีเรียเข้าควบคุมครักเดเชอวาลีเยใน al-Husn[190] วันที่ 29 มีนาคม กองทัพซีเรียเข้าควบคุมหมู่บ้าน Flitah และ Ras Maara ใกล้ชายแดนกับเลบานอน[191]

วันที่ 22 มีนาคม กบฏเข้าควบคุมจุดผ่านแดน Kesab ในเขตผู้ว่าการอัลลาษิกียะฮ์[192] วันที่ 23 มีนาคม กบฏยึดส่วนใหญ่ของคอนชัยคูนในฮะมาฮ์[193] ระหว่างการปะทะใกล้จุดผ่านแดน Kesab ในลาษิกียะฮ์ Hilal Al Assad หัวหน้ากำลังป้องกันชาติ (ทหารอาสาสมัครนิยมรัฐบาล) ในลาษิกียะฮ์ และลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของบัชชาร อัลอะซัดถูกนักรบฝ่ายกบฏฆ่า[194] วันที่ 4 เมษายน กบฏยึดเมือง Babulin ในเขตผู้ว่าการอิดลิบ[195] วันที่ 9 เมษายน กองทัพซีเรียเข้าควบคุม Rankous ในภูมิภาค Qalamoun[196] วันที่ 12 เมษายน กบฏในอะเลปโปบุกโจมตีย่านอุตสาหกรรม Ramouseh ที่รัฐบาลควบคุมอยู่เพื่อพยายามตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุงของกองทัพระหว่างสนามบินและฐานทัพขนาดใหญ่ กบฏยังยึดย่าน Rashidin และบางส่วนของเขต Jamiat al-Zahra[197] วันที่ 26 เมษายน กองทัพซีเรียเข้าควบคุม Al-Zabadani[198] ข้อมูลของ SOHR ระบุว่า กบฏเข้าควบคุม Tell Ahrmar เขตผู้ว่าการอัลกุนัยฏิเราะฮ์[199] กบฏในดารายังยึดฐานทัพกองพลน้อย 61 และกองพันที่ 74[200]

วันที่ 26 เมษายน กองทัพซีเรียเสรีประกาศว่าเริ่มการบุกต่อ ISIS ในเขตผู้ว่าการรักกา และยึดห้าเมืองทางตะวันตกของนครอัรร็อกเกาะฮ์[201] วันที่ 29 เมษายน นักเคลื่อนไหวกล่าวว่า กองทัพซีเรียยึด Tal Buraq ใกล้เมือง Mashara ในกุนัยฏิเราะฮ์โดยไม่มีการปะทะใด ๆ[202] วันที่ 7 พฤษภาคม SOHR รายงานว่าการพักรบมีผลในนครฮอมส์ เงื่อนไขของความตกลงมีการอพยพอย่างปลอดภัยของนักรบอิสลามมิสต์จากนคร ซึ่งจะตกอยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาล เพื่อแลกกับการปล่อยตัวนักโทษและเส้นทางปลอดภัยของความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ Nubul และ Zahraa ซึ่งเป็นดินแดนแทรกชีอะฮ์สองแห่งที่ถูกกบฏล้อมไว้[203] วันที่ 18 พฤษภาคม หัวหน้าการป้องกันภัยทางอากาศซีเรีย พลเอก Hussein Ishaq เสียชีวิตจากบาดแผลที่ได้รับระหว่างการโจมตีของกบฏต่อฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งใกล้ Mleiha เมื่อวันก่อน ในเขตผู้ว่าการฮอมส์ กำลังกบฏเข้าควบคุมเมือง Tel Malah ฆ่านักรบนิยมอะซัด 34 คนที่จุดตรวจกองทัพแห่งหนึ่งใกล้เมือง การยึดเมืองนี้เป็นครั้งที่สามที่กบฏเข้าควบคุมเมือง[204]

ประเทศซีเรียจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีในพื้นที่ที่รัฐบาลาถือครองในวันที่ 3 มิถุนายน 2557 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ซีเรียที่มีผู้ได้รับอนุญาตให้ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีมากกว่าหนึ่งคน[205] มีการจัดสถานีลงคะแนนเสียงกว่า 9,000 แห่งในพื้นที่ที่รัฐบาลถือครอง[206] ตามข้อมูลของศาลรัฐธรรมนูญสูงสุดแห่งซีเรีย มีชาวซีเรียออกเสียง 11.63 ล้านคน (คิดเป็นผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 73.42)[207] ประธานาธิบดีบัชชาร อัลอะซัดชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 88.7 ส่วนผู้ท้าชิง Hassan al-Nouri ได้คะแนนเสียงร้อยละ 4.3 และ Maher Hajjar ได้คะแนนเสียงร้อยละ 3.2[208] พันธมิตรของอะซัดจากกว่า 30 ประเทศได้รับเชิญจากรัฐบาลซีเรียให้ติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดี[209] รวมทั้งโบลิเวีย บราซิล คิวบา เอกวาดอร์ อินเดีย อิหร่าน อิรัก นิคารากัว รัสเซีย แอฟริกาใต้และเวเนซุเอลา[210] ข้าราชการอิหร่าน Alaeddin Boroujerdi อ่านถ้อยแถลงของกลุ่มกล่าวว่าการเลือกตั้งนั้น "อิสระ เป็นธรรมและโปร่งใส"[211] สภาความร่วมมืออ่าว สหภาพยุโรปและสหรัฐล้วนปฏิเสธการเลือกตั้งดังกล่าวว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นละครตลก[212]

ข้าราชการได้รับคำสั่งให้ออกเสียงลงคะแนนหรือต้องถูกสอบสวน[213] ในภาคสนามไม่มีผู้เฝ้าติดตามอิสระประจำ ณ จุดลงคะแนน[214] เนื่องจากการควบคุมดินแดนซีเรียของกบฏ เคิร์ดและ ISIS จึงไม่มีการออกเสียงลงคะแนนในพื้นที่ประมาณร้อยละ 60 ของประเทศ[215]

ความขัดแย้ง ISIS–รัฐบาลทวีความรุนแรง

ผู้สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียระบุเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ว่า ISIS เข้าควบคุมบ่อน้ำมัน Shaar ฆ่ากำลังนิยมรัฐบาล 90 คนและเสียนักรบ 21 คน นอกจากนี้ ทหารยามและนักรบที่เข้ากับรัฐบาลยังสูญหายอีก 270 คน บุคคลของรัฐบาลประมาณ 30 คนสามารถหลบหนีไปบ่อ Hajjar ใกล้เคียงได้[216] วันที่ 20 กรกฎาคม กองทัพซีเรียยึดบ่อน้ำมันดังกล่าวได้ แม้ยังมีการสู้รบอยู่รอบนอก[217] วันที่ 25 กรกฎาคม รัฐอิสลามเข้าควบคุมฐานกองพล 17 ใกล้อัรร็อกเกาะฮ์[218]

วันที่ 7 สิงหาคม 2557 ISIL ยึดฐานกองพลน้อย 93 ในรักกาโดยใช้อาวุธที่ยึดจากการบุกในประเทศอิรัก มีระเบิดฆ่าตัวตายหลายครั้งก่อนการบุกฐาน[219] วันที่ 13 สิงหาคม กำลัง ISIL ยึดเมือง Akhtarin และ Turkmanbareh จากกบฏในอะเลปโป กำลัง ISIL ยังยึดหมู่บ้านใกล้เคียงจำนวนหนึ่ง เมืองอื่นที่ยึดได้แก่ Masoudiyeh, Dabiq และ Ghouz วันที่ 14 สิงหาคม หลังถูกแนวร่วมอัลนุสเราะจับได้ ผู้บัญชาการกองทัพซีเรียเสรี Sharif As-Safouri ยอมรับว่าทำงานร่วมกับอิสราเอลและได้รับอาวุธต่อสู้รถถังจากอิสราเอล และทหารกองทัพซีเรียเสรียังได้รับการรักษาทางการแพทย์ เป็นไปได้ว่าคำสารภาพนี้ได้มาภายใต้การขู่เข็ญว่าจะทำร้าย[220] วันที่ 14 สิงหาคม กองทัพซีเรียตลอดจนทหารอาสาสมัครฮิซบุลลอฮ์ยึดเมือง Mleiha ในเขตผู้ว่าการรีฟดิมัชก์ สภาทหารสูงสุดของ FSA ปฏิเสธข้ออ้างการยึด Mleiha แต่ระบุว่ากบฏมีการวางกำลังใหม่จากการบุกล่าสุดไปยังแนวป้องกันอื่น[221] Mleiha ถูกแนวร่วมอิสลามถือครอง กบฏใช้เมืองนี้ยิงปืนครกใส่พื้นที่ที่รัฐบาลถือครองในกรุงดามัสกัส[222][223]

ขณะเดียวกัน กำลัง ISIL ในร็อกเกาะฮ์ล้อมฐานทัพอากาศ Tabqa ฐานทัพสุดท้ายของรัฐบาลซีเรียในร็อกเกาะฮ์ ฐานทัพอากาศ Kuwaires ในอะเลปโปก็ถูก ISIL โจมตีหนักเช่นกัน[224] วันที่ 16 สิงหาคม 2557 มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 22 คนในหมู่บ้านดาราจากเหตุระเบิดรถยนต์นอกมัสยิด คาดว่า ISIS เป็นผู้จุดระเบิด วันเดียวกัน รัฐอิสลามยึดหมู่บ้าน Beden ในเขตผู้ว่าการอะเลปโปจากกบฏ[225]

วันที่ 17 สิงหาคม 2557 SOHR กล่าวว่าในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นักรบญิฮัด ISIL ฆ่าสมาชิกเผ่าในเขตผู้ว่าการดัยรุซซูรกว่า 700 คน[226] วันที่ 19 สิงหาคม Abu Abdullah al-Iraqi สมาชิกอาวุโสใน ISIL ที่ช่วยเตรียมการและวางแผนระเบิดรถยนต์และระเบิดฆ่าตัวตายทั่วประเทศซีเรีย เลบานอนและอิรักถูกฆ่า บางรายงานว่าเขาถูกนักรบฮิซบอลเลาะฮ์ฆ่า นอกจากนี้ยังมีหลายรายงานระบุว่าเขาถูกกองทัพซีเรียฆ่าในภูมิภาค Qalamoun ใกล้ชายแดนเลบานอน[227]

ในร็อกเกาะฮ์ กองทัพซีเรียเข้าควบคุมเมือง Al-Ejeil;[228] มีรายงานว่า ISIL ส่งกำลังเสริมจากอิรักสู่เขตผู้ว่าการร็อกเกาะฮ์ SOHR กล่าวว่านักรบ ISIL อย่างน้อย 400 คนได้รับบาดเจ็บจากการปะทะห้าวันกับกองทัพซีเรียและกำลังป้องกันชาติในร็อกเกาะฮ์ที่เดียว[228][229] ขณะเดียวกัน ข้าราชการระดับสูงของสหราชอาณาจักรและสหรัฐกระตุ้นตุรกีให้หยุดอนุญาตให้ ISIL เดินทางข้ามพรมแดนไปซีเรียและอิรัก[230] ในช่วงนี้เองสหรัฐตระหนักว่าตุรกีไม่มีเจตจำนงปิดชายแดนฝั่งตน ฉะนั้นรัฐบาลจึงตัดสินใจทำงานร่วมกับเคิร์ดซีเรียเพื่อปิดชายแดนฝั่งซีเรีย[231] ปีต่อมา เมื่อเคิร์ดควบคุมพรมแดนตุรกี–ซีเรียได้เป็นส่วนใหญ่ และกองทัพซีเรียรุกคืบภายใต้การสนับสนุนทางอากาศของรัสเซียเพื่อปิดชายแดนที่เหลือ สถานการณ์จึงก่อให้เกิดความรบกวนอย่างมากในกรุงอังการา[232]

วันที่ 26 สิงหาคม 2557 กองทัพอากาศซีเรียดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อ ISIL ในเขตผู้ว่าการดัยรุซซูร เป็นครั้งแรกที่กองทัพซีเรียโจมตีในดัยรุซซูรขณะที่กองทัพซีเรียถอนกำลังออกจากร็อกเกาะฮ์แล้วเบนไปยังดัยรุซซูรเนื่องจากทรัพยากรน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ ตลอดจนการแบ่งแยกดินแดนของ ISIL ตามยุทธศาสตร์[233] เครื่องบินเจ็ตอเมริกันเริ่มทิ้งระเบิด ISIL ในซีเรียเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2557 เพิ่มระดับความพัวพันของสหรัฐในซีเรีย กลุ่ม SOHR รายงานว่ามีเป้าหมายในและรอบร็อกเกาะฮ์ถูกถล่มอย่างน้อย 20 จุด ประเทศที่เข้าร่วมการโจมตีกับสหรัฐได้แก่ บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์และจอร์แดน[234]

การแทรกแซงของสหรัฐในร็อกเกาะฮ์และโคบานี

การโจมตีทางอากาศของกำลังผสมในโคบานีต่อที่ตั้งของ ISIL เดือนตุลาคม 2557

อากาศยานสหรัฐรวมทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-1, เอฟ-16, เอฟ-18 และพรีเดเตอร์โดรน โดยเอฟ-18 ดำเนินภารกิจบินจากยูเอสเอส จอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช (ซีวีเอ็น-77) ในอ่าวเปอร์เซีย มีการยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์กจากเรือพิฆาต ยูเอสเอส อาร์เลห์ เบิร์ก (ดีดีจี-51) ในทะเลแดง กระทรวงการต่างประเทศซีเรียบอกแอสโซซิเอเต็ดเพรสว่า สหรัฐแจ้งทูตซีเรียประจำยูเอ็นว่า "จะเปิดฉากโจมตีต่อกลุ่มก่อการร้ายในร็อกเกาะฮ์"[235] สหรัฐแจ้งกองทัพซีเรียเสรีถึงการโจมตีทางอากาศดังกล่าวล่วงหน้า และกบฏกล่าวว่าเริ่มการโอนอาวุธให้กองทัพซีเรียเสรีแล้ว[236] สหรัฐยังโจมตีกลุ่มแยกบางกลุ่มของอัลนุสเราะชื่อกลุ่มโคราซัน (Khorasan) ซึ่งสหรัฐระบุว่ามีค่ายฝึกและแผนโจมตีสหรัฐในอนาคต[237] ตุรกียื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อยูเอ็นให้ตั้งเขตห้ามบินเหนือประเทศซีเรีย[238] วันเดียวกัน อิสราเอลยิงเครื่องบินรบซีเรียตกหลังล้ำเข้าพื้นที่โกลันจากอัลกุนัยฏิเราะฮ์[239]

วันที่ 3 ตุลาคม 2557 กำลัง ISIS ยิงปืนใหญ่ถล่มนครโคบานีอย่างหนักและอยู่ในระยะหนึ่งกิโลเมตรจากนคร[240] ภายใน 36 ชั่วโมงหลังวันที่ 21 ตุลาคม กองทัพอากาศซีเรียดำเนินการโจมตีทางอากาศกว่า 200 ครั้งทั่วประเทศซีเรียและเครื่องบินเจ็ตสหรัฐและอาหรับโจมตีที่ตั้ง IS รอบโคบานี รัฐมนตรีสารสนเทศซีเรีย Omran al-Zoubi กล่าวว่า กำลัง YPG ในโคบานีได้รับการจัดหาการสนับสนุนทางทหารและลอจิสติกส์[241] ซีเรียรายงานว่ากองทัพอากาศของตนทำลายเครื่องบินรบเจ็ตสองลำที่ IS ปฏิบัติการ[242] วันที่ 26 มกราคม YPG เคิร์ดบีบให้ ISIL ล่าถอยออกจากโคบานี[243] จึงควบคุมนครได้อีกครั้ง[244]

แนวรบใต้และกองทัพพิชิตดินแดนฝ่ายเหนือ (ตุลาคม 2557 – มิถุนายน 2558)

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 มีการตั้งแนวรบใต้ของกองทัพซีเรียเสรีในภาคใต้ของซีเรีย หกเดือนต่อมา เริ่มได้ชัยในดัรอาและอัลกุนัยฏิเราะฮ์ ระหว่างการบุกอัลกุนัยฏิเราะฮ์, ยุทธการที่ Al-Shaykh Maskin, ยุทธการที่บอสรา (2558), และยุทธการที่จุดผ่านแดน Nasib การรุกโต้ตอบของรัฐบาลในช่วงนี้ซึ่งมีเหล่าพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (ของอิหร่าน) และฮิซบุลลอฮ์ยึดเมือง หมู่บ้านและเขาได้ 15 แห่ง แต่หลังจากนั้นก็หยุดลง ตั้งแต่ต้นปี 2558 ห้องปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายค้านในจอร์แดนและตุรกีเริ่มประสานงานกันมากขึ้น โดยมีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียและกาตาร์ตกลงกันถึงความจำเป็นในการสร้างเอกภาพของกลุ่มแยกฝ่ายค้านต่อรัฐบาลซีเรีย[245]

ปลายเดือนตุลาคม 2557 เกิดความขัดแย้งระหว่างแนวร่วมอัลนุสเราะฝ่ายหนึ่งและ SRF และขบวนการฮาซัม (Hazzm) ที่ตะวันตกสนับสนุนอีกฝ่ายหนึ่ง ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2558 อัลนุสเราะพิชิตทั้งสองกลุ่ม ยึดภูมิภาคภูเขา Zawiya ทั้งหมดในเขตผู้ว่าการอิดลิบ และเมืองและฐานทัพหลายแห่งในเขตผู้ว่าการอื่น และยึดอาวุธที่ซีไอเอจัดหาให้กลุ่มสายกลางสองกลุ่มดังกล่าว[246] อาวุธปริมาณมากที่ยึดได้รวมทั้งขีปนาวุธต่อสู้รถถังบีจีเอ็ม-71 คล้ายกับระบบอาวุธของอัลนุสเราะที่ยึดได้จากคลังของรัฐบาลก่อนหน้านี้ เช่น มิลานฝรั่งเศส, เอชเจ-8 ของจีน และ 9เค111 ฟากอตของรัสเซีย[247] รอยเตอส์รายงานว่านี่เป็นตัวแทนของอัลนุสเราะบดขยี้กบฏนิยมตะวันตกในภาคเหนือของประเทศ[248] ทว่า ผู้บัญชาการ FSA ในซีเรียตอนเหนือระบุว่า การกำจัด Harakat Hazm และ SRF เป็นสถานการณ์น่ายินดีเพราะผู้นำของกลุ่มแยกเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการฉ้อราษฎร์บังหลวง[249] กองพลที่ 30 ของ FSA ที่ตะวันตกสนับสนุนยังปฏิบัติการอยู่ที่อื่นในอิดลิบ[250]

จนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2558 แนวร่วมอัลนุสเราะครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตผู้ว่าการอิดลิบ ยกเว้นอิดลิบ เมืองหลวงของเขตที่รัฐบาลควบคุมอยู่ ซึ่งพวกเขาตีวงล้อมสามด้านร่วมกับพันธมิตรอิสลามิสต์[251] ฉะนั้น พวกเขาจึงเข้ากันตั้งกองทัพพิชิตดินแดน (Army of Conquest) ในวันนี้[252] วันที่ 28 มีนาคม กองทัพพิชิตดินแดนยึดอิดลิบ[253] ทำให้ภาคเหนือถูกอะห์รัรอัชชาม แนวร่วมอัลนุสเราะและกบฏอิสลามิสต์อื่นควบคุม เหลือภาคใต้ของประเทศเป็นที่มั่นสำคัญสุดท้ายของนักรบฝ่ายค้านที่มิใช่ญิฮัด[254]

วันที่ 22 เมษายน มีการเปิดฉากการบุกรอบใหม่ของกบฏในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และในวันที่ 25 เมษายน แนวร่วมกบฏกองทัพพิชิตดินแดนยึดนคร Jisr al-Shughur[255] เมื่อปลายเดือนถัดมา กบฏยังยึดฐานทัพ Al-Mastumah[256] และ Ariha ทำให้กำลังรัฐบาลควบคุมวงล้อมเล็ก ๆ ในอิดลิบ รวมทั้งสนามบินทหาร Abu Dhuhur[257] นอกจากนั้น ตามข้อมูลของชาลส์ ลิสเตอร์ แนวร่วมกองทัพพิชิตดินแดนเป็นความพยายามของฝ่ายค้านกว้างขวางเพื่อรับประกันว่าแนวร่วมอัลนุสเราะที่มีความสัมพันธ์กับอัลกออิดะฮ์ถูกควบคุม โดยมีการเกี่ยวข้องเป็นกองหลังของกลุ่มแยกที่ตะวันตกสนับสนุนถือว่ามีความสำคัญ[249] กระนั้น บางคนว่า FSA ในภาคเหนือของซีเรียหมดไปเกือบทั้งสิ้นแล้ว นักรบสายกลางจำนวนมากเข้ากับองค์การที่สุดโต่งกว่า อย่างอะห์รัรอัชชาม กลุ่มแยกใหญ่สุดของกองทัพพิชิตดินแดน ซึ่งนำไปสู่ความเจริญของแนวร่วมกองทัพพิชิตดินแดนอิสลามิสต์[258]

การรุกของกบฏทำให้ขวัญกำลังใจของรัฐบาลและฮิซบุลลอฮ์ตกต่ำ[259] ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย การเสียเหล่านี้ได้การบุกที่ฮิซบุลลอฮ์เป็นผู้นำในเทือกเขา Qalamoun ทางเหนือของกรุงดามัสกัสติดชายแดนเลบานอน มาชดเชย ทำให้ฮิซบุลลอฮ์ควบคุมบริเวณดังกล่าวได้ทั้งหมด[260]

การบุกของ ISIL รอบใหม่ (พฤษภาคม – กันยายน 2558)

วันที่ 21 พฤษภาคม ISIL เข้าควบคุมแพลไมรา แหล่งมรดกโลกของยูเนสโก หลังการสู้รบแปดวัน[261] ISIL ยังยึดเมืองใกล้เคียง Al-Sukhnah และ Amiriya ได้ ตลอดจนบ่อน้ำมันหลายแห่ง[262] หลัการยึดพัลไมรา ISIL สังหารหมู่ในบริเวณนั้น ฆ่าผู้สนับสนุนรัฐบาลที่เป็นพลเรือนและทหารประมาณ 217–329 คนตามข้อมูลของนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้าน[263] แหล่งข่าวของรัฐบาลระบุเลขไว้ระหว่าง 400–450 คน[264] ในต้นเดือนมิถุนายน ISIL ถึงเมือง Hassia ซึ่งตั้งอยู่บนถนนหลักจากกรุงดามัสกัสถึงฮอมส์และอัลลาษิกียะฮ์ และมีรายงานว่ายึดที่มั่นทางตะวันตกของเมือง ทำให้อาจเป็นภัยพิบัติต่อรัฐบาลและเพิ่มภัยคุกคามต่อเลบานอนถูกดึงเข้าสู่สงครามด้วย[265]

วันที่ 25 มิถุนายน ISIL เปิดฉากการบุกสองครั้ง ครั้งหนึ่งเป็นการโจมตีเบี่ยงเบนแบบจู่โจมต่อโคบานี ส่วนครั้งที่สองเป็นนครอัลฮะซะกะฮ์ส่วนที่รัฐบาลควบคุมอยู่[266] การบุกของ ISIL ต่ออัลฮะซะกะฮ์ทำให้มีผู้พลัดถิ่น 60,000 คน โดยยูเอ็นประมาณการว่าอาจมีผู้พลัดถิ่นทั้งสิ้น 200,000 คน[267] ในเดือนกรกฎาคม 2558 การตีโฉบฉวยของกำลังพิเศษสหรัฐต่อสถานที่พักของ "หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน" ของรัฐอิสลาม อะบู ซัยยัฟ (Abu Sayyaf) พบหลักฐานว่าข้าราชการตุรกีติดต่อกับสมาชิก ISIS ระดับสูงโดยตรง[268]

ISIS ยึดนครกัรยาตัยน์ (Qaryatayn) จากรัฐบาลเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2558[269] ออสเตรเลียเข้าร่วมการทิ้งระเบิด ISIL ในซีเรียในกลางเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการขยายความพยายามของพวกตนในอิรักเมื่อปีที่แล้ว[270] วันที่ 2 สิงหาคม ข้าราชการสหรัฐแจ้งรอยเตอส์ว่าสหรัฐตัดสินใจ "อนุญาตการโจมตีทางอากาศเพื่อช่วยป้องกันการโจมตีใด ๆ ต่อกบฏซีเรียที่สหรัฐฝึก แม้ผู้โจมตีมาจากกำลังที่ภักดีต่อประธานาธิบดีซีเรียบัชชาร อัลอะซัด" วันต่อมากระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศว่าจะบินภารกิจโดรนติดอาวุธไม่มีคนควบคุมในซีเรียครั้งแรก[271]

การแทรกแซงของรัสเซียและการรุกอะเลปโป (กันยายน 2558 – กุมภาพันธ์ 2559)

วันที่ 30 กันยายน 2558[272] กำลังห้วงอากาศ-อวกาศรัสเซียเริ่มการทัพโจมตีทางอากาศต่อทั้ง ISIL และ FSA ที่ต่อต้านอะซัด[273] เพื่อสนองตอบคำขออย่างเป็นทางการของรัฐบาลซีเรีย[274] ทีแรกการโจมตีมาจากอากาศยานรัสเซียที่ประจำอยู่ที่ฐาน Khmeimim ในประเทศซีเรียอย่างเดียว ไม่นานหลังจากรัสเซียเริ่มปฏิบัติการ มีรายงานว่าประธานาธิบดีสหรัฐ บารัก โอบามา อนุญาตการส่งกำลังบำรุงแก่เคิร์ดซีเรียและฝ่ายค้านอาหรับ-ซีเรีย ม่รายงานว่าโอบามาเน้นทีมของเขาว่าสหรัฐจะสนับสนุนฝ่ายค้านซีเรียต่อไปเมื่อบัดนี้รัสเซียเข้าร่วมความขัดแย้งแล้ว[275]

คลิปกองทัพเรือรัสเซียยิงขีปนาวุธร่อนจากทะเลแคสเปียนใส่เป้าหมาย ISIL เมื่อเดือนตุลาคม 2558

วันที่ 7 ตุลาคม 2558 ข้าราชการรัสเซียกล่าวว่าเรือจากกองเรือแคสเปียนยิงขีปนาวุธร่อนจากทะเล 26 ลูกใส่เป้าหมาย ISIL 11 แห่งในประเทศซีเรียวันเดียวกันก่อนหน้านี้ โดยไม่มีพลเรือนเสียชีวิต[276] วันเดียวกัน รัฐบาลซีเรียเปิดฉากการบุกซีเรียภาคตะวันตกเฉียงเหนือ[277] ในอีกไม่วันสามารถยึดคืนดินแดนบางส่วนในเขตผู้ว่าการฮะมาฮ์เหนือ[278] วันที่ 8 ตุลาคม 2558 สหรัฐประกาศการสิ้นสุดของโครงการฝึกและติดอาวุธกบฏซีเรีย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างเป็นทางการ และยอมรับว่าโครงการล้มเหลว[279] ทว่า โครงการลับอื่นที่มีขนาดใหญ่ของซีเรียในการติดอาวุธนักรบต่อต้านรัฐบาลในประเทศซีเรียยังดำเนินต่อ[280]

สองสัปดาห์หลังเริ่มการทัพรัสเซียในประเทศซีเรีย เดอะนิวยอร์กไทมส์ เขียนความเห็นว่าผู้บังคับบัญชาต่อต้านรัฐบาลได้รับกำลังบำรุงขีปนาวุธต่อสู้รถถังที่ผลิตในสหรัฐอย่างมาก และรัสเซียเพิ่มจำนวนการโจมตีทางอากาศต่อฝ่ายค้านช่วยเสริมขวัญกำลังใจของทั้งสองฝ่าย ขยายวัตถุประสงค์ของสงครามและยิ่งส่งเสริมฐานะทางการเมือง ความขัดแย้งนี้กลายเป็นสงครามตัวแทนเต็มขั้นระหว่างสหรัฐและรัสเซีย[281] แม้มีทหารอิหร่านระดับสูงที่แนะนำนักรบในประเทศซีเรียเสียชีวิตหลายคน[282] แต่ในกลางเดือนตุลาคม การบุกของรัสเซีย-ซีเรีย-อิหร่าน-ฮิซบุลลอฮ์ที่มีเป้าหมายต่อกบฏในอะเลปโปเดินหน้าต่อ[282]

รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ รัสเซีย ซาอุดีอาระเบียและตุรกีประชุมในกรุงเวียนนา 29 ตุลาคม 2558

ปลายเดือนตุลาคม 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ แอชตัน คาร์เตอร์ ส่งสัญญาณการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ของการทัพที่สหรัฐเป็นผู้นำโดยระบุว่าจะมีการโจมตีทางอากาศมากขึ้นและพิจารณาการใช้การตีโฉบฉวยทางบกโดยตรง และการสู้รบในประเทศซีเรียเน้นส่วนใหญ่ต่ออัรร็อกเกาะฮ์ วันที่ 30 ตุลาคม และอีกสองสัปดาห์ต่อมา มีการจัดการเจรจาสันติภาพในกรุงเวียนนาที่มีสหรัฐ รัสเซีย ตุรกีและซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ริเริ่ม วันที่ 30 ตุลาคม ประเทศอิหร่านเข้าร่วมการเจรจาครั้งแรกต่อการระงับข้อพิพาทซีเรีย ประเทศผู้เข้าร่วมเห็นไม่ตรงกันเรื่องอนาคตของบัชชาร อัลอะซัด

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 กำลังรัฐบาลซีเรียสำเร็จปฏิบัติการตีฝ่าวงล้อมฐานทัพอากาศ Kweires ของรัฐอิสลามในเขตผู้ว่าการอะเลปโป ซึ่งถูกล้อมมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2556;[283] กลางเดือนพฤศจิกายน 2558 ในห้วงเหตุเครื่องบินรัสเซียระเบิดเหนือซีนายและเหตุโจมตีในกรุงปารีส ทั้งรัสเซียและฝรั่งเศสเพิ่มระดับการโจมตีในประเทศซีเรียอย่างสำคัญ โดยฝรั่งเศสประสานงานใกล้ชิดกับกองทัพสหรัฐ[284] วันที่ 17 พฤศจิกายน ปูตินกล่าวว่าตนออกคำสั่งให้เรือลาดตระเวน มอสควา ที่อยู่ในเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกนับแต่เริ่มปฏิบัติการรัสเซียให้ "ทำงานเหมือนกับเป็นพันธมิตร"[285][286][287] กับกลุ่มกองทัพเรือฝรั่งเศสที่มีเรือธง ชาลส์ เดอ โกล นำซึ่งออกเดินทางสู่เมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกนับแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน[288] ไม่นานจากนั้น ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐวิจารณ์ท่าทีต่อต้านอะซัดแข็งกร้าวของฝรั่งเศสเช่นเดียวกับการโจมตีทางอากาศต่อสิ่งก่อสร้างน้ำมันและแก๊สในประเทศซีเรีย[289] ซึ่งดูเหมือนเป็นไปเพื่อป้องกันสถานที่เหล่านั้นมิให้ตกอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลซีเรีย ข้าราชการคนดังกล่าวชี้ว่าการโจมตีของฝรั่งเศสไม่มีความชอบธรรมเพราะดำเนินการโดยปราศจากความยินยอมของรัฐบาลซีเรีย[290] วันที่ 14 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีบัชชาร อัลอะซัดวิจารณ์การกระทำของฝรั่งเศสและชาติตะวันตกอื่นต่อรัฐบาลซีเรียโดยแนะว่าการสนับสนุนกำลังฝ่ายค้านซีเรีของฝรั่งเศสนำสู่การโจมตีที่รัฐอิสลามอ้างในกรุงปารีส[291]

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2558 ประธานาธิบดีสหรัฐบารัก โอบามากล่าวถึงกระบวนการกรุงเวียนนา กล่าวว่าเขาไม่สามารถ ""พยากรณ์สถานการณ์ที่เราสามารถยุติสงครามกลางเมืองในประเทศซีเรียขณะที่อะซัดยังครองอำนาจ" เขากระตุ้นให้รัสเซียและอิหร่านยุติการสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย[292] วันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แม้ไม่สามารถอ้างบทที่ 7 ของยูเอ็นซึ่งให้อำนาจทางกฎหมายเฉพาะสำหรับการใช้กำลัง[293] แต่ผ่านข้อมติที่ 2249 ซึ่งกระตุ้นสมาชิกยูเอ็นให้เพิ่มและประสานงานความพยายามของสมาชิกเพื่อป้องกันและปราบปราม ISIL และบุคคลหรือกลุ่มที่เข้าร่วมกับอัลกออิดะฮ์และกลุ่มก่อการร้ายอื่น [294]

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 ประเทศตุรกียิงเครื่องบินรบรัสเซียที่อ้างว่าละเมิดน่านฟ้าตุรกีตกในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซีเรีย ทำให้นักบินซีเรียเสียชีวิต 1 นาย[295] หลังเกิดเหตุมีรายงานว่ากบฏเติร์กเมนซีเรียจากกองพลน้อยเติร์กเมนซีเรียโจมตีและยิงเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยรัสเซียตก ทำให้มีทหารเรือรัสเซียเสียชีวิต 1 นาย[295] ไม่กี่วันถัดมา มีรายงานว่าอากาศยานรัสเซียโจมตีเป้าหมายในเมือง Ariha ในเขตผู้ว่าการอิดลิบซึ่งถูกกองทัพพิชิตดินแดนควบคุมทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคน[296][297] วันที่ 2 ธันวาคม 2558 รัฐสภาสหราชอาณาจักรลงมติให้ขยายปฏิบัติการเชเดอร์เข้าสู่ซีเรียด้วยฝ่ายข้างมาก 397–223[298] รัฐมตนรีกลาโหม ไมเคิล ฟัลลอนกล่าวว่าการโจมตีถูกบ่อน้ำมันโอมาร์ในภาคตะวันออกของซีเรีย และมีการส่งเครื่องบินเจ็ตอีกแปดเครื่องไปยัง RAF Akrotiri สมทบกับอีกแปดเครื่องที่อยู่ที่นั่นแล้ว[299]

วันที่ 7 ธันวาคม 2558 รัฐบาลซีเรียประกาศว่าเครื่องบินรบของแนวร่วมที่มีสหรัฐเป็นผู้นำยิงขีปนาวุธเก้าลูกใส่ฐานทัพแห่งหนึ่งใกล้ Ayyash เขตผู้ว่าการดัยรุซซูรเมื่อเย็นวาน ทำให้มีทหารเสียชีวิต 3 นายและได้รับบาดเจ็บอีก 13 นาย พาหนะหุ้มเกราะ 3 คัน, พาหนะทหาร 4 คัน, ปืนกลหนักและคลังอาวุธและเครื่องกระสุนถูกทำลายด้วย[300] รัฐบาลประณามการโจมตีดังกล่าว เป็นครั้งแรกที่กำลังรัฐบาลถูกแนวร่วมตะวันตกโจมตี[301] ถือเป็นการกระทำ "ก้าวร้าวซึ่งหน้า" โฆษกแนวร่วมปฏิเสธว่าแนวร่วมรับผิดชอบ[300] วันที่ 14 ธันวาคม 2558 สื่อข่าวรัฐบาลรัสเซียรายงานว่ากำลังรัฐบาลซีเรียยึดฐานทัพอากาศ Marj al-Sultan ทางตะวันออกของกรุงดามัสกัสซึ่งถูกกลุ่มญัยชุลอิสลามยึดคืนได้[302]

ข้อมติยูเอ็นที่ 2254 วันที่ 18 ธันวาคม 2558 ซึ่งสนับสนุนแผนเปลี่ยนผ่านของกลุ่มสนับสนุนซีเรียระหว่างประเทศ (International Syria Support Group) แต่ไม่ระบุว่าผู้ใดจะเป็นผู้แทนของฝ่ายค้านซีเรีย และประณามกลุ่มก่อการร้ายอย่าง ISIL และอัลกออิดะฮ์ แต่ไม่ระบุบทบาทในอนาคตของประธานาธิบดีบัชชาร อัลอะซัด[303]

วันที่ 12 มกราคม 2559 รัฐบาลซีเรียประกาศว่ากองทัพและกำลังพันธมิตร "ควบคุมอย่างสมบูรณ์" ซึ่งเมืองที่ตั้งยุทธศาสตร์ Salma ในเขตผู้ว่าการอัลลาษิกียะฮ์ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และรุกขึ้นเหนือต่อ[304] วันที่ 16 มกราคม 2559 นักรบ ISIL เปิดฉากตีโฉบฉวยต่อพื้นที่ที่รัฐบาลถือครองในนครดัยรุซซูร ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 300 คน[305] มีรายงานว่าการตีโต้ตอบโดยเครื่องบินขับไล่เจ็ตกองทัพอากาศรัสเซียเพื่อสนับสนุนกองทัพซีเรียยึดพื้นที่คืน[306]

วันที่ 21 มกราคม 2559 มีรายงานกิจกรรมของรัสเซียซึ่งสันนิษฐานว่ากำลังตั้งฐานใหม่ในท่าอากาศยาน Kamishly ที่รัฐบาลควบคุมครั้งแรก[307][308] เมือง Qamishli ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเขตผู้ว่าการอัลฮะซะกะฮ์ส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุมของเคิร์ดซีเรียนับแต่เริ่มต้นความขัดแย้งเคิร์ดซีเรีย–อิสลามิสต์ในเขตผู้ว่าการอัลฮะซะกะฮ์ในเดือนกรกฎาคม 2556 มีการสงสัยกิจกรรมคล้ายกันของกองทัพสหรัฐในฐานทัพอากาศ Rmeilan ห่างจากท่าอากาศยาน Kamishly 50 กิโลเมตร พื้นที่ดังกล่าวถูกหน่วยคุ้มครองประชาชนเคิร์ด (YPG) ที่สหรัฐสนับสนุนควบคุม[308][309] วันที่ 24 มกราคม 2559 รัฐบาลซีเรียประกาศว่ากำลังของตนยึดเมืองราเบีย เมืองสำคัญสุดท้ายที่กบฏถือครองในเขตผู้ว่าการอัลลาษิกียะฮ์สำเร็จ มีการกล่าวว่ากำลังรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการยึดเมืองคืน กล่าวกันว่าการยึดราเบียคุกคามเส้นทางกำลังบำรุงจากประเทศตุรกี[310][311] วันที่ 26 มกราคม 2559 รัฐบาลซีเรียสถาปนา "การควบคุมสมบูรณ์" เหนือเมือง Al-Shaykh Maskin ในเขตผู้ว่าการดัรอา[312] ฉะนั้นจึงสำเร็จปฏิบัติการที่เริ่มเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2558 อัลญะซีเราะฮ์ถือว่าการยึดเมืองคืนของรัฐบาลซีเรียนี้เป็น "การพลิกกระแสในสงครามซีเรีย"[313]

การหยุดยิงบางส่วน (กุมภาพันธ์–กรกฎาคม 2559)

การโจมตีแพลไมราโดยแนวร่วมรัสเซีย-ซีเรีย-อิหร่าน-อิรักในเดือนมีนาคม 2559

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติรับข้อมติที่ 2268 อย่างเป็นเอกฉันท์ที่สนับสนุนข้อตกลงที่สหรัฐ-รัสเซียเป็นนายหน้าก่อนหน้านี้ว่าด้วย "การยุติความเป็นปรปักษ์"[314] การหยุดยิงเริ่มเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 00:00 (เวลาดามัสกัส)[315] การหยุดยิงไม่รวมการโจมตีต่อองค์การก่อการร้ายที่ยูเอ็นกำหนด[316][317] เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2559 แม้มีการปะทะบ้างประปราย แต่มีรายงานว่าการพักรบยังมีผล[318] เมื่อปลายเดือนมีนาคม กำลังรัฐบาลซีเรียด้วยการสนับสนุนจากรัสเซียและอิหร่านยึดแพลไมราคืนจาก ISIL สำเร็จ[319]

เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2559 กล่าวกันว่าการพักรบไม่มีผลมากแล้ว ความรุนแรงยกระดับขึ้นอีกครั้ง และการสู้รบระหว่างภาคีหลักของความขัดแย้งดำเนินต่อ[320] ปลายเดือนกรกฎาคม 2559 การสู้รบระหว่างรัฐบาลและกบฏอิสลามิสต์ในและรอบอะเลปโปทวีความรุนแรง

การบุกของ SDF และการแทรกแซงทางทหารของตุรกี (สิงหาคม–ตุลาคม 2559)

ทหารเคิร์ดและอาหรับแห่ง SDF ขณะบุกเข้าใจกลางนครมันบิจที่ ISIL ถือครองอยู่

วันที่ 12 สิงหาคม 2559 กำลังประชาธิปไตยซีเรียยึดมันบิจคืนจาก ISIL อย่างสมบูรณ์ หลายวันต่อมา SDF ประกาศการบุกรอบใหม่ต่ออัลบับ (Al-Bab)[321] ซึ่งสุดท้ายจะเชื่อมภูมิภาคเคิร์ดในภาคเหนือของซีเรีย

หลายวันต่อมา ยุทธการที่อัลฮะซะกะฮ์เริ่มต้น วันที่ 22 สิงหาคม หลัง YPG เคิร์ดยึด Ghwairan ซึ่งเป็ยย่านอาหรับสำคัญแห่งเดียวในฮะซะกะฮ์ซึ่งอยู่ในมือของรัฐบาล เปิดฉากการบุกใหญ่เพื่อยึดพื้นที่ที่รัฐบาลควบคุมในนครฮะซะกะฮ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย หลังทีมไกล่เกลี่ยรัสเซียไม่สามารถประสานรอยร้าวระหว่างทั้งสองฝ่าย[322] วันต่อมา การยึดนครสำเร็จ[323] ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น กระทรวงกลาโหมสหรัฐแนะนำรัฐบาลซีเรียไม่ให้ "แทรกแซงกับกำลังแนวร่วมหรือผู้ให้ความร่วมมือของเรา" ในภูมิภาคนั้น โดยเสริมว่าสหรัฐมีสิทธิป้องกันทหารของตน[324]

วันที่ 24 สิงหาคม 2559 กองทัพตุรกีบุกครองพื้นที่ Jarabulus ที่ ISIL ควบคุม เปิดฉากปฏิบัติการยูเฟรตีสชีลด์ ซึ่งประธานาธิบดีตุรกีเรเจป ไตยิป แอร์โดอันแถลงว่ามุ่งเป้าต่อทั้ง "กลุ่มก่อการร้ายที่คุกคามประเทศของเราในภาคเหนือของซีเรีย"[325] IS และเคิร์ด รัฐบาลซีเรียประณามการแทรกแซงดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยอย่างโจ่งแจ้ง และว่าการต่อสู้การก่อการร้ายไม่ได้กระทำโดยขับ ISIS ออกแล้วแทนที่ด้วยกลุ่มก่อการร้ายอื่นที่ตุรกีหนุนหลังโดยตรง[326] Salih Muslim ผู้นำ PYD ระบุว่าขณะนี้ตุรกีอยู่ใน "หล่มซีเรีย" และจะแพ้เหมือน IS[325][327] รองประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน สนับสนุนท่าทีของตุรกีทางอ้อมและกล่าวว่าสหรัฐเคยแสดงออกชัดเจนต่อกำลังเคิร์ดซีเรียแล้วว่าพวกเขาควรย้ายไปฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรตีส หรือเสียการสนับสนุนจากสหรัฐ[328]

เมื่อทหารตุรกีและกบฏซีเรียที่เข้ากับตุรกีเข้าควบคุม Jarablus แล้วเคลื่อนลงใต้สู่เมืองมันบิจของซีเรีย พวกเขาปะทะกับ YPG เคิร์ด ซึ่งทำให้ข้าราชการสหรัฐแสดงความกังวลและออกคำเตือนแก่ทั้งสองฝ่าย วันที่ 29 สิงหาคม รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ แอช คาร์เตอร์ เจาะจงว่าสหรัฐไม่สนับสนุนการบุกของตุรกีไปใต้กว่า Jarablus คำเตือนตลอดจนประกาศหยุดยิงเบื้องต้นระหว่างกำลังตุรกีและเคิร์ดในพื้นที่ Jarablus ของสหรัฐพลันถูกข้าราชการตุรกีปัดทันควันอย่างโกรธเกรี้ยว ทว่า การสู้รบระหว่างกำลังตุรกีและ SDF ซาลงและกำลังตุรกีเคลื่อนไปทางตะวันตกไปเผชิญ IS แทน[329] ขณะเดียวกัน SDF รวมทั้งอาสาสมัครตะวันตกยังเสริมกำลังมันบิจต่อ[330]

ยามตะวันตกของวันที่ 12 กันยายน 2559 การหยุดยิงที่สหรัฐ-รัสเซียเป็นนายหน้ามีผล[331] ห้าวันถัดมา เครื่องบินเจ็ตสหรัฐและแนวร่วมอื่นทิ้งระเบิดใส่ที่ตั้งของกองทัพซีเรียใกล้กัยดัยรุซซูร ซึ่งน่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่รัสเซียแย้งว่าเจตนา ฆ่าทหารซีเรียอย่างน้อย 62 นายที่กำลังสู้รบกับนักรบ ISIL[332] ไม่นานหลังจากนั้น การหยุดยิงก็ไม่มีผล และในวันที่ 19 กันยายน กองทัพซีเรียประกาศว่าจะไม่ยินยอมพักรบต่อไป[333] วันเดียวกัน ขบวนรถช่วยเหลือในอะเลปโปถูกโจมตีโดยแนวร่วมสหรัฐกล่าวหารัฐบาลรัสเซียและซีเรียว่าก่อเหตุดังกล่าว ฝ่ายรัฐบาลทั้งสองประเทศปฏิเสธ และโทษผู้ก่อการร้ายแทน

วันที่ 22 กันยายน กองทัพซีเรียประกาศการบุกรอบใหม่ในอะเลปโป[334] การบุกสำเร็จในวันที่ 14 ธันวาคม เมื่อที่มั่นสุดท้ายของกบฏในอะเลปโปถูกรัฐบาลซีเรียยึดคืนหลังความตกลงหยุดยิง[335]

วันที่ 26 ตุลาคม 2559 รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ แอช คาร์เตอร์ กล่าวว่าการบุกเพื่อยึดร็อกเกาะฮ์คืนจาก IS จะเริ่มต้นในอีกไม่กี่สัปดาห์[336] SDF ดำเนินความพยายามนี้ในปฏิบัติการรอธออฟยูเฟรตีส ปฏิบัติการนี้ใช้ทหารอาหรับ คริสต์ศาสนิกชนและเคิร์ดถึง 30,000 คนด้วยการสนับสนุนจากแนวร่วมตะวันตก ในเดือนธันวาคม 2559 SDF ยึดหมู่บ้านหลายแห่งและดินแดนทางตะวันตกของร็อกเกาะฮ์ซึ่งเดิม IS ควบคุม[337] ในเดือนมกราคม 2560 ดินแดนกว้างใหญ่ทางตะวันตกของร็อกเกาะฮ์ถูกยึด และปฏิบัติการระยะที่สองสำเร็จ

การหยุดยิงที่รัสเซีย-อิหร่าน-ตุรกีสนับสนุน (ธันวาคม 2559 – เมษายน 2560)

ในเดือนธันวาคม 2559 กำลังรัฐบาลซีเรียยึดส่วนของอะเลปโปที่กบฏควบคุมคืนได้ทั้งหมด ยุติการยุทธ์ 4 ปีในนคร[338] วันที่ 29 ธันวาคม 2559 ประธานาธิบดีรัสเซียวลาดีมีร์ ปูตินประกาศข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่ซึ่งบรรลุระหว่างรัฐบาลซีเรียและกลุ่มฝ่ายค้านโดยมีรัสเซียและตุรกีทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกัน และอิหร่านเป็นผู้ลงนามความตกลงไตรภาคี การหยุดยิงมีผลเมื่อเวลา 00:00 ตามเวลาซีเรีย (02:00 UTC) ของวันที่ 30 ธันวาคม ทั้งนี้ ไม่รวมกลุ่มก่อการร้ายที่ระบุแล้ว เช่น ISIL และ Jabhat Fateh al-Sham ผู้แทนคณะกรรมการเจรจาระดับสูงซีเรียในตุรกียืนยันว่าพวกตนมีความเกี่ยวข้องในข้อตกลงดังกล่าวด้วย มีกำหนดการเจรจาระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ในกรุงอัสตานา เมืองหลวงของประเทศคาซัคสถาน ในวันที่ 15 มกราคม[339]

รายงานแรก ๆ ชี้ว่าแม้มีเหตุการณ์สู้รบประราย แต่การหยุดยิงดูจะมีผล โดยไม่มีพลเรือนเสียชีวิต[340] สายวันเดียวกัน สำนักงานประสานงานกิจการมนุษยธรรมสหประชาชาติรายงานว่ามีประชาชน 4 ล้านคนในกรุงดามัสกัสและพื้นที่ใกล้เคียงไม่สามารถเข้าถึงน้ำได้อย่างน่าไว้วางใจหลังโครงสร้างพื้นฐานการประปาตกเป็นเป้าหมายอย่างเจตนาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พวกเขากล่าวว่าแม้รัฐบาลเริ่มโครงการปันส่วน แต่ยังกังวลว่าทุกคนอาจไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มปลอดภัย และเรียกร้องให้ภาคีบรรลุความตกลงอย่างสันติเพื่อรับประกันปัจจัยพื้นฐาน[340]

วันที่ 2 มกราคม 2560 กลุ่มกบฏกล่าวว่าจะไม่เข้าร่วมการเจรจาตามกำหนดหลังมีการกล่าวหาการละเมิดการหยุดยิงของกำลังรัฐบาลในหุบวะดีบาราดาใกล้กับกรุงดามัสกัส ฝ่ายรัฐบาลระบุว่าภูมิภาคดังกล่าวถูกงดการหยุดยิงเพราะมีกลุ่ม Fatah al-Sham แต่นักเคลื่อนไหวท้องถิ่นปฏิเสธว่ามีกลุ่มนี้อยู่ที่นั่น[341] ปลายเดือนมกราคม กำลังรัฐบาลสามารถยุดวะดีบาราบาและการประปาของกรุงดามัสกัสกลับมาอีกครั้ง[342][343]

ควันลอยขึ้นจากอาคารในโญบัรหลังถูกระเบิดระหว่างการตีโต้ตอบของกบฏระหว่างการบุกกาบวน (Qaboun)

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 การหยุดยิงระหว่างกำลังอะซัดและกบฏล้มเหลวทั่วประเทศ ทำให้มีการปะทะรอบใหม่ตามจุดต่าง ๆ และมีการบุกของกบฏในดัรอา[344] มีการจัดการประชุมสันติภาพรอบใหม่ในเจนีวาในวันที่ 23 กุมภาพันธ์[345]

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ กองทัพตุรกียึดอัลบับจาก ISIL ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอะเลปโป[346] กำลังรัฐบาลซีเรียเริ่มการบุกทางตะวันออกของอะเลปโปเพื่อพิชิต Dayr Hafir จาก ISIL และป้องกันการบุกของตุรกีเพิ่มเติม

วันที่ 17 มีนาคม กองทัพซีเรียยิงขีปนาวุธเอส-200 ใส่เครื่องบินเจ็ตอิสราเอลเหนือที่สูงโกลัน กองทัพอิสราเอลอ้างว่าระบบป้องกันขีปนาวุธแอร์โรว์สกัดขีปนาวุธได้ 1 ลูก ส่วนกองทัพซีเรียอ้างว่ายิงเครื่องบินเจ็ตอิสราเอลลำดังกล่าวตก กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเรียกตัวเอกอัครราชทูตอิสราเอลมาชี้แจงสถานการณ์[347]

กองทัพอาหรับซีเรียเข้า Dayr Hafir ที่มั่นสุดท้ายที่ IS ถือครองในอะเลปโปตะวันออกในวันที่ 23 มีนาคมและยึดได้ในวันเดียวกัน ซึ่งเปิดโอกาสให้ผลักลงใต้เข้าสู่เขตผู้ว่าการอัรร็อกเกาะฮ์ซึ่งเป็นเมืองหลวงโดยพฤตินัยของรัฐอิสลาม ทว่า วันเดียวกัน หน่วยชั่วคราวของกำลังประชาธิปไตยซีเรียขึ้นฝั่งบนคาบสมุทรทางตะวันตกของอัรร็อกเกาะฮ์โดยเรือและเฮลิคอปเตอร์เพื่อพยายามปิดมิให้กองทัพอาหรับซเรียเข้าสู่ร็อกเกาะฮ์ วันที่ 28 มีนาคม มีรายงานว่ามีการบรรลุความตกลงที่มีกาตาร์และอิหร่านเป็นนายหน้าสำหรับการอพยพเมืองที่ถูกล้อมสี่แห่งในประเทศซีเรียซึ่งมีประชากรรวมประมาณ 60,000 คน ข้อตกลงเกี่ยวข้องกับการอพยพผู้อยู่อาศัยในเมือง al-Fu'ah และ Kafriya ในเขตผู้ว่าการอิดลิบที่ถูกกำลังกบฏล้อม แลกกับการอพยพผู้อยู่อาศัยและกบฏใน Zabadani และ Madaya ในเขตผู้ว่าการรีฟดิมัชก์ที่ถูกรัฐบาลล้อม[348]

การโจมตีของสหรัฐตอบโต้การโจมตีเคมีที่คอนชัยคูน และการสู้รบรอบใหม่ (เมษายน – มิถุนายน 2560)

ขณะปล่อยขีปนาวุธจากยูเอสเอส พอร์เตอร์

วันที่ 7 เมษายน เรือรบสหรัฐปล่อยขีปนาวุธโทมาฮอว์กใส่ฐานทัพชะริอัตของรัฐบาลซีเรีย ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นแหล่งของการโจมตีเคมีที่คอนชัยคูนเมื่อสามวันก่อนหน้านั้น[349] เนื่องจากการโจมตีของสหรัฐดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทั้งรัฐสภาสหรัฐหรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จึงก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายภายใต้กฎหมายสหรัฐเช่นเดียวกับกฎหมายระหว่างประเทศ[350] มีการจัดประชุมคณะมนตรีความมั่นคงฯ ฉุกเฉิน ตามคำขอของโบลิเวียและรัสเซียสนับสนุน ผู้แทนสหรัฐกล่าวว่า "มลทินศีลธรรมของระบอบอะซัดไม่อาจปล่อยไว้ได้อีกต่อไป"[351] โฆษกประธานาธิบดีกล่าวว่า ปูตินมองการโจมตีของสหรัฐว่าเป็น "การกระทำรุกรานต่อชาติเอกราชโดยละเมิดบรรทัดฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและภายใต้บริบทกุขึ้น"[352] เดโบราห์ เพิร์ลสเตน (Deborah Pearlstein) แนะว่าการโจมตีของกองทัพสหรัฐต่อกำลังรัฐบาลซีเรียละเมิดกฎบัตรยูเอ็น[353]

กบฏยิงปืนใหญ่และจรวดใส่ที่ตั้งของรัฐบาลระหว่างยุทธการที่ฮะมาฮ์เหนือ

ขณะเดียวกัน การสู้รบดุเดือดระหว่างกำลังรัฐบาลและกลุ่มกบฏเริ่มทางเหนือของฮะมาฮ์ในวันที่ 21 มีนาคม ดำเนินต่อ[354]

วันที่ 12 เมษายน ความตกลงแลกเปลี่ยนผู้อยู่อาศัยในเมืองที่กบฏยึดครอง Zabadani และ Madaya กับผู้อยู่อาศัยของเมืองนิยมรัฐบาล Al-Fu'ah และ Kafraya เริ่มมีการนำไปปฏิบัติ[355] ในวันที่ 15 เมษายน ขบวนรถโดยสารประจำทางที่บรรทุกผู้อพยพจาก Al-Fu'ah และ Kafriya ถูกระเบิดฆ่าตัวตายในอะเลปโป ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 126 คน[356]

วันที่ 24 เมษายน กองทัพอากาศตุรกีดำเนินการโจมตีทางอากาศหลายครั้งต่อที่ตั้งของ YPG และ YPJ ใกล้กับ al-Malikiyah ทำให้มีนักรบเสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน สหรัฐประณามเหตุดังกล่าว[357]

วันที่ 4 พฤษภาคม 2560 รัสเซีย อิหร่านและตุรกีลงนามความตกลงในกรุงอัสตานาเพื่อสถาปนา "เขตลดขอบเขต" (de-escalation zone) 4 เขตในประเทศซีเรีย ได้แก่ เขตผู้ว่าการอิดลิบ เขตผู้ว่าการฮอมส์ส่วนเหนือที่กบฏควบคุม กูตาตะวันออกที่กบฏควบคุมและชายแดนจอร์แดน–ซีเรีย กลุ่มกบฏบางกลุ่มปฏิเสธความตกลงนี้[358] และพรรคสหภาพประชาธิปไตยยังประณามข้อตกลงนี้ โดยกล่าวว่าเขตหยุดยิง "แบ่งซีเรียออกตามนิกาย" การหยุดยิงมีผลในวันที่ 6 พฤษภาคม[359]

วันที่ 18 พฤษภาคม 2560 เครื่องบินขับไล่โจมตีขบวนกำลังนิยมรัฐบาลซีเรียที่มุ่งหน้าสู่ฐานของแนวร่วมสหรัฐ ณ เมืองชายแดน al-Tanf ที่ซึ่งกองทัพสหรัฐปฏิบัติการและฝึกกบฏต่อสู้รัฐบาล[360] กระนั้น การรุกทะเลททรายของรัฐบาลยังดำเนินต่อและในวันที่ 9 มิถุนายน กำลังรัฐบาลยึดบางส่วนของชายแดนซีเรีย–อิรักได้เป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2558[361]

การหยุดส่งอาวุธของซีไอเอ, ISIL แพ้, วางกำลังรัสเซียถาวร (กรกฎาคม–ธันวาคม 2560)

วันที่ 7 กรกฎาคม 2560 สหรัฐ รัสเซียและจอร์แดนตกลงหยุดยิงในบางส่วนของภาคตะวันตกเฉียงใต้ของซีเรีย รัสเซียรับรองว่าอะซัดจะปฏิบัติตามความตกลง[362]

วันที่ 19 กรกฎาคม 2560 มีรายงานว่ารัฐบาลดอนัลด์ ทรัมป์ตัดสินใจยุติโครงการของซีไอเอในการติดอาวุธและฝึกกลุ่มกบฏต่อสู้รัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ของรัสเซีย[363]

ทหารซีเรียต่อสู้ตามถนนในดัยรุซซูร 2 พฤศจิกายน

วันที่ 5 กันยายน 2560 การรุกซีเรียภาคกลางของรัฐบาลทำให้แก้ไขการล้อมดัยรุซซูรนานสามปีของ ISIL ได้สำเร็จ โดยกองทัพอากาศและกองทัพเรือรัสเซียเข้าร่วมด้วย[364][365][366] ไม่นานหลังจากนั้น ท่าอากาศยานของนครก็ได้รับการแก้ไขวงล้อมเช่นกัน[367]

พื้นที่ส่วนใหญ่ของร็อกเกาะฮ์ได้รับความเสียหายอย่างหนักระหว่างการยุทธ์[368]

วันที่ 17 ตุลาคม 2560 หลังการสู้รบดุเดือดกว่าสี่เดือนและการทิ้งระเบิดของแนวร่วมที่มีสหรัฐเป็นผู้นำ กำลังประชาธิปไตยซีเรียประกาศว่าสถาปนาการควบคุมสมบูรณ์ซึ่งนครร็อกเกาะฮ์ในภาคเหนือของประเทศซีเรียซึ่งเป็นเมืองหลวงโดยพฤตินัยเดิมของ ISIL ปลายเดือนตุลาคม รัฐบาลซีเรียกล่าวว่าจะถือว่าร็อกเกาะฮ์เป็นนครที่ถูกยึดครองซึ่ง "ถือว่าได้รับการปลดปล่อยเฉพาะเมื่อกองทัพอาหรับซีเรียเข้าเท่านั้น" กลางเดือนพฤศจิกายน 2560 กำลังรัฐบาลและทหารอาสาสมัครพันธมิตรสถาปนาการควบคุมสมบูรณ์เหนือดัยรุซซูรและเมือง Abu Kamal ที่ถูกยึดครองในภาคตะวันออกของประเทศ ใกล้กับชายแดนอิรัก[369]

วันที่ 6 ธันวาคม 2560 รัฐบาลซีเรียประกาศว่าซีเรีย "ได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์" จาก ISIL วันที่ 11 ธันวาคม ประธานาธิบดีปูตินเยือนฐานทัพรัสเซียในประเทศซีเรีย ซึ่งเขาสั่งให้ถอนกำลังบางส่วนที่ประจำอยู่ในประเทศ[370][371] วันที่ 26 ธันวาคม รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซียร์เกย์ ชอยกูกล่าวว่ารัสเซียจะ "ตั้งกลุ่มถาวร" ที่ฐานทัพเรือที่ฏ็อรฏูสและฐานทัพอากาศ Hmeymim[372][373] สองวันให้หลัง รัฐมนตรีคนดังกล่าวระบุว่า รัสเซียเชื่อว่ากำลังสหรัฐต้องออกจากดินแดนซีเรียอย่างเต็มตัวเมื่อส่วนสุดท้ายของผู้ก่อการร้ายถูกขจัดไปอย่างสมบูรณ์และคาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็ววัน[374][375]

การบุกของรัฐบาลรอบใหม่และปฏิบัติการกิ่งมะกอก (มกราคม–มีนาคม 2561)

รถถังกองทัพบกตุรกีบนถนนสู่อะฟริน

ระหว่างเดือนแรก ๆ ของปี 2561 กองทัพอาหรับซีเรียเปิดฉากการบุกในเขตผู้ว่าการฮะมาฮ์และชานเมืองกูตา ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ มีการบุกขนาดใหญ่ต่อกำลังตะห์รีรุชชาม (HTS), ISIS, หน่วยของพรรคอสิลามเตอร์กิสถาน (TIP) และกบฏอื่นในเขตผู้ว่าการฮะมาฮ์ การบุกประสบความสำเร็จในการยึดฐานทัพอากาศ Abu Adh Dhuhur เช่นเดียวกับการยุติ ISIS ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซีเรียอย่างถาวร ขณะเดียวกันวันที่ 21 กุมภาพันธ์ กองทัพซีเรียและพันธมิตรเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างวงล้อมของกบฏที่ตั้งอยู่ในย่านกูตาทางตะวันออกของกรุงดามัสกัส ปฏิบัติการดังกล่าวมีชื่อรหัสว่า "ดามัสกัสสตีล" เริ่มต้นด้วยการทัพทางอากาศอย่างเข้มข้น และจนถึงวันที่ 12 มีนาคม กำลังกบฏซึ่งประกอบด้วย Al-Rahman Legion, Jaysh al-Islam และกลุ่มแยกอื่น[376] ถูกบีบให้เป็นสามวงล้อมเล็ก ๆ แยกกัน[377]

แผนที่ปฏิบัติการกิ่งมะกอกแสดงการเปลี่ยนแปลงแนวรบตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561

ขณะเดียวกับที่กำลังรัฐบาลซีเรียบุกทั่วประเทศซีเรีย ประเทศตุรกีก็เปิดฉากการบุกของตนเองเช่นกันชื่อ ปฏิบัติการกิ่งมะกอก (Olive Branch) เป็นปฏิบัติการตามหลังปฏิบัติการยูเฟรตีสชีลด์ในปี 2559 และเป็นการโจมตีข้ามพรมแดนอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อยึดอะฟรินแคนทอน (Afrin Canton) และ Tell Rifaat ที่เคิร์ดยึดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทซีเรีย ปฏิบัติการเริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม โดยกองทัพตุรกีซึ่งมีกลุ่มแยก FSA หลายกลุ่มสนับสนุน ปะทะกับกำลัง YPG/YPJ ในวันที่ 18 มีนาคม FSA และกองทัพตุรกียึดอะฟรินแคนทอนจากกำลังเคิร์ด 58 วันหลังเริ่มปฏิบัติการ ทว่า กำลังที่ตุรกีสนับสนุนมิได้บุกต่อไปยังพื้นที่ Tell Rifaat เนื่องจากทั้งกำลังป้องกันชาติของรัฐบาลซีเรียและสารวัตรทหารรัสเซียเข้าพื้นที่และยึดเมือง Tell Rifaat และฐานทัพอากาศ Menaghe แล้ว[378]

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 กำลังป้องกันภัยทางอากาศซีเรียยิงเครื่องบินขับไล่เจ็ตเอฟ-16 ของอิสราเอลเพื่อตอบโต้การตีโฉบฉวยข้ามชายแดนที่อิสราเอลดำเนินการต่อเป้าหมายอิหร่านใกล้กรุงดามัสกัสผ่านน่านฟ้าเลบานอน[379][380] นักบินรอดชีวิตจากเครื่องตก แต่ถูกนำตัวรับการรักษาพยาบาล[381]

การโจมตีเคมีในดูมา, การสลายวงล้อมกูตา, การรุกภาคใต้ของซีเรีย (เมษายน–สิงหาคม 2561)

การระเบิดใกล้กับดุมมัร ประเทศซีเรีย

วันที่ 7 เมษายน 2561 มีรายงานการโจมตีเคมีในนครดูมา มีผู้เสียชีวิต 70 คน[382][383] และบาดเจ็บ 500 คน แพทย์สนามระบุว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการสัมผัสแก๊สคลอรีนและซาริน[384] รัฐบาลซีเรียปฏิเสธการใช้อาวุธเคมี หลังเกิดเหตุ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่สามารถรับข้อมติที่ขัดกันสามข้อมติว่าด้วยการสอบสวนเหตุโจมตีเคมีดังกล่าวได้ โดยรัสเซียและสหรัฐขัดกันในประเด็นดังกล่าว[385] วันรุ่งขึ้น กบฏทั้งหมดที่ควบคุมดูมาตกลงกับรัฐบาลยอมยกพื้นที่ดังกล่าวให้[386] วันที่ 12 เมษายน มีการสถาปนาการควบคุมของรัฐบาลอย่างสมบูรณ์เหนือพื้นที่กูตาตะวันออกทั้งหมดที่เดิมกบฏ Jaysh al-Islam ถือ การล้อมกูตาตะวันออกจึงสิ้นสุดลงหลังการสู้รบนานกว่า 5 ปี[387] วันที่ 13 เมษายน 2561 สหรัฐ สหราชอาณาจักรและฝรั่งศสเปิดฉากการโจมตีด้วยขีปนาวุธตอบแทนต่อเป้าหมายในกรุงดามัสกัสและฮอมส์ ประเทศซีเรีย

วันที่ 19 เมษายน 2561 กองทัพซีเรียและกลุ่มพันธมิตรชาวปาเลสไตน์เริ่มการบุกต่อค่ายผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ยาร์มุก ซึ่งถูก ISIL ยึดครองบางส่วน วันที่ 21 พฤษภาคม กลุ่มนิยมรัฐบาลเข้ายึดค่ายยาร์มุคคืนได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่นักรบ ISIL ถอนกำลังออกไปทางทะเลทรายทางทิศตะวันออกของนคร ฉะนั้นจึงทำให้กองทัพอาหรับซีเรียเมืองหลวงได้อย่างสมบูรณ์ครั้งแรกในรอบ 6 ปี[388][389]

วันที่ 6 กรกฎาคม ผลของการบุกภาคใต้ของซีเรียซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน กองทัพซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพรัสเซียถึงชายแดนจอร์แดนและยึดจุดผ่านแดนนาซิบ[390][391] วันที่ 31 กรกฎาคม การบุกยุติลงทำให้รัฐบาลซีเรียควบคุมเขตผู้ว่าการดัรอาและกุนัยฏิเราะฮ์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

วันที่ 17 กันยายน อิสราเอลโจมตีเป้าหมายหลายตำแหน่งในภาคตะวันตกของซีเรีย กองทัพซีเรียยิงเครื่องบินรัสเซียตกลำหนึ่งขณะพยายามโจมตีเครื่องบินอิสราเอล ทำให้ชาวรัสเซียเสียชีวิต 15 คน[392][393] การโจมตีดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังรัสเซียกับตุรกีตกลงสร้างเขตปลอดทหารรอบเขตอิดลิบ ซึ่งชะลอปฏิบัติการบุกของกำลังรัฐบาลบะอัธซีเรียและพันธมิตร[394] รัสเซียกล่าวโทษอสิราเอลจากเหตุการณ์นี้[395][396]

วันที่ 24 กันยายน 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย Sergey Shoygu ยืนยันว่ากองทัพซีเรียจะได้รับระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศเอส-300 เพื่อเสริมสมรรถนะการป้องกันภัยทางอากาศในการรบของซีเรีย เขาเสริมว่าการยกเลิกสัญญาส่งมอบเอส-300 ในปี 2556 เป็นเพราะคำขอของอิสราเอล แต่สถาการณเปลี่ยนไปหลังเหตุเครื่องบินรัสเซียถูกยิงตกในซีเรีย[397][398][399] ทั้งนี้ เอส-300 มีระบบ IFF สมัยใหม่ซึ่งป้องกันการเล็งขีปนาวุธใส่เครื่องบินรัสเซีย[400]

การทำให้อิดลิบปลอดทหาร ทรัมป์ประกาศถอนทหารสหรัฐ อิรักโจมตีเป้าหมาย ISIL (กันยายน–ธันวาคม 2561)

วันที่ 17 กันยายน 2561 ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูตินของรัสเซียและเอร์โดอันของตุรกีบรรลุความตกลงสร้างเขตกันชนในอิดลิป

วันที่ 12 ธันวาคม รัฐบาลตุรกีประกาศจะเริ่มปฏิบัติการต่อโรยาวา โดยเป็นการวิจารณ์ความพยายามของสหรัฐในการรับประกันความมั่นคงชายแดนของตุรกีในพื้นที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ว่าจะถอนกำลังทั้งหมดออกจากซีเรีย หลังตุรกีชะลอการเข้าตีตามแผน

วันที่ 25 ธันวาค อิสราเอลเปิดฉากการเข้าตีจากหรือข้ามน่านฟ้าเลบานอน "เพื่อตอบสนองขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานที่ยิงมาจากซีเรีย" รายงานจากซีเรียกล่าวว่าคลังอาวุธใน Qatifah ห่างจากกรุงดามัสกัสไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 40 กิโลเมตร ถูกโจมตี ทำให้มีทหารบาดเจ็บ 3 นาย

วันที่ 30 ธันวาคม รัฐบาลบะอัธซีเรียอนุญาตให้อิรักโจมตี ISIL ในดินแดนซีเรีย อิรักโจมตีเป้าหมาย ISIL ใน Deir ez-Zor ในวันถัดมา

ISIL โจมตีต่อ สหรัฐประกาศเงื่อนไขการถอนกำลัง ความขัดแย้งภายในกลุ่มกบฏรอบห้า (มกราคม–พฤษภาคม 2562)

ระหว่างวันที่ 1 ถึง 10 มกราคม 2562 Hayat Tahrir al-Sham (HTS) เข้าตีและยึดที่ตั้งของ National Front for Liberation (NLF) ข้ามอิดลิปและอะเลปโปที่กบฏถือครอง วันที่ 9 มกราคม 2562 ทั้งสองกลุ่มบรรลุการพักรบ โดย NLF ยอมยกที่ตั้งสุดท้ายในอิดลิปให้ HTS และอพยพไปยังพื้นที่ที่อยู่ใต้การควบคุมของกองทัพซีเรียเสรีในอะฟรินที่ตุรกีหนุนหลังอยู่ วันต่อมา HTS เข้าควบคุมพื้นที่ดังกล่าว

วันที่ 6 มกราคม 2562 ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาตของสหรัฐ จอห์น โบลตัน กล่าวว่าการถอนกำลังสหรัฐจากซีเรียขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบางประการ เช่น การรับประกันว่ากำลัง ISIL กลุ่มสุดท้ายแพ้และเคิร์ดในซีเรียเหนือปลอดภัยจากองทัพตุรกี อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีเอร์โดอันปฏิเสธข้อเรียกร้องให้คุ้มครองเคิร์ดซึ่งเขาถือว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย วันที่ 10 มกราคท 2562 ไมก์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่าสหรัฐจะถอนกำลังจากซีเรียแต่ยังจะสู้กับ ISIL ต่อไป แต่เตือนด้วยว่าจะไม่มีงบช่วยเหลือบูรณะสำหรับพื้นที่ที่ประธานาธิบดีอัลอะซัดควบคุมอยู่จนกว่าอิหร่านและตัวแทนออกจากพื้นที่

ใกล้เคียง

สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามเวียดนาม สงครามกลางเมืองอเมริกา สงครามแปซิฟิก สงครามเกาหลี สงครามอ่าว สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สงครามครูเสด สงครามกัมพูชา–เวียดนาม

แหล่งที่มา

WikiPedia: สงครามกลางเมืองซีเรีย http://www.thenational.ae/arts-culture/instead-of-... http://www.thenational.ae/world/middle-east/syria-... http://www.businessinsider.com.au/graphic-the-most... http://www.businessinsider.com.au/syrian-kurds-now... http://www.news.com.au/world/breaking-news/turkey-... http://mobile.abc.net.au/news/2014-06-05/syrias-as... http://www.cbc.ca/news/politics/government-positio... http://coat.ncf.ca/our_magazine/links/issue51/arti... http://english.aawsat.com/2017/01/article55366551/... http://www.aksalser.com/index.php?page=view_articl...